10 Apr 2014
Article

วิธีป้องกัน Burn In !!! ภาพไหม้ค้างติดหน้าจอ ใครกำลังใช้ Plasma TV อยู่รีบมาดู


  • lcdtvthailand

หากพูดถึงอาการ Burn In คำอธิบายที่เข้าใจได้ง่ายที่สุดก็คือแปลว่า “ภาพค้างติดหน้าจอ” ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับ Plasma TV, OLED TV อาการนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราเปิดภาพนิ่งทิ้งไว้นานๆ ทำให้ภาพนิ่งเหล่านั้นไหม้ค้างติดหน้าจอ ซึ่งแบ่งเป็น 2 กรณีคือภาพไหม้ค้างติดหน้าจอแบบชั่วคราวและแบบถาวร ตัวอย่างที่เห็นอย่างชัดเจนก็อาทิ เช่น โลโก้ช่อง 3,5,7,9 โลโก้ True Vision, เมนูของทีวีหรือเครื่องเล่นดีวีดี, การกด Pause ค้างไว้นานเกินไประหว่างการเล่นเกมส์, การดูหนังอัตรา ส่วน 4:3 ในจอภาพอัตราส่วน 16:9 ทำให้มีแถบสีดำด้านซ้ายขวา ภาพเหล่านี้สามารถไหม้ติดหน้าจอ Plasma TV และ OLED TV ได้

*ในปัจจุบันผู้ผลิตส่วนใหญ่ ต่างเริ่มยกเลิก Plasma TV กันแล้ว จึงคงเหลือ OLED TV ที่อาจจะเจอกับปัญหานี้ได้  

และที่สำคัญเลยคือโดยปกติแล้ว อาการ “Burn In” อยู่นอกเหนือจาก Warranty (การประกัน) ดังนั้นจึงสรุปง่ายๆ ว่า Plasma TV และ OLED TV ไม่เหมาะกับการเปิดภาพนิ่งทิ้งไว้นานๆนะครับ แล้วไอ้อาการ Burn In มันเป็นยังไงหนอ???

สำหรับ Plasma TV เครื่องใหม่แกะกล่องนั้น ฟอสเฟอร์หรือสารเคลือบให้ความสว่าง
จะให้ความสว่างสูงสุดทุกๆเม็ดพิกเซลของจอ (ก็แน่สิของใหม่นี่ครับ)

แต่เมื่อเราใช้งานไปเรื่อยๆ อายุการใช้งานของฟอสเฟอร์ก็เสื่อมตามอายุขัยและระดับความสว่างของจอก็จะลดลง ซึ่งอย่าเพิ่งตกใจไปนะครับ เพราะปกติผู้ผลิต Plasma TV ก็จะระบุอายุการใช้งานของ Plasma TV เครื่องนั้นๆ อยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น 60,000 Hrs (Half Brightness) ก็จะถึงครึ่งชีวิตของมัน กล่าวคือ ระดับความสว่างของจอก็จะลดไป 50% เมื่อผ่านการใช้งานไป 60,000 ชั่วโมง ซึ่ง Plasma TV เครื่องนั้นๆ ก็ยังใช้ได้อยู่ตามปกตินะครับ เพียงแต่ว่าแค่สว่างน้อยลงแค่นั้น สำหรับเรื่องอายุการใช้งานที่กล่าวมาข้างต้นนี้ยังไม่ถือว่าเกี่ยวกับการ Burn In โดยตรงนะครับ

แต่ทีนี้ ถ้าเราดูหนัง อัตราส่วน 4:3 ในจอภาพสัดส่วน 16:9 ดูบ้าง จะสังเกตว่าจะมีแถบสีดำด้านข้างซ้ายและขวาครับ ถ้าดูแบบนี้บ่อยๆ ขอย้ำว่าไม่ดีนะครับ เพราะอายุการใช้งานของแถบด้านข้างจะเหลือเยอะกว่า ถ้าเรามาดูหนัง 16:9 อีกครั้งหนึ่ง ตรงแถบด้านข้างอาจจะสว่างกว่าเพราะอายุการใช้งานเหลือเยอะกว่าครับ

กลับกัน ถ้าเราดูหนังอัตราส่วน 1.85:1/2.35:1/ 2.40:1 ซึ่งเป็นอัตราส่วนหนังทั่วไปของหนังแผ่น DVD ก็จะทำให้เกิดแถบสีดำที่ด้านบนและด้านล่าง ถ้าดูหนังแบบนี้ในจอ Plasma TV บ่อยๆ จะทำให้อายุการใช้งานของแถบบนและแถบล่างเหลือมากกว่าส่วนตรงกลางจอครับ ซึ่งในระยะยาวไม่ได้เป็นผลดีแน่ๆ

ทีนี้ลองจินตนาการดูสิว่าถ้า 2 กรณีนี้มารวมกันจะเกิดอะไรขึ้น

โลโก้ TV เช่นโลโก้ ช่อง 3,5,7,9 โลโก้ True Vision, หรือเวลาเราดู DVD แล้วกด Pause เลยทำให้โลโก้โชว์ค้างที่หน้าจอนานๆ สาเหตุเหล่านี้ ทำให้ทีวีเกิดอาการ Burn In เป็นรูปโลโก้ติดหน้าจอได้ครับ

ทำไม Plasma TV, OLED TV ต้องเจอกับอาการ Burn In ด้วยหละ???  
ความจริงต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่แค่ Plasma TV กับ OLED TVที่จะต้องมาเจอกับปัญหา Burn In แต่ทว่าทีวีหรือจอแสดงผลอื่นๆ ที่ใช้ฟอสเฟอร์ซึ่งเป็นสารเรืองแสงก็จะมีโอกาสเจอกับปัญหา Burn In ได้เหมือนกัน เช่น CRT TV นี่แหละครับ แต่จะไม่ได้เป็นง่ายเท่ากับ Plasma TV นะครับ Burn In เกิดขึ้นเพราะปริมาณฟอสเฟอร์ไม่เท่ากันในจอนั้นๆ เช่น ดูหนัง Big Cinema ของช่อง 7 ในหนังมีแต่ฉากมืดๆซะส่วนใหญ่ แต่โลโก้ช่อง 7 นั้นสว่างตลอด พอดูนานๆเข้า โลโก้มันก็ค้างติดหน้าจอครับ ส่วน LCD TV, Projector, Projection TV จะไม่เจอปัญหาเรื่อง Burn In ครับ สบายใจได้


แล้วเราจะป้องกัน Burn In อย่างไรดีล่ะ

1. สำหรับ Plasma TV ใหม่แกล่อง อย่าปรับ Contrast & Brightness ให้สูงเกินไป เพราะจะเป็นการเร่งการใช้งานฟอสเฟอร์ไปในตัวครับ ดังนั้นการปรับ Contrast & Brightness ในระดับที่เหมาะสม นอกจากเราจะดูทีวีสบายตาขึ้นแล้ว ยังจะช่วยป้องกันการ Burn In ด้วยครับโดยเฉพาะพวกโลโก้ต่างๆ ผมยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น Logo ช่อง 7 ถ้าเร่ง Contrast ให้สีจัดๆจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็น แดง เขียว น้ำเงิน ขาว โอกาสภาพโลโก้ค้างติดหน้าจอก็มากขึ้นเท่านั้น

2. พยายามอย่าเพิ่งดูรายการหรือหนังที่มีอตราส่วน 4:3 และ 2.35:1 ใน 100 ชั่วโมงแรกของการใช้งาน อันนี้เป็นปัญหาที่หลายๆ คน มองข้ามนะครับ เพราะว่า Plasma TV นี่แหละจะเกิดอาการ Burn In ง่ายสุดในช่วง 100 ชั่วโมงแรก และจะเกิดเอาการ Burn In น้อยลง หลังจากผ่านไปแล้ว 1,000 ชั่วโมงครับ

3. เลือกอัตราส่วนภาพให้เต็มจอเสมอ เนื่องจากจอ Plasma TV ส่วนใหญ่มีอัตรส่วน 16:9 ครั้นเราจะเปิด Free TV ช่องธรรมดาดูด้วย อัตราส่วน 4:3 ซึ่งข้อดีก็คือจะทำให้สัดส่วนไม่เพี้ยน หรือ ดูหนังแผ่นที่มีอัตรส่วน 2.35:1 ซึ่งทั้ง 2 อย่างจะทำให้เกิดแถบทำที่ด้านข้างและด้านบนล่างตามลำดับ และจะทำให้ปริมาณฟอสเฟอร์ที่ถูกใช้ในระยะแรกของพิกเซลทั้งจอไม่เท่ากันด้วย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการ Burn In ได้งายขึ้น ดังนั้นในชาวงระยะแรก จึงควรเลือกปรับให้ภาพมันเต็มจอจะดีกว่าครับ

4. เปลี่ยนช่องบ่อยๆเพื่อป้องกันโลโก้ Burn In ติดหน้าจอ อย่างที่บอก โลโก้นี่แหละคือตัวปัญหาเรื่อง Burn In ของจริงเลย (โดนมากะตัวหุหุหุ) พยายามเปลี่ยนช่องให้บ่อยๆ นะครับ หลีกเลี่ยงพวกโลโก้สีขาวด้วย นี่แหละตัวดีเลย เดี๋ยวนี้เมืองนอกเค้าพัฒนาโลโก้ช่องให้เป็นสีเทาเพื่อป้องกันการ Burn In ด้วยนะครับ

5. ใช้แถบสีเทาแทนที่แถบสีดำ แต่ปัจจุบันนนี้ Plasma TV แทบทุกยี่ห้อ เวลาเราปรับอัตราส่วนจอเป็น 4:3 ตรงแถบด้านข้างซ้ายขวา มันจะโชว์เป็นแถบสีเทาให้อัตโนมัติครับ ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ผู้ผลิตเอาใจใส่ได้อย่างดีเยี่ยมแต่ถ้าเป็นสีดำแบบในอดีต ป่านนี้คง Burn In กัน กระจายไปแล้ว

6. เปิดโหมดป้องกันแบบ Active ที่เรียกว่า Active เพราะเป็นการป้องกันก่อน Burn In เกิดนะครับ เปิดโหมดป้องกันการ Burn In โดยให้ Pixel เคลื่อนตัวเป็นช่วงๆ ผมเชื่อว่าหลายๆท่านคงจะรู้จักฟังก์ชั่น Orbiter นะครับ มันจะทำให้เม็ดพิกเซลขยับไปประมาณ 2 พิกเซล (ซ้าย ขวา บน ล่าง) ทุกๆ 2 นาที เป็นการเปลี่ยนตำแหน่งของพิกเซลเพื่อไม่ให้อยู่กับที่นานเกินไปจนเกิด Burn In ซึ่งเราจะสังเกตุการเคลื่อนตัวได้ แต่จัดได้ว่าเคลื่อนตัวได้เนียนจนไม่รำคาญตาจนเกินไปนัก ดังนั้นถ้าใช้ Plasma TV จงเปิด Orbiter ไว้ตลดนะครับ ช่วยได้เยอะเลย

7. ใช้โหมดป้องกันแบบ Reactive เมื่อเกิด Burn In ภาพค้างติดหน้าจอ: ส่วนใหญ่มี 2 แบบก็คือ White Wash แบบนี้ทั้งจอจะเป็นสีขาวทั้งหมดเลย ทำให้ทุกเม็ดพิกเซลสว่างและถูกใช้งานเท่ากัน จะช่วยลบรอย Burn In แบบชั่วคราวได้ และอีกแบบก็คือ Inversion ซึ่งจะกลับภาพเป็นสีตรงข้ามเช่น ขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว ก็จะช่วยลบรอย Burn In ได้เช่นกันครับ 

สรุป เมื่อถอย Plasma TV มาใหม่ จง…
1. ลด Contrast ลง
2. หลีกเหลี่ยงอัตราส่วนที่ไม่เต็มจอเช่น 4:3 หรือ 2.35:1
3. เปลี่ยนช่องบ่อยๆ
4. เห็นภาพค้างติดหน้าจอ ให้ใช้โหมดป้องกันการ Burn In แบบ Reactive ทันที

และสิ่งที่ต้องทำตลอดเวลาเพื่อป้องกันการ Burn In
1. ใช้แถบข้างสีเทาแทนสีดำ
2. เปิด Orbiter ให้ Pixel ไม่อยู่กับที่
3. ปรับ Contrast และ Brightness ให้อยู่ระดับที่เหมาะสม ไม่สูงจนเกินไป

ในปัจจุบันนี้ Plasma TV มีการพัฒนาที่ช่วยป้องกัน Burn In ได้ดีเยี่ยมขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ เพราะฉะนั้นอย่าวิตกกังวลจนเกินไป แน่นอนว่าคุณภาพของภาพของ Plasma TV นั้นจัดได้ว่าดีเยี่ยม สีสันสมจริง และดูสบายตากว่า LCD TV แต่จุดอ่อนจุดเดียวที่ยังไม่สามารถ แก้ไขได้ 100% ก็คือ Burn In นี่แหละครับ ดังนั้นถ้าเราคิดว่า “เราใช้ทีวีเป็น…และดูแลรักษาเป็น…..” Plasma TV ก็จะเป็นคำตอบสุดท้ายของคุณครับ