07 Apr 2016
Review

รีวิวหนัง The Dressmaker แค้นลั่น ปังเว่อร์ ภาพยนตร์สุดฟินที่จะไม่ทำให้คุณรู้สึกเสียดายทั้งเงินและเวลา


  • lcdtvthailand

เรื่องย่อ : The Dressmaker บอกเล่าถึงเรื่องราวของ ทิลลี่ ดันเนก (เคท วินสเล็ต) หญิงสาวช่างตัดเสื้ออันหรูหราและทันสมัยของปารีสยุค 1950 s ที่ได้กลับไปยังเมืองบ้านเกิดเล็ก ๆ ในประเทศออสเตรเลียของเธออีกครั้ง หลังต้องระหกระเหินออกจากบ้านจากการถูกใส่ร้ายว่าเธอเป็นฆาตกรตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ดังนั้นการกลับมาในครั้งนี้นอกจากเธอจะนำสไตล์แฟชั่นอันเลิศหรูเข้ามาเปลี่ยนแปลงผู้คนในเมืองแล้ว เธอยังจะขอล้างแค้นผู้ที่ทำให้เธอต้องถูกเข้าใจผิดมานานหลายปีอีกด้วย

บทวิจารณ์ : ต้องบอกก่อนเลยว่าในตอนแรกไม่ได้คาดหวังอะไรจากภาพยนตร์เรื่องนี้มากไปกว่าการได้ชมเสื้อผ้าสวยๆ เสมือนนั่งอยู่ติดขอบรันเวย์ เพราะว่าโปสเตอร์โปรโมตหนังบอกว่าขนแฟชั่นอูตูกูร์มาเต็ม ดูจากตัวอย่างหนังก็ว่าคิดว่านี่มันไฮแฟชั่นจากบ้านนานี่นา นึกในใจว่าน่าจะเป็นหนังตลกนิดๆ ด้วยซ้ำ แต่พอได้ดูหนังแล้วต้องร้องออกมาว่า “คุณพระ!!!” โอ้พระเจ้า นี่มันหนังอะไรกันเนี่ย ดูเหมือนว่านางเอกของเราโชคร้ายไปซะทุกสิ่งอย่าง โดนคนหาว่าเธอฆ่าคนตายตั้งแต่เด็ก แม่ก็ดูเหมือนจะไม่อยากคุยด้วย แถมยังบอกว่าไม่รู้จักเธออีกต่างหาก ทั้งๆ ที่เธอข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อจะได้อยู่กับแม่ที่พื้นที่ห่างไกลความเจริญแบบนี้ อะไรมันจะรันทดขนาดนั้น แต่ทิลลี่ นางเอกของเราก็ไม่ได้ท้อเลย เธอกลายเป็นช่างตัดเสื้อซึ่งหญิงสาวในหมู่บ้านยอมรับ แต่ก็เป็นได้ไม่นานก็มีคู่แข่งคนใหม่เข้ามาทำให้สถานภาพเธอสั่นคลอน ในที่สุดความสามารถของทิลลี่ก็เป็นตัวพิสูจน์ได้ว่าเธอเจ๋งกว่า ผู้คนกลับมาให้เธอตัดชุดอีกครั้ง คราวนี้มาพร้อมกับหนุ่มหล่อที่จะมาจุดไฟรักให้เธอ

แต่ก็มีเรื่องอีกแล้ว ผู้คนเชื่อข่าวลือที่ครูในวัยเด็กเธอปั้นเรื่องว่าเธอเป็นฆาตกร งานนี้เรื่องก็กลับมาวุ่นวาย แถมแฟนหนุ่มเธอก็มาตายเอาง่ายๆ จากการตั้งใจจะทำให้เธอพูดออกมาว่าเธอไม่ใช่ตัวซวย เรียกได้ว่าพระเอกมาเร็วเคลมเร็วมาก ยังดีที่เขาสืบรู้ความจริงจากพี่ชายตัวเองว่าที่จริงนางเอกไม่ใช่คนร้าย ทำให้ทิลลี่ประทับใจในตัวพระเอกจนตัดสินใจจะหนีไปด้วยกัน แต่ก็อย่างที่บอก สุดท้ายก็เป็นม่ายขันหมากแค่ช่วงข้ามคืน งานนี้ฉากเศร้ากลับมาอีกครั้ง เรานี่ใจตุ๊บๆ ต่อมๆ ตามไปด้วย นึกในใจว่าทำไมหนังเรื่องนี้มีฉากฟินแค่แป๊ปเดียว ก็ทำให้คนดูอกหักซะแล้ว คราวนี้นางเอกของเราเศร้าไปพักใหญ่ แต่แม่ของเธอก็กู้สถานการณ์ขึ้นมาได้ เธอรู้สึกดีและกลับมามีกำลังใจอีกครั้ง แต่เหมือนฟ้าแกล้ง พอเธอกำลังจะก้าวต่อไปได้ แม่ของเธอก็เส้นเลือดในสมองแตกตายซะอย่างงั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีหนังเรื่องไหนกล้าทรมานใจคนดูอย่างนี้ แถมเรื่องราวก็เริ่มก็แย่ขึ้นไปอีก เมื่อมีคนตายในหมู่บ้าน สาเหตุที่ทำให้เป็นอย่างนั้นก็เพราะแม่ของเธอแอบใส่กัญชาลงไปในเค้กชอคโกแลต

คราวนี้ดูเหมือนเธอจะหมดทางรอดแล้วจริงๆ แต่เธอก็ยังรอดได้ เพราะตำรวจเธอเคยส่งเธอไปอยู่ต่างเมืองสมัยเด็กออกมายอมรับผิดแทนเธอ ทำให้เรารู้สึกว่าคนนี้แหละพระเอกตัวจริงของเรื่อง เขายอมเสียสละตัวเองเพื่อให้ทิลลี่ของเรามีความสุข ถึงแม้เขาจะบอกว่าเป็นการชดใช้ความผิดในอดีตของตัวเองก็ตาม สิ่งที่เด็ดที่สุดของเรื่องคงเป็นฉากจบที่นางเอกเผาหมู่บ้านแล้วขึ้นรถไฟหนีไป ปกติแล้วเราชอบหนังที่จบแบบแฮปปี้เอนด์ดิ้งนะ แต่นี่เป็นหนังเรื่องแรกที่เรารู้สึกสะใจแทนนางเอก คือนางไม่ได้ทำอะไรผิดเลย คนอื่นทำนางล้วนๆ แล้วนางก็โชคร้าย เหตุการณ์เหมือนจะดีได้ไม่นาน สุดท้ายก็ร้ายเหมือนเดิม เราก็คอยเอาใจช่วยให้นางรอดตลอด เรียกได้ว่านั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ ราวกับว่าเราหลุดเข้าไปเป็นนางเอกซะเอง นักแสดงก็หน้าตาดี ดูเพลินเลยทีเดียว

สรุป : The dressmaker เป็นหนังที่สร้างออกมาได้ดี ถึงแม้จะไม่ได้มีแก่นสารอะไรมากมาย แต่ดูสนุก ดูเพลิน ดูแล้วสะใจ เป็นหนังที่ดูเหมือนจะเครียดตลอดทั้งเรื่อง แต่ตอนท้ายจบได้อย่างลงตัว เหมือนคนดูได้ปลดปล่อยความเครียดจากปมของเรื่องที่ขมวดมาหลายขยักมากๆ ดูจบนี่รีบหาข้อมูลคนเขียนบทแทบไม่ทัน จนได้รู้ว่าหนังเรื่อนี้สร้างขึ้นมาจากนวนิยาย นี่ก็ยังคิดอยู่เลยว่าจะหามาอ่านให้ได้สักเล่มตอนช่วงสงกรานต์นี้ให้ได้

คะแนน : 8/10