ผู้เขียน หัวข้อ: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Procella , SVS, Anthem, Parasound,Audyn  (อ่าน 327777 ครั้ง)

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์




จัดส่งขาตั้งเซอราวด์ 2 คู่ ได้แก่

ขาตั้ง S10 ไปใช้วาง Klipsch RB-61 ii ที่ราชบุรี   และ
ขาตั้ง S7 ไปให้ลูกค้าที่สรงประภาสำหรับวาง Klipscp RP-150M

ขาตั้งเซอราวด์ควรจะมีความสูงพอสมควร และสูงกว่าขาตั้งที่ใช้วางลำโพงคู่หน้า เพราะเซอราวด์ควรจะอยู่เหนือหูขึ้นไประดับนึง เพื่อให้เสียงลอยและข้ามหูไป ไม่ควรวางเซอราวด์ไว้จ่อข้างๆหู อยู่ระดับเดียวกับหู

ราคาและขนาดขาตั้ง S10: http://www.whatthatsound.com/product/142/stand-surround-s-10

ราคาและขนาดขาตั้ง S7: http://www.whatthatsound.com/product/148/stand-surround-s-7












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 30, 2016, 07:06:48 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์



จัดส่ง Cambridge Audio CXN  เครื่องเล่น Network Audio Player gen ล่าสุดจากค่าย Cambridge Audio
ซึ่งจะว่าไปดูจากหน่วยก้านและฟีเจอร์แล้ว CXN ตัวนี้ก็ละม้ายคล้ายกับ Streammagic 6 V2 อยู่พอสมควร

- โดยฟีเจอร์หลักๆของเจ้าตัวนี้ก็คือ จะใช้ ชิป 24bit ของ Wolfson เบอร์ WM8740,
- สามารถ  Wireless Streaming และ wire streaming ได้,
- รองรับ DSD,
- สามารถเสียบ external hd สำหรับเก็บเพลงได้ 
- สามารถทำตัวเป็น external DAC ไว้เชื่อมกับอุปกรณ์อื่นได้
- มีช่องเชื่อมต่อทั้ง coaxial input / output
- มีช่องดิจิตัล Optical  input / output
- มีช่อง USB input
- มีช่อง balance (XLR) output
- มีช่อง analog unbalnce RCA output



จะเห็นว่าฟีเจอร์แน่นไปหมด ช่องต่อด้านหลังแน่นตึ๊บ  option ทะลักเครื่อง 
เครื่องเล่นแบบนี้ ตอนนี้อาจจะยังดูแปลกใหม่ และดูไม่ค่อยน่าเล่นเมื่อเทียบกับเครื่องเล่น CD Player แต่ในอนาคตอันใกล้ ไม่เกิน 10-20 ปี ผมเชื่อเหลือเกินว่าเทคโนโลยีมันจะทำให้คนเราเริ่มมาทำอะไรแบบ wireless กันมากขึ้น ละทิ้งสาย ละทิ้งวิธีการฟังเพลงแบบเดิมๆที่เวลาจะฟังเพลงทีต้องรื้อแผ่น CD กันก๊อกแก้กๆ กว่าจะเล่นที  ให้เปลี่ยนมาเป็นแค่ explore และเลือก folder และเพลงที่ชอบแทน

ในที่นี้ไม่ได้บอกว่า CD หรือแผ่น หรือ Wire จะหายไปนะครับ  การเล่นแบบนี้ก็ยังคงเป็นรูปแบบมาตรฐานอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่เมื่อยุคสมัยมันเปลี่ยนไป คนรุ่นเราๆเริ่มเดินเข้าสู่วัยชราและไม่มีแรง ไม่มีกำลังจะเล่นของเล่นแบบนี้เท่าไร่แล้ว  เด็กรุ่นใหม่ที่โตมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่พร้อมกว่าเรา ก็พร้อมจะเปิดใจรับและเล่นของเล่นใหม่ๆพวกนี้มากขึ้น 


















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 30, 2016, 08:04:54 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนเราได้เอาเจ้า Klipsch RP-150M และขาตั้ง S7 ไปส่งให้ลูกค้าท่านนี้เพื่อเติมเต็ม system ที่ตอนนี้ยังขาด surround อยู่
วันนี้เราเลยเอารูปสวยๆ และวิวัฒนาการของห้องนี้มาฝากกันครับ (ถ้ายังจำห้องนี้ได้)

แรกเริ่มเดิมที ลูกค้าท่านนี้ใช้ Onkyo HT-S7705 ก่อน หลังจากนั้นก็อัพแผงหน้าและซับไปเป็น klipsch RP-150M, RP-250C, R-110SW 
ระหว่างนั้นก็ยังใช้ลำโพงจากชุด onkyo 7705 เป็น surround ไปก่อน
ผ่านมาสักพักก็อัพ จัดการเปลี่ยนลำโพงเซอราวด์จาก onkyo มาเป็น Klipsch RP-150M จึงเป็นอันครบทั้งระบบ (โดยยังใช้ AVR Onkyo ของชุด 7705 อยู่)

ซึ่งซิสเต็มนี้ถือเป็นซิสเต็มขนาดเล็ก ไม่ใหญ่โตนัก ใช้แอมป์ตัวเล็กๆขับ แต่ให้เสียงที่ดีมากๆเกินห้องไปด้วยซ้ำครับ (ห้องลูกค้าเป็น ทาวน์โฮม)   
ตอนเข้าไปฟังชุดนี้ผมว่าให้คุณภาพเสียงดี และไม่มีปัญหาอื่นตามมาให้แก้เท่าไร่ (อคูสติกห้องลูกค้าใหญ่ก็จริง เป็นห้องเปิดก็จริงแต่ไม่มีปัญหาเรื่องเสียงก้อง บวมเบลอ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเสียงก็ย่อมแน่นสู้ห้องปิดไม่ได้  แต่ได้ขนาดนี้ผมว่าดีมากแล้ว)




ซิสเต็มนี้ประกอบด้วย
AVR : Onkyo HT-S7705
Front: Klipsch RP150M
Center: Klipsch RP250C
Surround: Klipsch RP150M
Subwoofer: Klipsch R110SW

และสุดท้ายห้องนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดีนะครับ สำหรับใครที่มีบ้านกลางเมือง ไมได้มีห้องหับมิดชิดหรือทำห้องมาสำหรับดูหนังโดยเฉพาะ 
นี่เป็นตัวอย่างการบาล้านการเล่นเครื่องเสียงขนาดย่อมๆ งบประมาณ 7-8 หมื่นบาท (เฉพาะลำโพงทั้งหมด) การดูหนังฟังเพลง ในทาวน์โฮม  ทาวน์เฮ้าท์ หรือแม้แต่ในคอนโด  ผสมผสานกับการใช้ชีวิต ให้ภรรยา ให้ครอบครัวโดยที่ห้องยังคงความเป็นห้องนั่งเล่นอยู่  ไม่ได้เบียดบังความเป็น live ของห้องไป แต่ก็ยังสามารถมานั่งเล่น นอนเล่น ดูทีวี เล่นเกม ดูซีรี่ย์ร่วมกันได้
และที่สำคัญ เสียงดีด้วยครับ โดยที่เสียงไม่ไปถล่มและรบกวนเพื่อนบ้าน (หรือเปล่า ^_^)




ราคา Klipsch RP150M: http://www.whatthatsound.com/product/18/klipsch-reference-premier-rp-150m

ราคา Klipsch RP250C: http://www.whatthatsound.com/product/17/klipsch-reference-premier-rp-250c

ราคา Klipsch R110Sw: http://www.whatthatsound.com/product/5/klipsch-r-110sw









































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 30, 2016, 08:29:11 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Klipsch R110Sw และ Marantz SR-7010 ไปให้ลูกค้าแถวบางกรวยไทรน้อยครับ
ตัวนี้ลูกค้าเอามาแทนชุดเดิมที่เป็น AVR Yamaha  ตัวเล็ก และลำโพง Yamaha ทั้งชุด  โดยจะเริ่ม Up ไปทีละสเตป เริ่มจาก AVR และซับวูฟเฟอร์ก่อน

บ้านลูกค้าอยู่ใกล้ห้องของเรามากๆครับ  งานนี้เห็นว่าลูกค้าไม่เคยไปลองฟังลำโพง Klispch ที่ไหนมาก่อน เราเลยเอาเจ้า Klipsch RC-62 II ติดไม้ติดมือไปให้ลูกค้าลองฟังกันถึงห้องเลยด้วย

ตัวนี้หลังจากส่งของกันเรียบร้อย ก็จัดการต่อซับ R110SW ตัวใหม่และ RC-62 II ให้ลูกค้าลองฟังเสียงว่าชอบแนวเสียงของลำโพงดูหนัง Klipsch ตัวนี้หรือไม่ ก่อนจะตัดสินใจก้าวไปสเตปถัดไป   เพราะการลองฟัง ไม่มีที่ไหนจะแม่นยำและดีที่สุดเท่าลองฟังด้วยอุปกรณ์ อคูสติก ระบบไฟ และบรรยากาศในห้องตัวเองอีกแล้วครับ   ต่อให้ไปลองในห้องอย่างดี เราก็มีสิทธิพลาดได้ (บางห้องปลั๊ก สายไฟ สายลำโพงแพงกว่าชุดทั้งชุดที่เราซื้อเสียอีก  และอคูสติกก็ไม่เหมือนห้องฟังปกติทั่วๆไป ดังนั้นเสียงย่อมมีความไบแอสและอาจตัดสินใจผิดพลาดได้)




ตัวนี้แนวเสียงของลำโพงเซ็นเตอร์เปลี่ยนไปจากเดิม นั่นคือเสียงสด พุ่ง เสียงพูดชัด เสียง effect เช่นฉากรถชน หรือฉากปะทะกันในหนังเรื่อง Safe house มีอิมแพคและกระแทกกระทั้นมากกว่าเก่าเยอะ  ในขณะที่เสียงดนตรีประกอบยังรู้สึกว่าทึบและไม่พุ่งเท่าเสียง effect ที่ได้จากลำโพงเซ็นเตอร์   (ลำโพงคู่หน้ายังใช้ตัวเก่าอยู่)

หลังจากลองกันไปซักพัก ก็เห็นตรงกันว่าเสียงที่ได้จากลำโพง klispch rc-62 ii เหมาะกับการดูหนังมากๆ เพราะเสียงชัด สด พุ่ง 

หลังจากนี้หากลูกค้าติดตั้งและเปลี่ยน AVR เป็น marantz (ลูกค้ามีคนติดตั้งของตัวเอง) ถ้ายังอยากลองฟังเสียงจากลำโพง klispch อีก ก็จะยกไปให้ลูกค้าลองจนกว่าจะมั่นใจได้ครับว่า การตัดสินใจซื้อและยกระดับชุดลำโพงในครั้งนี้นั้น ไม่พลาดและตัดสินใจถูกหรือไม่

ราคา Klipsch R110SW: http://www.whatthatsound.com/product/5/klipsch-r-110sw

ราคา Marnatz SR-7010: http://www.whatthatsound.com/product/252/marantz-sr-7010


















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 30, 2016, 10:53:28 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


วันก่อน มีลูกค้าสั่ง Klipsch R110SW ไปส่งแถวคลองสาน
ผมว่างๆอยู่ เลยวิ่งไปส่งเอง สถานที่และชื่อลูกค้านั้นขอไม่เปิดเผย

ไปถึงได้แกะกล่องตรวจเช็คความเรียบร้อยกัน  หลังจากนั้นก็ได้พูดคุยกับลูกค้า พบว่า ลูกค้าเอาตัวนี้ไว้เปิดในห้องทำงานซึ่งมีลักษณะเป็นกึ่งๆห้องประชุม ขนาดย่อมๆไม่ใหญ่มาก ไว้เปิดเพลงบ้าง เปิดวีดีโอ  เปิดอะไรดูกันในห้อง  ซึ่งมีการใช้งานทั้งในแง่การทำงาน และใช้เพื่อความบันเทิงด้วย

ซึ่งตัวนี้รองรับความถี่ต่ำได้มาก เปิดอัดได้ไม่มีปัญหาแป๊กหรือพล่อก   ถ้าใครที่ใช้ดูหนังฟังเพลงทั่วๆไป ตัวนี้เกินพอครับ ถ้าห้องใหญ่สักไม่เกิน 30 ตรม มันเอาอยู่สบาย

แต่ถ้าให้แนะนำขนาดห้องที่เหมาะสมแบบแสดงศักยภาพของมันได้เต็มที่จริงๆก็อยากจะแนะนำแบบนี้

ห้องขนาดต่ำกว่า 16 ตรม: R110Sw
ห้องขนาด 12 -25 ตรม: R112Sw
ห้องขนาด 16 - 30 ตรม. R115Sw



แต่ถ้าใช้ Dual subwoofer ก็จะเพิ่มความแน่นและเพิ่มระยะพิสัยทำการของเบสให้กว้างและครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้น โดยที่เร่งความดังของตัวซับน้อยลงไปได้อีกครับ

--------------------------------------------------------------------------
ข้อดีของการใช้ Dual Subwoofer: http://goo.gl/MmeoT4

ราคา Klipsch R110SW: http://www.whatthatsound.com/product/5/klipsch-r-110sw

 









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 30, 2016, 07:32:55 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง SVS PB2000 พร้อมสายซับแบบ 1 ออก 2 ไปให้ลูกค้าที่สกลนครครับ 

เห็นไส้ในแบบนี้ กับกำลังขับ 500 วัตต์ RMS และ 1120 วัตต์ Peak ลงลึกได้ถึง 17 Hz และย่านทำการของเบสสูงถึง 260 Hz
ซับ 12 นิ้วตู้เปิด ใช้กำลังขับของแอมป์ระดับนี้ ลองจินตนาการดูว่าเสียงจะขนาดไหน


SVS เป็นอีกหนึ่งซับวูฟเฟอร์เสียงแนวหนัก บู๊ (ไม่ใช่แนวบุ๊น สุภาพเรียบร้อยเหมือน Velodyn) ซึ่งแนวบู๊แบบนี้ใช้ดูหนังสนุกมากครับ เพราะเบสต้นหนัก พอเบสต้นหนัก มาชัดก็ดูหนังมัน  หนึ่งในเบสแนวๆนี้ก็เห็นจะมีอยู่แค่ 2 ยี่ห้อในราคาไม่เกิน 5 หมื่น หนึ่งในนั้นก็เป็น SVS  เหมาะสำหรับสายดูหนังเพียวๆ ชอบเบสหนักๆ ตูมตาม ถล่มแหลก 

ส่วนซับแนวเรียบร้อยๆ แผ่ ปกคลุม ให้บรรยากาศของเบสที่ดีก็จะไปอีกสายนึง ซึ่งก็แล้วแต่จะเลือกใช้ ซึ่งก็มีหลายยี่ห้อที่ทำได้ดี น่าประทับใจ เช่น Rel,Velodyn


ราคา SVS Pb2000: http://www.whatthatsound.com/product/321/svs-pb-2000

ปล รูปไส้ในและซับใช้รูปแทนจากต่างประเทศ
 





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 03, 2016, 08:18:28 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


ส่ง Klipsch R-15PM ลำโพง Active Speaker แบบไม่ต้องใช้แอมป์ไปให้ลูกค้าที่สระบุรีครับ   ตัวนี้ไปส่งเองถึงหน้าบ้านลูกค้าเลย  (ตอนแรกไม่รู้ว่าไกล  พอเริ่มรู้ตัวว่าไกลก็เลยไกลเลย)

ปล  งานนี้มีนางแบบมาโผล่วับๆแวมๆเล็กน้อย

ปล 2  เสียงและการใช้งาน Klipsch R-15PM คงไม่ต้องพูดถึง ต่อ bluetooth ได้ ต่อ minijack กับโทรศัพท์หรือคอมได้  ต่อ usb กับคอมก็ได้  หรือจะต่อ optical กับทีวีก็ได้ หรือจะต่อ pre-phono กับเครื่องเล่นแผ่นเสียงก็ได้

ราคา Klipsch R-15Pm: http://www.whatthatsound.com/product/330/klipsch-r-15pm


 



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 03, 2016, 08:41:38 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่งเครื่องเล่น Zeppiti Mini 4K และ Klipsch RP-450C ไปให้ลูกค้าที่บางกรวยไทรน้อยครับ

ชุดนี้เดิมทีลูกค้าสั่ง Marantz SR7010 และซับวูฟเฟอร์ R110SW ไปก่อนหน้านั้นแล้ว วันนี้เลยมาเติมชุดให้เต็มระบบขึ้นกับ Zeppiti mini 4K เครื่องเล็กรุ่นเล็กจิ๋วแต่คุณภาพและฟีเจอร์ล้นเครื่อง ทั้ง Ultra 4K, Dolby Atmos, 3D, Magic Pixel และรองรับ Wifi ไว้เล่นเน็ท และดู youtube ดูบอล ดูรายการผ่านตัว Zeppiti ได้อีกด้วย (package ดูบอลไม่รวมในตัวกล่อง)

ส่วนตัวลำโพงเซ็นเตอร์ Klipsch RP-450C ก็ไม่ต้องพูดบรรยายอะไรกันอีก เพราะตัวนี้เป็นตัวท๊อปสุดของ Reference Premier แล้ว  ลูกค้าแกะกล่องออกมาดูถึงกับอุทานว่า เห็นในรูปตัวเล็กๆ แต่ทำไมตัวจริงใหญ่จัง

หลังจากติดตั้งเสร็จแล้ว ลูกค้าบอกว่าเสียงจากเซ็นเตอร์ดัง และพุ่งทะลุจนกลบเสียงจากคู่หน้ามิด (คู่หน้าลูกค้ายังใช้ลำโพงตัวเดิมอยู่)

ก็เป็นอีกหนึ่งความสุขเล็กๆในบ้านแสนอบอุ่นของลูกค้าท่านนี้ครับ




ปล. ลูกค้าเล่น Atmos ด้วย โดยการเอาลำโพง Klipsch Quintet V สองตัวมาติดแขวนบนเพดานซะเลย  ตอนนั่งฟังกับลูกค้า ก็.... เออเฮ้ย แบบนี้ก็ได้ด้วย... เสียงมันก็มาบนหัวจริงๆ  อิอิ

ปล.2 อย่าลืมไปลงประชามติกันนะ..................................

ราคา Zeppiti mini 4K:
http://www.whatthatsound.com/product/395/zappiti-player-4k-mini

ราคา Klipsch RP450C: http://www.whatthatsound.com/product/15/klipsch-reference-premier-rp-450c






























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 06, 2016, 03:39:07 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Zeppiti Mini 4K  ไปให้ลูกค้าเก่าเราที่ราชบุรีครับ
ห้องนี้ใครติดตามกันมา คงจะพอจำกันได้

ซึ่งแต่ก่อนนั้นเจ้าของห้องสั่ง Oppo 103D ไปใช้ แต่ติดปัญหาที่เล่นพวกไฟล์ ISO และพวกไฟล์ Bluray ไมไ่ด้ เลยสั่ง Zeppiti mini 4K  รุ่นประหยัดไปใช้  ซึ่งตัวนี้รองรับ HD ได้ 8 TB มีช่อง usb 3.0 และ usb 2.0 อีกสองช่อง  ใช้งานง่ายๆไม่ซับซ้อน  ต่อ wifi ค้นหาปกและทำสารบัญหนังง่ายๆ หรือจะใช้เล่นเน็ท ดู youtube เข้าเว็บ ดูบอล ดูออนไลน์ก็ได้ หรือจะคอนเน็กเข้าไปซื้อหนังในเซิรฟเวอร์มาดูก็ยังได้

ตัวนี้รองรับภาพระดับ ultra 4K และเสียงระดับ Dolby Atmos รวมไปถึงเล่นไฟล์ได้ทุกไฟล์ ทุกนามสกุล  ไม่มีปัญหากับซับไตเติ้ล
ซึ่งจุดเด่นของเจ้าตัวนี้อยู่ที่ ภาพครับ ใช้เทคโนโลยี magic pixel สามารถ upscale ภาพให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น ชัดเจน และลึกได้รายละเอียดกว่าเดิม  ใครที่ชอบภาพสวยๆ ดูจอใหญ่ๆ  และหาเครื่องเล่น HD Player ตัวเล็กๆซ่อนไว้ใต้ชั้นวาง แขกไปใครมามองไม่เห็นดูสะอาดตา ตัวนี้บอกได้เลยว่าเหมาะมากๆ เพราะตัวมันเล็กมากๆ เผลอๆตัวเล็กเท่า externel hd ด้วยซ้ำ  แต่คุณภาพของภาพและเสียงก็เท่ากับตัวท๊อป  เพียงแต่จะใส่ HD แบบ 3.5 นิ้วในเครื่องแบบ hot swap ไม่ได้



ปล นับวันเทรนด์การเล่นและดูหนังผ่านทางไฟล์ ทั้งซื้ออย่างถูกต้อง ทั้งไฟล์ริปและบีบอัด จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความสะดวกในการใช้งาน ทั้งการเลือกดูที่เป็นดิจิตอล เพียงแค่ชี้เม้าท์ (มีทั้งรีโมท และ Air mouse+Keyboard แถม) แล้วคลิ๊กเลือกจากหน้าปกได้เลย สะดวกและง่าย ไม่ต้องลุกไปเปิดปิด หยิบแผ่นใส่
ไม่ต้องเก็บแผ่นที่ถ้าเสียก็ต้องซื้อใหม่  แต่ถ้าเราดาวน์โหลดอย่างถูกต้องลิขสิทธิ์ เราสามารถดาวน์โหลดไฟล์เดิมซ้ำได้ ไม่ต้องกลัวสูญหายไปไหน

ก็เป็นทางเลือกครับว่าจะเล่นทางไหน "แผ่น" หรือ "file" ส่วนผมมาทางเลือกที่สองสักพักแล้ว เพราะหลงใหลในความง่าย จะดูหนัง จะเล่นเน็ทก็สะดวกดี   แล้วคุณละครับชอบแบบไหน?


ราคา Zeppiti Mini 4K: http://www.whatthatsound.com/product/395/zappiti-player-4k-mini




























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 06, 2016, 04:11:12 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


มินิรีวิว Onkyo RZ810 และ RZ710 ว่ากันตรงๆ ชัดๆ ว่าเสียงมันเป็นยังไง

วันนี้เรามีมินิรีวิว เล็กๆ สั้นๆ ของ AVR ตัวใหม่ล่าสุดจากค่าย Onkyo นั่นคือ RZ810 และ RZ710 มาให้ชมกันพอเป็นข้อมูลตัดสินใจในการเลือกซื้อแอมป์กันครับ
 
*** อันนี้บอกก่อนว่า รีวิวนี้ไม่ได้มีไบแอสหรือมีอามิจสินจ้างใดๆ หรือมีคนเอาของมาให้ช่วยรีวิวแต่อย่างใด ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องอวยใคร หรือไม่จำเป็นต้องเกรงใจใครทั้งสิ้น  เพราะฉะนั้นอ่านให้สบายใจ งานนี้ไม่มีอวย ไม่มีเชียร์หรือยัดของใส่มือ  ถ้าของดีก็จะชม ถ้ามันห่วยก็จะบอกกันตรงๆว่าห่วยตรงไหน เอาตรงๆชัดๆ ไม่มีแก้ไม่มีอีดิดใดๆหรืออวยกันให้รำคาญใจ
 
เรื่องคือช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาศไปส่งและติดตั้งเจ้า AVR ทั้งสองรุ่นนี้ (RZ810, RZ710) ซึ่งก็บังเอิญตรงที่ ลูกค้าดันใช้ลำโพงเกือบจะเหมือนกันเลยทีเดียวครับ (แปลกดี)
 
  - ลูกค้าท่านแรกใช้ Onkyo RZ810 ขับ RC-64 II, RF-62 II

 

  - ส่วนลูกค้าอีกท่านใช้
Onkyo RZ710 ขับ RC-64 II (ใหม่แกะกล่อง), RP-260F (ใหม่แกะกล่อง)

 
 
ทั้งสองท่านนี้ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แถมอยู่คนละจังหวัด ผมวิ่งวันนึงไปซิมเต็มนึง อีกวันก็วิ่งไปอีกซิสเต็ม งานนี้ได้เล่น ได้ฟังจนเต็มอิ่มครับ แต่ละบ้านใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง
 
ภายใต้ข้อจำกัดคือ แอมป์ยังไม่พ้นเบิร์นทั้งคู่ และสภาพห้องต่างกัน อคูสติกต่างกัน ท่านที่ใช้ RZ810 ห้องมีปัญหาพอสมควร
ส่วนอีกท่านที่ใช้ RZ710 นี่อยากจะบอกว่าอคูสติกดีเลิศสุดๆครับ เป็นห้องที่ฟังแล้วรักเลยจริงๆ
 
 
เข้าเรื่อง หลังจากลองเล่นผมมีความรู้สึกกับแอมป์รุ่นใหม่ของ Onkyo ตระกูล Rz ตัวใหม่ดังนี้ครับ
 
1. ความต่างทางกายภาพของแอมป์ทั้งคู่นั้นต่างกันตรงกำลังขับ 810 จะ 180 วัตต์ และ 710 จะ 175 วัตต์ (ที่ 6 โอห์ม)
ฮะ ต่างกัน 5 วัตต์เอง แต่ถ้าดูสเปกดีๆ ตัว 810 จะมีกำลังสำรองที่ดีกว่าตรงถ้าวัดแบบมาตรฐานของ jeita นั้น 810 จะได้กำลังถึง 215 วัตต์ ส่วน 710 จะได้เพิ่มขึ้นนิดหน่อยเป็น 185 วัตต์
จริงๆผมว่าวัตต์มันต่างกันแบบไม่มีนัยยะสำคัญเท่าไร่นะ แต่กำลังสำรอง 810 น่าจะสูงกว่า
 
2. ความต่างทางกายภาพอีกอันคือ ตัว 810 ฝาหน้าเปิดได้ (คล้ายๆ marantz) ส่วน 710 ตอนแรกที่ผมไปติดตั้งผมก็นึกว่ามันจะเหมือน 810 ก็ไปดันๆแงะๆอยู่ จนเริ่มรู้ตัวว่า เออ...เฮ้ย มันเปิดไม่ได้นี่หว่า
 
3. เอามาขับลำโพงอย่าง RC-64 ii, RP260F, RF-62 ii เสียงเป็นไง ขับไหวมั๊ย ต้องบอกแบบนี้ครับ ฟังจากเสียงเนี่ย ขับไหวสบายเลย มันไม่มีอาการอ่อนเปลี้ย เพลียอะไรเลย ดอกวูฟเฟอร์ของลำโพงทำงานกันฉับไหว พั้นซ์เบสกันตุบตับๆๆๆๆ ว่องไว เสียงปืนก็แน่น กระชับดีนะ ผมฟังจากเสียงผมว่ามันขับไหวสบาย แต่รู้สึกตัวนี้ gain volume จะต้องเร่งเยอะไปนิด และเป็น volume แบบเร่งขึ้นด้านบวก คือ เลขเยอะยิ่งดัง (ไม่แน่ใจว่าเซ็ทเป็นแบบเร่งลดยิ่งดังได้มั๊ย ไม่ได้ลอง เวลามีจำกัด อุอิ...)
 
4. แล้วแนวเสียงเป็นไงละ ตอบเลยนะ ดีมากครับ ผมโอเคครับ
ส่วนตัวผมต้องบอกก่อนว่าผมชอบแนวเสียงที่โทนัลบาล้านดีๆหน่อย อย่าง AVR ที่ชอบก็จะเป็นแนวๆ Marantz 7010 พวกนี้ คือบางยี่ห้อจะเน้นไปด้านใดด้านหนึ่งอย่าง Yam ก็จะกลางแหลมดีๆ แต่อาจจะติดแห้งไปบ้าง เบสบางๆไปนิด แต่ได้รายละเอียดดีๆ แพนเสียงดีๆ หรือบางตัวบางค่ายอย่างพี่ไพ เสียงจะจัดแม่มไปไหน เฟี้ยวฟ้าว บางฉากมาที่นี่ตกใจ
ตัว Onkyo rz มันจะอยู่กลางๆระหว่าง Pioneer ที่เสียงจัดๆเอามาเข้าเครื่องปั่นผสมกับ Onkyo รุ่นดั้งเดิมพวกรุ่น 747, 1030, 3030 ที่เสียงมันติดนุ่มๆ พอบดออกมาแล้ว เสียงออกมาไปทางพวก marantz ไปเลย คือเบสดี ตูมตามแต่กระชับ เร็ว พั้นซ์ต่อยท้องกันจุกแน่นๆ เป็นลูกดีมากๆ (จับกับลำโพง Klipsch นะ ตัวอื่นเสียงอาจจะเปลี่ยนไปตามบุคลิกลำโพงด้วย)
ส่วนแหลมนี่เป็นอะไรที่กำลังพอดีครับ คือไม่ได้มากไป ส่วนตัวผมไม่ชอบโทนเสียงที่ไปทางแหลมเยอะๆเท่าไร่ พอได้ฟัง rz ตัวใหม่แล้วผมว่า มันกำลังดี จับกับลำโพงเสียงจัดๆอย่าง Klipsch แล้วโทนเสียงไม่กัดหู เฟี้ยวฟ้าวพอประมาณ ดูหนังสนุก ไม่ล้า แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ จะเอาอะไรอีก
 


 
ส่วนตัวผมว่าโทนเสียงไปคล้ายกับ marantz 7010, 6010 อะไรพวกนี้ คือบาล้านดี ดูหนังดีมากกกๆๆๆ ครับ เสียงดุดัน ไม่นุ่มเหมือน Onkyo รุ่นดั้งเดิม ที่ผมว่ามันนุ่มไปนิด ดูหนังอาจจะไม่ค่อยเร้าใจ แต่ได้เรื่องฟังสบาย และฟังเพลงมาช่วย
 
ถ้าถามว่าราคาค่าตัวของทั้งสองตัวมันแค่ 4 หมื่นกว่า กับ 5 หมื่นกว่า โดยเฉพาะตัวล่าง 710 เนี่ยราคาถูกเลยนะ แต่ได้เสียงแบบนี้ ผมว่าเป็น avr อีกตัวที่คุ้มค่าน่าสนใจครับ เล็ง rz710 ไว้ได้เลย ราคานี้ กับเสียงแบบนี้ ลูกค้าผมเอาไปจับกับ Klipsch RC-64 ii และ RP-260F ลองแล้วเสียงออกมาดีจนน่าพึงพอใจ ทั้งๆที่มันก็แค่ AVR ตัวเล็กๆ ราคา 3-4 หมื่นบาท แต่ขับลำโพงเซ็นเตอร์ยักษ์ได้เสียงแบบนี้ ผมให้ผ่านครับ กล้าพูดเลยว่ามันเป็นแอมป์ AVR อีกตัวที่เสียงดี
ส่วนตัว 810 ถ้างบไปถึงก็น่าเล่นครับ แถมทั้งคู่มี EQ ให้ดันขึ้นลงเล่นด้วยนะเออ... เอาสิ
 
เกือบลืม ข้อดีอีกข้อที่ผมชอบคือ ลูกบิด volume ที่ตัวเครื่องใหญ่ดี จับถนัดมือ หมุนแล้วหนืดกำลังดี ไม่ลื่นปรื๊ด และไม่หนืดจนเกินไป อันนี้ชอบส่วนตัว
 

 
 
มาข้อเสียกันบ้าง
 
- ส่วนตัวผมไม่รู้เป็นอะไรกับรุ่นนี้ รู้สึกพวก channels ของ hdmi และการสวิทช์สัญญาณมันใช้ยากๆยังไงไม่รู้ (หรือผมโง่)
 
- ส่วนเมนูนี่กลับคืนสู่สามัญเลย ปุ่มน้อยมาก อันเล็กดี ปุ่มก็เล็กด้วย บางทีไอ้พวกรีโมท bluray หรือรีโมทเครื่องเล่น HD player ยังใหญ่และปุ่มเยอะกว่านี้เลย
 
- ส่วนตัวเครื่อง 710 เบามากครับ เบาโหวงเลย ส่วนตัว 810 หนักกว่าพอสมควร อันนี้คือวัดจากความรู้สึกตอนยกเข้าห้องลูกค้า ตอนยก 810 รู้สึกทรมานกว่า 710 พอสมควร
 
- และข้อเสียใหญ่ของมันก็คือ มันรองรับได้แค่ 7.2 แชนแนลแค่นั้น ทั้งสองรุ่นเลย แปลว่าจะเล่น atmos ก็จะเล่นลำโพงล่างได้แค่ 5 แชนแนลเอง อิอิ
 
- ข้อเสียอีกอย่างคือ เมนู setting เวลากดแล้วมันหน่วง กว่าจะขึ้นบนจอ ต้องรอสักแป๊ป ประมาณ 2-3 วินาที คือบางทีกดแล้วใจหาย นึกกว่ามันไม่ขึ้น แต่มันแค่ขึ้นช้า จริงๆก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกนะ แต่ถ้าเทียบกับตัวอื่น ยี่ห้ออื่นแล้ว ยี่ห้ออื่นเค้ากดแล้วขึ้นเลยไง  ปล อ้อแต่เวลา switch channel แต่ละ Input นี่ไวดีนะ ไม่หน่วงเท่าไร่ อันนี้โอเค
 
- ช่อง usb หน้าเครื่องไม่ค่อยเสถียร ลูกค้าบ่นว่าเสียบจะเอาเพลงมาฟังเล่นๆ แล้วบางทีก็เจอ บางทีก็ไม่เจอ  แถมพอไปดูในคู่มือก็บอกว่าไม่การันตีว่าจะอ่านเจอ ขึ้นอยู่กับ usb ทีเอามาใช้  อือ.....  อันนี้ก็ไม่รู้นะครับ บางทีเป็นที่ usb จริงๆหรือเปล่า เพราะส่วนตัวไม่เคยใช้งานฟังกฺ์ชั่นนี้เท่าไร่  แต่คิดว่าเป็นอีก option นึงที่ลูกค้าหลายๆท่านใช้ และให้ความสำคัญและบ่นมา
 
- ไมค์เซ็ทเสียง ไม่ต้องแถมมาเหอะ ไม่ได้ช่วยอะไรให้ชีวิตดีขึ้น (จริงๆ) อันนี้พูดถึงทุกยี่ห้อ
 

 
 
 
สรุป RZ Series เป็น AVR รุ่นใหม่ล่าสุดของ Onkyo ที่พัฒนาเสียง และคุณภาพมาค่อนข้างดีเลยทีเดียว มันมีข้อเสียบ้าง เช่นรับได้แค่ 7.2 แชนแนล แต่ก็แลกมากับราคาที่ไม่แพง และเสียงดีนะ
แนวเสียง เป็นแนว กระชับ หนักแน่น พั้นซ์ ลุย ฟังสนุก เหมาะกับการจับกับลำโพงดูหนังดีๆ มันๆจะเหมาะกันมากๆ
 
ใครสนใจสามารถหาซื้อจับจองกันได้แล้วครับ ราคาทั้งสองตัวตามนี้
 
Onkyo TX-NR710: http://www.whatthatsound.com/product/368/onkyo-tx-rz710
 
Onkyo TX-NR810: http://www.whatthatsound.com/product/367/onkyo-tx-rz810
 


















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 07, 2016, 09:46:50 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์



วันนี้เอารูปบรรยากาศห้องดูหนังแบบกึ่งๆห้องครอบครัว ที่ใช้ดูหนังฟังเพลงที่สระบุรีมาให้ชมกันครับ
 
เรื่องคือได้มีโอกาศไปส่ง Klipsch RP-260F, Klipsch RC-64 II, Onkyo RZ-710, Pioneer LX58 ให้ลูกค้าด้วยตัวเองมา
 
ออกเดินทางแต่เช้าเลย เส้นวิภาวดีบ้านเรานี้แน่นอนมากๆ แม้ว่าจะเป็นวันอาทิตย์ก็ตาม แต่รถก็ติดกันหนึบหนับ กว่าจะหลุดไปถึงบ้านลูกค้าได้ก็ร่วม 10 โมงครึ่ง ไปถึงก็ยกของเข้าบ้าน เริ่มงานกันเลย
ช่วยกันต่อ ช่วยกันยก ช่วยกันปอกสาย (ต่อเปลือย แถมใช้สาย canare 4 cores) บางทีก็ใช้เจ้าของบ้านทำงาน แล้วผมถ่ายรูปไปเพลินๆ เอ้ย ไม่ช่าย
ส่วน center ลูกค้าเล็งไว้แต่แรกแล้วว่าจะเอาไว้ใต้ทีวี ก็จัดการยกและวางกันได้แบบไม่ต้องห่วง เพราะตัวตู้ RC-64 ii มันแข๊งแรงมากๆ
 


 
ต่อเสร็จ ลองเปิดก็ไม่มาทั้งภาพและเสียง ให้มันได้แบบนี้สิ ลองไล่นู้นนี่นั่นไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอต้นตอคือสาย hdmi เสียหนึ่งเส้น
ซึ่งผมอยากจะถุย ชีวิตตัวเองจริงๆ เพราะวันก่อนที่ไปส่ง Onkyo RZ810 ให้ลูกค้าอีกที่นึง ก็เจอปัญหาเดียวกันคือ สาย hdmi ลูกค้าเสีย แล้วหากันงมกว่าจะเจอ แต่เอาเถอะสุดท้ายแก้ปัญหาได้ก็แล้วกัน
 
ทีนี้มาดูซิสเต็มลูกค้ากันบ้างครับ
 
AVR: Onkyo TX-RZ710
Front: Klipsch RP-260F
Center: Klipsch RC-64 II
Surround: Sherman
Sub: Sherman
Bluray: Pioneer LX58
 


 
ทีนี้ก็ข้ามกันมาถึงตอนที่เสร็จทุกอย่างแล้ว ลองเปิดหนังกันดู ผมรู้สึกอย่างนี้ครับ
 
1. เสียงต้องขอชมวาสห้องลูกค้าอคูสติกดีมากๆ ไม่มีปัญหาอะไรเลย แม้จะเป็นห้องนั่งเล่นของครอบครัง มีเด็กๆวิ่งไปมา 555 แต่เสียงดีครับ โดยเฉพาะแนวเสียงในการดูหนังนั้น ชัด สด กำลังดีไปหมด ไม่ขาดไม่เกิน ไม่มากไปไม่น้อยไป เสียงพูดจากลำโพงเซ็นเตอร์ชัดสะใจ อาณิสงค์จากทวีตเตอร์ 1.75 นิ้วของ RC-64 II นี่เยี่ยมจริงๆครับ เอฟเฟกก็กระแทกดี ฟังแล้วชื่นใจกับเหงื่อที่เสียไปร่วม2 ชั่วโมง เหอๆ
 
2. ซับลูกค้าบางจังหวะมีพล่าบ้าง เพราะลงได้ไม่ลึกมาก แต่ดันต้องไปประกบกับพวกรุ่นพี่ขาโหดทั้งหลาย ก็เข้าใจ อย่าไปเค้นมันมาก
 
3. เสียงโดยรวมถือว่าพอใช้ได้ครับ ไม่ได้ดีเลิศ ต้องปรับปรุงและค่อยๆเซ็ทค่อยๆเบิร์นกันไป แต่ในวันแรกหลังติดตั้งได้เสียงแบบนี้ ตอนที่ลูกค้าและภรรยา และลูกๆ เข้ามาล้อมวงกันฟังและดูหนังเรื่อง transformer แล้วยิ้มกันมีความสุข แค่นี้ก็น่าจะหายเหนื่อยแล้วละครับ
 

 
 
ก่อนกลับลูกค้าเอา Hard disk ยัดใส่มือมาให้ 2 Tb บอกว่า กลับมาคราวหน้า เอาหนังมาฝากด้วย ซึ่งหนังในลิสต์ผมที่คัดแล้วเฉพาะที่ดีๆอยู่ 200 กว่าเรื่อง ครั้งหน้ากลับมาอีกครั้งจะได้เอามาฝากลูกค้า (ฟรี) ให้เอาไว้ดูกันในบ้าน
ซึ่งห้องนี้ก็เป็นอีกห้องนึงที่เป็นห้องเล็กๆไม่ได้เว่อร์วังอลังการอะไรเลยครับ แต่เป็นห้องที่ใช้งานจริง มีเด็กๆวิ่งเล่นเข้าออก ดูหนังดูการ์ตูน คุณพ่อ คุณแม่เปิดเพลง เปิดหนังดูกันสบายๆ เรียกว่าเน้นใช้งานจริงๆ
ส่วนใครอยากได้ห้องพักผ่อน ดูหนังฟังเพลงสไตล์นี้ เราแนะนำว่าทำทุกอย่างให้มันง่ายๆเข้าไว้ AVR ตัวเดียว ใช้งานง่ายๆ เล่นหนัง เล่นเพลงอะไรก็เสียบแผ่นเอา หรือเลือกหนังเอาจากลิสต์ ใช้เครื่องเคราให้มันน้อยๆ ใช้งานสะดวกๆ แต่มีฟังก์ชั่นใช้สอยให้ครบๆ และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้คือ โซฟานุ่มๆยาวๆสักตัว แอร์เย็นๆ และก็สมาชิกในครอบครัวที่มาใช้งานร่วมกัน แค่นี้ความสุขจะไปไหนเสียละ จริงมั๊ยครับ
 
 
ราคา Klipsch RC-64 ii: http://www.whatthatsound.com/product/22/klipsch-reference-rc-64-ii-black
 
ราคา Klipsch RP-260F: http://www.whatthatsound.com/product/13/klipsch-rp-260f
 
ราคา Onkyo RZ710: http://www.whatthatsound.com/product/368/onkyo-tx-rz710
 
ราคา Pioneer LX58: http://www.whatthatsound.com/product/111/pioneer-bdp-lx58


































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 07, 2016, 10:55:35 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง klipsch R-15PM ไปให้ลูกค้าที่สมุทรปราการครับ

ตัวนี้ลูกค้าอยู่ในบ้านที่ค่อนข้างมีพื้นที่จำกัด เดิมทีลูกค้าใช้ลำโพงโฮมเธียเตอร์แบบเต็มระบบอย่าง RF42 ii และ RP-250C, RP150M, R12Sw   
ภายหลังมีปัญหาเปิดดังไม่ได้ และพื้นที่น้อย เกะกะ หาที่จัดวางลำบาก เลยขายยกชุด และเปลี่ยนมาหาลำโพงประเภท Active speaker มาเล่นแทน 

 แนวเสียงของตัวนี้จะเน้นเพลงจังหวะคึกคัก เพลงป๊อป เพลงร๊อค เพลง edm เพลงทั่วๆไปที่แผดๆ มีจังหวะจะโคนหน่อยจะทำได้ดีมาก  แต่ถ้ามาเป็นแนวอคูสติกจะกลับไปอีกด้าน  ซึ่งจะว่าไปตัวนี้ผมว่าเป็นด้านตรงข้ามของ Kef X300A ก็ว่าได้ รายนั้นเค้าเปิดเพลงอคูสติกใสๆได้ยอดเยี่ยม แต่กลับเปิดเพลงร๊อค เพลงมีจังหวะแล้วทำได้ไม่ค่อยดีนัก...
ก็อย่างว่าครับ ไม่มีลำโพงไหนในโลกที่เปิดเพลงทุกแนวได้ดี  อย่างน้อยก็ต้องมีจุดดีจุดด้อย

 ลำโพง Active Speaker หรือที่บ้านเราชอบเรียกกันติดปากว่าลำโพงคอม หรือกล่าวอีกนัยนึงก็คือลำโพงที่มันเสียบปลั๊กแล้วใช้งานได้เลยนั่นแหละ ไม่ต้องยุ่งยากไปหาแอมป์ AVR, Integrate Amp หรืออะไรมาขับเลย แค่เสียบปลั๊กก็ใช้งานได้ ซึ่งลำโพงแบบนี้นิยมนำมาใช้งานหลากหลายในรูปแบบต่างๆกันเช่น  ลำโพงคอม  ลำโพงฟังเพลง ลำโพง Wireless, Sound bar  ซึ่งหลักการก็เหมือนกัน นั่นคือไม่ต้องใช้แอมป์ เน้นความง่ายเป็นหลักและรองรับการเชื่อมต่อได้หลากหลาย




  1. รองรับช่องต่อ Phono-Preamp สำหรับต่อกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงได้เลย (RCA)

  2. รองรับ USB สามารถต่อกับคอม เพื่อเล่นเพลงหรือเกม ดูหนังผ่านคอมพิวเตอร์

  3 .มีช่องต่อ minijack 3.5 ต่อฟังเพลงกับโทรศัพท์หรือ gadget อื่นๆได้ด้วย

  4. ยังไม่พอยังมี blutooth ซิงค์ไฟล์กับอุปกรณ์เช่นมือถือได้

   5. รองรับช่องต่อ Optical Digital ทำให้ลำโพงตัวนี้ทำงานแทน Sound bar ได้เลย สามารถเอาไปตั้งใช้งานกับทีวี ให้มันทำงานเป็นลำโพงแทนทีวีได้

  6. ต่อ Subwoofer เพิ่มได้ ตัวนี้สามารถเอาซับมาต่อเพิ่มความถี่ต่ำให้ตี๊บขึ้นได้ไม่ว่าจะอยากได้หนักแค่ไหนก็จัดได้ตามชอบ  ไม่ว่าจะ R115SW, R112SW, R110SW หรือจะเอาซับยี่ห้ออื่นมาต่อก็ได้เช่นกัน

   7. รองรับช่องต่อ Mini jack 3.5 mm ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือหรือ tablet ได้

   8. รองรับเชื่อมต่อกับ Bluetooth ซิงค์ไฟล์เพลงกับมือถือหรือแท๊บเลตได้อีก

 ุ  9. มีรีโมทคอนโทรลให้ ยังไม่พอแถมรีโมทคอนโทรลมาให้อีก ครบๆสุดๆขนาดนี้ผมอยากได้ไว้ใช้สักตัวจริงๆครับ


ราคา Klipsch R-15Pm: http://www.whatthatsound.com/product/330/klipsch-r-15pm




















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 12, 2016, 07:49:08 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Klipsch R110SW ซับวูฟเฟอร์ขนาดกระทัดรัดไปให้ลูกค้าที่สมุทรปราการครับ   ตัวนี้วิ่งส่งเองกลางคืน 2 ทุ่ม เนื้องจากลูกค้าไม่สะดวกรับของตอนกลางวัน (ทำงาน กลับค่ำ)  ผมเลยต้องวิ่งเอง (อีกแล้ว)  งานนี้วิ่งข้ามจากตะวันตกไปตะวันออกกันเลยครับ 
เดิมทีลูกค้าใช้ Polk PSW110 ซับเสียงนุ่มๆ
แต่บุคลิกของ Klipsch R110SW จะไปอีกแนวนึงนั่นคือ หนักๆ แน่นๆ เป็นลูกกระแทกๆ 

ลูกค้าเอาไปใช้กับ QAcoustic 

ราคา Klispch R110Sw: http://www.whatthatsound.com/category/4/klipsch/klipsch-subwoofer

ปล รูปใช้รูปแทน












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 12, 2016, 08:12:00 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Klipsch R-260F ลำโพงตั้งพื้นไซส์กลางขนาดดอก 6.5 นิ้วคู่นี้ไปให้ลูกค้าเก่าเราท่านนึงที่ย่านนนทบุรีครับ

ลำโพงตั้งพื้นในซีรี่ย์ Reference Premier มีด้วยกัน 2 รุ่นครับ   ได้แก่ RP250F, RP260F, RP280F โดยตัวในรูปนี้ก็เป็นตัวกลางของรุ่น ได้รับความนิยมค่อนข้างสูง เพราะเป็นตัวตายตัวแทนของรุ่นก่อนอย่าง Klipsch RF-62 II นั่นเอง

แนวเสียงก็คล้ายรุ่นเก่า แต่เบสจะฟังสบายกว่า ในขณะที่เสียงแหลมก็ลดความจัดจ้านลงมานิดหน่อย

ซิสเต็มลูกค้ามีดังนี้
AVR: Marantz 7010
Front: Klipsch RP260F
Center: Klipsch RP-450C
Surround: Yamaha
Sub: Klipsch R110SW




ซิสเต็มลูกค้าท่านนี้ค่อยๆสะสมไปทีละชิ้นๆ  ทยอยสั่งของมาเติม เริ่มตั้งแต่ AVR, Sub, Center จะนี่ล่าสุดได้คู่หน้ามาเติมเต็มระบบไปอีกหนึ่งคู่   การเล่นแบบค่อยๆสะสมไปทีละชิ้นก็สนุกดีเหมือนกันครับ บางคนอาจจะรอเก็บเงินแล้วจัดทีเดียวครบทุกแชนแนล แต่บางคนก็เก็บทีละตัว ทีละชิ้น  ก็ขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์และแนวทางการเล่นของแต่ละท่านครับ
แต่โดยส่วนมาก นักเล่นรุ่นเก่าหลายๆท่าน พอจัดชุดได้ทีแล้วมักจะค่อยๆเติม ค่อยๆเปลี่ยนทีละชิ้นมากกว่าเปลี่ยนตูมเดียวหลายๆชิ้นนะผมว่า

ราคา Klipsch RP260F: http://www.whatthatsound.com/product/13/klipsch-rp-260f

















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 17, 2016, 09:44:30 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Klipsch RP-260F ไปให้ลูกค้าที่ปทุม คลองสองครับ

ตัวนี้ลูกค้าเดิมทีใช้ลำโพง Wharfedale  อยากเปลี่ยนลำโพงบ้าง และบังเอิญสนใจตัวลำโพง Klipsch ติดต่อมาว่าอยากได้ RP-280FA เราเลยแนะนำและสอบถามไปว่า เอาไปใช้เล่น Atmos ด้วยเหรอครับ   ปรากฏว่าลูกค้าไม่เข้าใจความแตกต่างของรุ่นปกติอย่าง RP280F กับ RP280FA  และก็เชื่อว่าลูกค้าหลายท่านบางทีก็สับสนเหมือนกัน เพราะรหัสคล้ายๆกัน  เลยอธิบายให้ฟังว่า รุ่นที่ลงท้ายด้วย A จะเป็นรุ่นที่ทำมาเพื่อ support Atmos ด้วย คือตัวลำโพงด้านบนจะมีลำโพงอยู่ด้วยเพื่อยิงเสียงขึ้นด้านบน

ส่วนตัวที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย A ด้านบนจะเป็นไม้ตันๆปกติครับ

สรุปไปสรุปมาเลยได้ RP-260F ซึ่งเป็นรุ่นกลาง และราคาย่อมเยาว์ ราคาจับต้องได้ง่ายตัวนี้มาเล่นเอง

ปล  ตัวนี้ไปส่งให้ลูกค้าที่บ้านด้วยตนเอง เลยได้มีโอกาศถ่ายรูปลำโพงประชันกันระหว่าง Wharfedale VS. Klipsch มาฝากกันครับ

ชอบตัวไหนมากกว่ากันครับ??

ราคา Klipsch RP260F: http://www.whatthatsound.com/product/13/klipsch-rp-260f




















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 23, 2016, 09:42:09 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
จัดส่งสาย AudioQuest Pearl (HDMI), BlackLab (Sub cable) และ Forest ไปให้ลูกค้า 3 ท่านครับ

ราคาสาย AudioQuest: http://www.whatthatsound.com/category/53/audioquest






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 24, 2016, 07:04:57 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่งขาตั้งลำโพงเซ็นเตอร์ C4 ไปให้ลูกค้าที่ลพบุรีครับ  ตัวนี้เป็นลูกค้าเก่าที่สั่ง Klipsch RC-64 ii ไปนานแล้ว  เดิมทีวางกับชั้นวางธรรมดา ตอนนี้กำลังจะเริ่มปรับปรุงห้องดูหนังใหม่ เลยหาชั้นวางที่แข๊งแรง และใหญ่พอที่จะวางลำโพง RC-64 II ได้  จึงมาลงตัวที่ขาตั้งตัวนี้  ที่เพลทบนใหญ่พอจะวาลำโพงเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ได้สบายๆ แถมสามารถปรับเลื่อนสูงต่ำได้ด้วย   

ปล ตัวเพลทบนจะลาดและเชิดขึ้น เพื่อสำหรับวางลำโพงให้แหงนหน้าขึ้นมาพอดีกับตำแหน่งนั่งฟัง


ราคาขาตั้งเซ็นเตอร์ C4: http://www.whatthatsound.com/product/157/stand-center-c-4




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 24, 2016, 08:10:13 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Audyn Valor 2 และ Audyn Libero HD ปลายทาง  ให้ลูกค้าที่บางกรวยไทรน้อยครับ

ตัว Libero HD ปลายทางลูกค้าสั่งมาใช้กับ projector และ Valor 2 เอามาใช้กับอุปกรณ์เครื่องเสียงในห้อง

ซึ่งเครื่องกรองไฟ audyn  ก็จัดเป็นเครื่องกรองไฟของไทยอีกแบรนด์ที่มีคุณภาพสูง  ทางผู้ผลิตมีประสบการณ์มาก หากใครติดตามประวัติของ Audyn จะทราบว่าที่มาก่อนจะเป็น Audyn ทุกวันนี้นั้นมาจากที่ไหนมาก่อน   เพราะฉะนั้นจึงมั่นใจในคุณภาพที่สูง เมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไปเท่าๆกันกับแบรนด์อื่นๆครับ


ราคา Audyn กรองไฟทุกรุ่น: http://www.whatthatsound.com/category/50/audyn/ac-power-conditioner










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 27, 2016, 07:14:17 am โดย keamglad »