25 Mar 2016
Article

อ่านให้รู้!! WebOS TizenOS และ Android OS มีอะไรดีแตกต่างกัน??


  • Dear_Sir

สำหรับ Smart TV ในปัจจุบันจะผลักดันด้วยระบบปฏิบัติการเป็นหลัก ซึ่งระบบปฏิบัติการที่นิยมในปัจจุบัน และจากการสัมผัสจริงในการใช้งานก็จะมีอยู่สามอย่างคือ WebOS, Tizen OS และ Android OS แล้วระบบปฏิบัติการทั้งสามอย่างนี้แบบไหนมันจะดีกว่ากันวันนี้เรามีคำตอบมาให้ครับ แต่เราจะไม่พูดถึงเรื่องยูสเซอร์อินเตอร์เฟสต่างๆ (เพราะเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล) เราจะมาพูดถึงเนื้อในนั่นก็คือลูกเล่นของระบบปฏิบัติการนั้นๆ และก็แอปพลิเคชันว่ามันมีดีต่างกันยังไง? เกือบลืมบอกไปเท่าที่เล่นมาทั้งสามระบบนี้ความเร็วในการทำงานพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ไม่มีใครเร็ว หรือใครช้ากว่าใคร

WebOS และ TizenOS

ระบบปฏิบัติการ WebOS กับ TizenOS แม้ว่าทั้งสองจะมาจากต่างค่ายต่างแบรนด์ (WebOS ของ LG, TizenOS ของ Samsung) ทว่าก็มีจุดที่เหมือนกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทางแบรนด์เป็นผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการขึ้นมาเอง พวกแอปพลิเคชันที่มีอยู่บนสโตร์ก็มีทางแบรนด์เป็นผู้พัฒนาขึ้นมาแล้วจับใส่เข้าไป ทำให้แอปพลิเคชันไม่ได้มีเยอะอะไรมากมายนัก ทว่า!! ระบบปฏิบัติการเช่นนี้ก็จะมีจุดแข็งในการร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ของแต่ละประเทศนั้นๆ จนสุดท้ายนำไปสู่แอปพลิเคชันที่เหมาะกับการใช้งานของคนแต่ละประเทศ ยกตัวอย่างในประเทศไทย ก็จะมีแอปสตรีมมิ่งพวก ดูหนังดอทคอม, Prime Time หรือแอปดูตัวอย่างหนัง Major Cineplex แอปข่าวต่างๆ ไว้ให้ผู้ใช้เรียกดูเป็นต้น

นอกจากนี้ WebOS กับ TizenOS ยังมีฟีเจอร์เล็กๆ น้อยๆ ที่เหมาะกับการใช้งานเช่นการบันทึกรายการทีวี (แม้เมืองนอกจะมีข่าวว่า Android 5.x จะมีตัวอัพเดทให้สามารถบันทึกรายการได้ช่วงกลางปีนี้ แต่ก็ต้องมาลุ้นว่าจะใช้กับบ้านเราได้ไหม) การปิดเครื่องแบบที่เป็นการปิดทีวีจริงๆ ไม่ใช่การ Stand by เหมือน Android

ข้อดีของ WebOS และ Tizen OS

– มีแอปพลิเคชันที่เข้าถึงผู้ใช้งานแต่ละประเทศ อย่างบ้านเราก็มีแอปพวกดูหนังต่างๆ อย่าง Prime Time, ดูหนังดอทคอม

– มีฟีเจอร์ดีๆ ที่ต่อมาจากของเดิมคือการบันทึกรายการ เป็นต้น

– บัคในการใช้งานน้อย

ข้อเสียของ WebOS และ TizenOS

– การพัฒนาจะค่อนข้างช้า เพราะทางแบรนด์เป็นผู้พัฒนาเอง ต้องทุ่มงบทั้งในด้านของตัวแอปฯ และระบบปฏิบัติการ

Android OS

ระบบปฏิบัติการ Android บนทีวีที่เราเห็นๆ กันอยู่ในปัจจุบันจะมีด้วยกัน 2 เวอร์ชัน เวอร์ชันแรกคือ 4.xx กับอีกเวอร์ชันก็คือ 5.xx ซึ่งถ้าจะให้บอกอย่างจริงใจคงต้องตอบว่าเวอร์ชัน 5.xx นั้นดีกว่า เนื่องจากเป็นเวอร์ชันที่ทำมาสำหรับทีวีโดยเฉพาะ นอกจากความเร็วจะต่างกันมากแล้ว พวกแอปพลิเคชันต่างๆ ยังดีกว่ากันค่อนข้างมาก เพราะแอปเหล่านี้ต่างคัดกรองมาแล้วว่าสามารถใช้งานบนทีวีได้จริง ไม่เหมือนกับในเวอร์ชัน 4.xx ซึ่งผู้ใช้จะต้องไปสุ่มหาว่าแอปใดใช้กับทีวีได้บ้าง

จุดแข็งของระบบปฏิบัติการ Android คือมี Google เป็นผู้พัฒนา และมีนักพัฒนาแอปต่างๆ จากทั่วโลกที่พร้อมจะทำแอปพลิเคชันเพื่อที่จะบรรจุลงบน PlayStore ทำให้ PlayStore มีแอปพลิเคชันเยอะ มีอะไรน่าเล่นมากกว่า ยกตัวอย่างการดูคลิปวิดีโอบน YouTube ก็สามารถเลือกความละเอียด 4K ได้ แอปพลิเคชันเกมต่างๆ ก็เป็นแบบ HD สามารถเชื่อมต่อกับจอยบลูทูธในการควบคุมได้ด้วย การอัพเดทต่างๆ นั้นจะเป็นไปตามที่ Google กำหนด ผู้ใช้ในแต่ละประเทศจะได้รับสิทธิ์ที่ไม่เท่ากันซึ่งถือเป็นข้อเสียที่ไม่น่ารักเลย ยกตัวอย่างแอป PlayStation Now ที่เป็นแอปพลิเคชันในการเล่นเกมผ่านระบบสตรีมมิ่งก็จะไม่มีในบ้านเรา แต่จะมีในโซนอเมริกาแทน นอกจากนี้โอกาสร่วมมือกับพันธมิตรจนพัฒนาแอปที่เหมาะกับการใช้งานของคนในประเทศนั้นๆ ก็แทบจะไม่มีเลย

ข้อดีของ Android 5.xx

– แอปพลิเคชันมีคุณภาพมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวเกมส์ หรือแอปฯ ในการใช้งาน

– ตัวระบบปฏิบัติการออกแบบมาเอื้อให้กับการใช้งานร่วมกับจอยคอนโทรลเลอร์สำหรับในการควบคุม เช่น เล่นเกมส์

– การพัฒนาเป็นไปตามเมืองนอกเมืองนา แม้จะถูกลดทอนความสามารถบางอย่างไปบ้าง

ข้อเสียของ Android 5.xx

– ยังมีบัคเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องได้รับการพัฒนา เช่นการปิดเครื่องจะเป็นการ Stand by หรือบางครั้ง หา Wi-Fi ไม่เจอเป็นต้น

– มีแอปพลิเคชันที่เหมาะกับผู้ใช้งานแต่ละประเทศน้อย

สำหรับคนที่อ่านแล้วเกิดกิเลสขึ้นมา แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ ยังเสับสนอยู่ว่าจะเลือกอะไรดี? ขอแนะนำว่าให้ลองไปเล่นกับตัวระบบปฏิบัติการจริงๆ ที่หน้าร้านครับ มันจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของเราได้ง่ายขึ้น เอาให้รู้ซึ้งกันไปเลย พนักงานขายไม่ว่าครับ