For Music Lovers by Music Lovers
— เมื่อจิตวิญญาณของผู้ผลิตและนักฟังหลอมรวมเป็นหนึ่ง —
— รังสรรค์โดยผู้รัการฟังเพลง…เพื่อผู้รักการฟังเพลงโดยเฉพาะ —
สวัสดีพี่น้องชาว LCDTVTHAILAND.COM และ HOMETHEATERTHAILAND.COM กระผม “นายโรมัน” ได้รับเกียรติเรียนเชิญในฐานะสื่อมวลชนแวดวงภาพและเสียงให้บินลัดฟ้าจากกรุงเทพสู่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน เพื่อเข้าร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวสินค้า Sony Hi-Res Audio รุ่นใหม่ ในไลน์อัพท็อปสุดซึ่งมีชื่อว่า “Signature Series” โดยทริปนี้เริ่มออกเดินทางกลางคืนวันที่ 30 สิงหาคม ลากยาวไปจนถึงวันที่ 4 กันยายน 2016 ต้องยอมรับว่ากระแสเครื่องเล่นเพลง Hi-Res แบบพกพาและพวกหูฟังนั่นกำลังมาแรง มีอัตราการเติบโตขึ้นทุกปี จนเป็นหมวดสินค้าน้องใหม่ไฟแรงที่สร้าง “ผลกำไรบวก” ให้ทั้งบริษัทแม่และสาขาในประเทศไทย
ทำไมต้อง Hi-Res Audio ?
คำว่า High Resolution Audio หรือเสียงความละเอียดสูง หากเปรียบในวงการภาพที่เราคุ้นเคยก็เปรียบดั่งการถ่ายทำภาพยนตร์ด้วยกล้องความละเอียดสูงถึง 4K แต่กลับถูกบีบอัดเพื่อให้รับชมกันภายในบ้านเพียงแค่ Full HD 1080 หรือความละเอียดระดับ DVD อย่าง 576 เท่านั้น รายละเอียดที่เราเสพมัน “หายไปเยอะ” ทำให้อรรถรรสการรับชมย่อมถดถอยลงไป ไม่เป็นดั่งที่ผู้สร้างภาพยนตร์หรือผู้กำกับต้องการให้เราได้ซึมซับ วงการเพลงก็เช่นกัน ศิลปินนักร้องบันทึกเพลงในสตูดิโอที่ให้ต้นฉบับความละเอียดสูง แต่ก็มักถูกบีบอัดลงมาหลายเท่า จนเหลือขนาดกระจิ๊ดริ๊ดอย่างพวก MP3 หรืออย่างดีหน่อยก็ความละเอียดเท่าแผ่น CD Audio รายละเอียดและความชัดเจนถูกลดทอนลงไป เช่นเดียวกับขนาดไฟล์ที่เล็กลงมาเพื่อที่จะได้สะดวกในการดาวน์โหลด, บรรจุ และพกพา เราจึงมิได้เสพในสิ่งที่ผู้ผลิตเพลงเขาต้องการสื่ออย่างครบถ้วน 100% จึงเป็นที่มาของคำว่า High Resolution Audio ไฟล์เพลงความละเอียดสูงดั่งต้นฉบับในสตูดิโอ ผู้รักการฟังเพลงอย่างแท้จริงจะได้ “เต็มที่ทุกรายละเอียดและเข้าถึงทุกอารมณ์ดนตรี” นั่นเอง !
ตัวผมเองมีความประทับใจกับสินค้า Sony Walkman ตั้งแต่เด็ก ซักหลายสิบปีที่แล้วในยุคอนาล็อคคาบเกี่ยวดิจิตอล คุณพ่อเคยซื้อ Walkman ที่เล่นม้วนเทป Cassette มาให้ ในตอนนั้นผมยังไม่รู้จักมันในนาม Walkman หากเป็นคำว่า Soundabout ที่กลายเป็น Generic Name สำหรับการเรียกชื่อประเภทสินค้าชนิดนี้ในสมัยนั้น (เป็นชื่อทางการตลาดในไทยและอเมริกา) ผมเองมีเทปเพลงโปรดจากค่าย RS และเพลงสากลฝรั่งเพราะๆอยู่มิน้อย (ผมมันวัยรุ่นยค 90″ จ้า) เพียงแค่ใส่หูฟังที่แถมมากับตัวเครื่องก็สามารถเข้าสู่โหมดสำราญแบบส่วนตั๊วะส่วนตัว จุดหักเหที่สำคัญที่ผมแอบหลงรัก Walkman อย่างสุดหัวใจก็อยู่ตอนที่ถูกส่งไปไปเรียนภาษาที่ประเทศอังกฤษเป็นเวลา 1 เดือน ตอนนั้นผมยังเด็กมากกกส์…คิดดูสิบกว่าขวบเอง เมื่อถูกส่งไปผจญภัยอย่างโดดเดี่ยวในประเทศที่ไม้คุ้นเคยก็เกิดอาการ Home Sick = คิดถึงบ้าน ตามประสาเด็กน้อยวัยนมยังไม่แตกพาน อนึ่งบ้านของครอบครัวชาวอังกฤษที่ผมได้ไปพำนักก็ดันอยู่โซนชานเมืองอันเวิ้งว้างที่จะเรียก “สงบ” ก็คงไม่ใช่ หากเรียก “สงัด” คงถูกต้องกว่า !!!!
ผมถูกจัดแจงให้นอน “ห้องใต้หลังคา” ใกล้ชิดกับลมหนาวสุดๆมีเพียงกระจกสำหรับเปิดระบายอากาศเท่านั้นที่ป้องกันการปะทะจากสภาพอากาศอันเลวร้ายภายนอก ประเด็นคือใช้ชีวิตอยู่ได้ซัก 2-3 วัน ฮีทเตอร์ (เครื่องทำความร้อน) ในห้องนอนดันเสียซะดื้อๆ อากาศหนาวก็หนาว + อารมณ์เหงาก็เหงา ก็มีแต่เจ้า Walkman พร้อมกับม้วนเทปอั้ลบั้มรวมฮิตเพลงสากลสุดไพเราะ ช่วยประคับประครองให้ผ่านแต่ละคืนเหงาไปได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเพลง Run to me ของ Bee Gees ที่ความหมายออกแนวเหงาปนเศร้า ประมาณว่า…โปรดวิ่งมาให้ฉันถ้าหากเธอรู้สึกเหงาและต้องการไหล่ให้ซบ Run to me whenever you are lonely โอ้ย โอ้ย เอะอะก็ร้องเหงา ! ด้วยบรรยากาศอันเย็นยะเยือกในคืนวันนั้น ผสานกับความหมายของเพลงที่รัญจวนใจ จึงกระตุ้นต่อมอารมณ์เศร้าให้ปะทุจนเกินกว่าที่จะรับไหว น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูอาบเต็มสองแก้มในทันใด ระบายความเหงาและคิดถึงบ้านออกมาอย่างหมดสิ้น ปล่อยโฮอย่างไม่กลัวเสียเชิงชายแม้แต่นิด
พอโตขึ้นมาก็ยังแอบคิดเลยว่านี่สินะที่เขาเรียกว่า “การเข้าถึงอารมณ์ดนตรีอย่างแท้จริง” หาใช่ขี้แยซะที่ไหน (ฮา) เป็นเรื่องจริงที่เศร้าปนซึ้งของตัวผมเอง ได้สร้างความประทับใจให้ผมต่อ Sony Walkman ตั้งแต่เยาว์วัย นับเป็นความทรงจำที่ดีมากที่สุดความทรงจำหนึ่ง จึงขอนำมาเล่าขานสู่กันฟังอย่างไม่เคอะเขิน ^ ^
จวบจนวันนี้เทคโนโลยีเคลื่อนที่ไปไกลมาก ทุกสิ่งล้วนย่อมมีพัฒนาการ วงการเครื่องเล่นเพลงพกพาก็เช่นกัน จากม้วนเทปอนาล็อกสู่ไฟล์เพลงดิจิตอลระดับ Hi-Resolution ความละเอียดสูงเฉกเช่นต้นฉบับที่ศิลปินบันทึกในสตูดิโอ ส่วน Hardware ทั้งเครื่องเล่นเพลงขนาดพกพาและตัวหูฟังก็มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาอัพเกรดคุณภาพเสียงให้ดีขึ้กว่าสมัยก่อนอย่างมา่กมาย ในปี 2016 นี้ทาง Sony เห็นเป็นฤกษ์งามยามดีในการเปิดตัวไลน์อัพ “Signature Series” ซึ่งเป็นรุ่นท็อปของท็อปสุด คือไม่ใช่แทนตัวท็อปตัวเดิม แต่เป็นการก้าวยาวๆให้สูงขึ้นไปอีกขั้นเพื่อยกระดับบัลลังก์ให้เหนือกว่าตำแหน่งเดิม
โดย Signature Series ประกอบไปด้วยสินค้าไฮไลท์ 3 อย่างด้วยกันได้แก่
1. NW-WM1Z : เครื่องเล่นเพลงขนาดพกพา Hi-Res Audio Player สีทองเด่นเป็นสง่า ราคาเปิดตัวประมาณ 3,000 USD
—— 1.1 NW-WM1A : เครื่องเล่นพกพารุ่นรองท็อปสีดำ
2. MDR-Z1R : หูฟังแบบ Over Ear ระดับอ้างอิง ราคาเปิดตัวประมาณ 2,500 USD
3. TA-ZH1ES : แอมป์หูฟัง ราคาเปิดตัวประมาณ 2,200 USD
ซึ่งเจ้า 3 ทหารเสือนี้ทาง Sony แนะนำให้ให้ใช้ร่วมกันเพื่อบรรลุเสียงในอุดมคติที่เรียกว่า “One Signature Sound” เพราะทางวิศวกรเขาพิถีพิถันในการจูนเสียงตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำประมาณว่าเกิดมาคู่กันแล้วก็ไม่ควรแคล้วกัน เอาหละตามผมมาดูบรรยากาศงานเปิดตัวในวันที่ 1 กันยายน 2016 ณ โรงแรมฮิลตัน กรุงเบอร์ลิน กันเลยดีกว่าครับ
1) NW-WM1Z : Hi-Res Audio Player
– รองรับ DSD Native (11.2 Mhz)
– รองรับไฟล์ i-Res หลากรูปแลลทั้ง DSD, WAV, AIFF, FLAC, ALAC
– S-Master HX + DSEE HX
– ฟีเจอร์ LDAC เล่นไฟล์เพลงไร้สายผ่าน Bluetooth ทว่ายังคงคุณภาพระดับ Hi-Res อยู่
– ตัวเคสทำจาก Gold Plated Oxygen Free Copper ความบริสุทธิ์สูงถึง 99.96%
– สายภายโดย Kimber-Kable
– Balanced Out 4.4 mm
– เมโมนี่ภายใน 256 GB
– ช่อง Micro SD Card
– ราคาเปิดตัวประมาณ 3,000 USD
2) หูฟัง MDR-Z1R
– หูฟังครอบหูขนาดใหญ่
– ไดรเวอร์ขนาดใหญ่ถึง 70 มม. ตัวโดมทำจากแมกนิเซียมและ Liquid Crystal Polymer
– ผลิตในประเทศญี่ปุ่น
– หน้ากากดีไซน์โค้งเกลียวแบบ Fibonacci เพื่อกระจายเสียงความถี่สูง
– แจ็ค Balanced แบบ 4.4 มม. มาตรฐานใหม่
– ตัว Pad หุ้มด้วย “หนังแกะ”
– ราคาเปิดตัวประมาณ 2,500 USD
3) แอมป์หูฟังแบบตั้งโต๊ะ TA-ZH1ES
– วงจรภาคขยาย D.A Amplifier Circuit แบบไฮบริดพร้อม S-Master HX เพื่อเสียงที่เป็นธรรมชาติ
– ทำจากวัสดุโลหะผสมอลูมีเนียม พร้อมโครงสร้างตัวถังแบบ Frame-Beam-Wall ลดการสั่นสะเทิอน
– ตัวฐานด้านล่างเบิ้ล 2 ชั้น เพื่อความแข็งแกร่งและเสถียร
– มีช่องต่อ Balanced หลากรูปแบบ
– รองรับสาย Balanced ขนาด 4.4 มม.
– ราคาเปิดตัวประมาณ 2,200 USD
จากการทดลองฟังทั้ง 3 สิ่งมัดรวมกัน ก็ยอมรับคุณภาพเสียงนั้นอยู่ในเกณฑ์ “ดีเลิศ” มีความเป็นธรรมชาติสูงเนื้อเสียงมีความชัดกระจ่าง สะอาด แบ็คกราวนด์สงัด บุคลิกมีความสดใสคึกคักฟังสนุก หากฟังแผ่นแอมป์หูฟังด้วยแล้วจะได้ความอิ่มฉ่ำของเนื้อเสียงมากขึ้น พร้อมมิติเสียงที่ลึกและสงัดขึ้นไปอีกขั้น ให้ผมสรุปเป็นภาษาชาวบ้านก็ขอให้นิยามว่า “เสียงแพง” ฟังแล้วยากที่จะกลับไปเปรมปรีดากับของเดิมที่เคยทดสอบไปเมื่อปีที่แล้วอย่าง Sony A15 Walkman รุ่นเล็ก + หูฟัง MDR-1ABT เพราะบรรทัดฐานหูได้เสียไปแล้ว (ฮา) จะบอกว่า Walkman ของเดิมในมือมันสั่นไปหมดแล้วก็แอบเกรงใจ ! ของแบบนี้ Before & After แล้วเปรียบต่างได้ไม่ยาก เฉกเช่นดูหนัง 4K HDR แท้ๆแล้วให้มาดูหนัง Blu-ray 1080i/p ทั่วไปแล้วรู้สึกว่ารับไม่ค่อยได้ เป็นต้น หากให้หาจุดติ..ก็อาจมีเพียงพอร์ทเชื่อมต่อที่จะใช้ในแบบของตัวเอง (อารยธรรม Sony) มิใช่ Micro USB ที่เป็นมาตรฐานของแบรนด์เครื่องเล่น Hi-Res Player ทั่วไปและตลอดจนพวกโทรศัพท์มือถือ Android ด้วย ฉะนั้นหากจะชาร์จแบตเตอรี่ก็ต้องใช้สายของ Sony เท่านั้น
อ่านรีวิว Sony Walkman NWZ-A15 + หูฟัง MDR-1ABT
http://www.hometheaterthailand.com/review/detail/1305
สินค้า Signature Series ทั้ง 3 อย่างนี้ช่วยยกระดับให้ Sony Hi-Res Audio “ก้าวทะลุขอบเขตไฮเอ็นด์จุดเดิมของตัวเอง” หากเปรียบเทียบให้เข้ากับเมืองที่ Sony เลือกใช้ในการเปิดตัวสินค้าในวันนี้ ก็คงเปรียบดั่ง “กำแพงเบอร์ลินถูกทลาย” เพื่อรวมประเทศเยอรมันให้เป็นหนึ่ง เป็นการเริ่มต้นก้าวสู่อนาคตที่สดใสและยั่งยืนกว่า ราคาสูงไม่ว่าขอให้คุณภาพเสียงสูงจริงตามราคาเป็นพอ เพราะนั่นคือจุดหมายปลายทางของนักฟังหูทองที่ต้องการเสพเพลงอย่างจริงจัง หากมีโอกาสทดสอบ Signature Series แบบลึกซึ้งในช่วงสินค้านำเข้ามาขายในไทยแล้วก็จะมีรีวิวให้รับชมกันอย่างละเอียดกว่านี้ครับ
ซึ่งผมถามวิศวกรของ Sony ว่า “ทำไมต้องเป็น Kimber Kable ? ทำไมไม่ใช้แบรนด์อื่น ?” เขาตอบว่า Kimber เป็นแบรนด์สายสัญญาณดังระดับโลก และทาง Sony เองก็มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ Mr.Ray Kimber เจ้าของแบรนด์อยู่แล้ว ดังนั้นการทำงานร่วมกันในการจูนสายสัญญาณเพื่อเติมเต็มคุณภาพเสียงให้กับสินค้าในไลน์ Signature Series ก็มิใช่เรื่องยาก แน่นอนสำหรับเครื่องเสียงบ้าน แบรนด์และสไตล์สายถักไขว้กันของ Kimber นั้นเป็นที่ยอมรับในวงกว้างอยู่แล้ว มาคราวนี้ก็ได้ต่อยอดสู่สายหูฟังให้ทุกท่ายได้ทดลองกันอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ช้าก่อน…อย่าเพิ่งดีใจไป ! สาย Kimber Kable เป็นอุปกรณ์เสริม ต้องซื้อเพิ่มเอาเอง
สรุปได้ว่าการเปิดตัว Signature Series นี้เป็นหนึ่งในก้าวที่สำคัญอย่างยิ่งยวดที่ยกระดับสินค้ากลุ่ม Hi-Res ให้สูงขึ้นทั้งเรื่องคุณภาพและแบรนด์อิมเมจ ผมให้เวลามากเป็นพิเศษในมุมทดลองฟังเพื่อที่จะได้ฟันธงเล็กๆในเรื่องคุณภาพเสียง ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใด ต้องยอมรับว่าคุณภาพเสียงที่ดี…มิได้มาเพราะโชคช่วย หากเป็นการใส่ใจทุกรายละเอียดต่างหาก ท่านที่อยู่วงการเครื่องเสียงจะรู้ว่าทุกสิ่งล้วนมีผลต่อคุณภาพเสียงทั้งสิ้น จึงไม่แปลกที่เห็นความพิถีพิถันในทุกส่วนประกอบตั้งแต่วัสดุที่ทำตัวถังจรดสายสัญญาณที่ใช้ทั้งภายในและภายนอก สอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบของ Sony ที่ว่า Made For Music Lovers by Music Lovers หรือ รังสรรค์โดยผู้รัการฟังเพลง…เพื่อผู้รักการฟังเพลงโดยเฉพาะ
ด้วยความที่วิศวกรผู้ออกแบบมี “จิตวิญญาณ” แบบเดียวกับนักฟังเพลง คือเหตุผลที่สามารถบรรลุถึงความต้องการของนักฟังเพลงได้มากที่สุด จึงสามารถผลิตสินค้าออกมา “ถูกต้องและถูกใจ” นักฟังเพลงมากที่สุด ผมเชื่อเหลือเกินว่าเมื่อสินค้าเข้าไทยในช่วงเดือน 10-11 จะสร้างกระแสฮือฮาให้กับตลาดเครื่องเล่นเพลง Hi-Res พกพาและหูฟังอย่างแน่นอน !