ผู้เขียน หัวข้อ: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Procella , SVS, Anthem, Parasound,Audyn  (อ่าน 327793 ครั้ง)

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์



จัดส่ง SVS SB2000 ซับวูฟเฟอร์ตู้ปิด ตัวตู้สีดำไฮกลอส หรือจะเรียกว่าดำเปียโนก็แล้วแต่สะดวกครับ   ตัวนี้จัดส่งไปพหลโยธิน ซอยสายหยุด

ตัวนี้ต้องบอกว่าเป็นซับอีกตัวนึงที่ราคาต่ำกว่า 3 หมื่นบาท แต่ได้ตู้ปิด แถมยังไม่พอ ตัวตู้ยังเป็นผิวไฮกลอสดำงาม สวยมาก ดูจากรูปถ่ายแล้วอาจจะยังไม่ค่อยเท่าไร่ แต่ตัวจริงผมบอกเลยว่า เงา สวย ประหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ชั้นดีเลยครับ   

ตัวตู้ไม่ใหญ่ ขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับซิสเต็มดูหนังฟังเพลง
แนวเสียงของตู้ปิด ก็จะไม่ได้โหด โครมครามเหมือนพวกตู้เปิด แต่จะได้ลูกสุภาพ ได้รายละเอียด ได้ความสะอาดของเบส ที่เหมาะกับการฟังเพลง  ส่วนการดูหนังอาจจะไม่ได้ลูกเบสต้นโครมครามอะไรกันมากมาย แต่พอเบสลึกๆนั้นต้องบอกว่าได้รายละเอียด และได้อารมณ์แบบตู้ปิด ที่ซับตู้เปิดให้ไม่ได้จริงๆครับ

ใครที่มีงบประมาณ 30,000 บวกลบ และหาซับดีๆสักตัวไว้ใช้ทั้งดูหนังฟังเพลง ไม่เน้นสายโหดมาก แต่ต้องการซับตัวเล็กๆ งานสวยๆ เสียงดีๆ   

เราอยากให้ดูตัวนี้ไว้เป็นตัวเลือกอีกหนึ่งตัวครับ

ราคา SVS SB2000: http://www.whatthatsound.com/product/319/svs-sb-2000

และใครสงสัยว่าซับตู้เปิดและตู้ปิด ข้อดีข้อเสีย ต่างกันยังไง และจะเลือกเล่นแบบไหนดี ก็อ่านทีนี่ได้เลยจ้า: http://goo.gl/eM1T8F




























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 27, 2016, 09:48:53 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์

 
 
 
บรรยากาศห้องดูหนังแบบกึ่งๆห้องครอบครัวที่สระบุรี ภาค 2
 
วัน ก่อนเราเอา subwoofer Klipsch R112SW, Klipsch RP240S (surround bipol), Audyn Valor2 (เครื่องกรองไฟ) ไปอัพระบบให้ลูกค้าเก่าของเราที่สระบุรีครับ
ใคร ติดตามกันคงจะพอจำห้องนี้กันได้ ห้องดูหนังกึ่งๆห้องนั่งเล่นในครอบครัว จากเดิมที่ใช้ Klipsch แค่คู่หน้ากับเซ็นเตอร์ วันนี้เอาของไปเติมเข้าระบบจนครบแล้ว
คราว ก่อนลูกค้าฝาก HD มาลูกนึง วันไปส่งเลยก็เอาหนังแถมไปให้เต็ม HD ร่วมๆ 2-3 ร้อยเรืองเลยทีเดียว ดูกันตาแฉะ ปีนึงไม่รู้จะดูหมดมั๊ย (คอลเลคชั่นหนังของผมเอง มีกี่เรื่องเอาให้ลูกค้าไปหมดเลย ฟรีๆๆ คัดมาแล้วทุกเรื่อง เป็นหนังที่ผมชอบและสะสมไว้มาหลายปีแล้วครับ... ไม่มี AV นะ อิอิ....)
 
ซิสเต็มเดิมของลูกค้าเราใช้ Sherman และก็ทยอยอัพแผงหน้ามา หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือนก็อัพซับและเซอราวด์ ตอนนี้ซิสเต็มเป็นอย่างนี้แล้วครับ
 


 
  
   AVR: OnkyoR710
   Front: Klipsch RP260F
   Center: Klipsch RC-64 II
   Surround: Klipsch RP-240S
   Subwoofer: Klipsch R112SW
   กรองไฟ: Audyn Valor 2
 
ครบถ้วนเรียบร้อยสำหรับชุดดูหนังของลูกค้าท่านนี้ครับ
วันทีไปส่งก็เหมือนเดิมครับ เข้าไปช่วยกันยก ช่วยกันจัด ช่วยกันต่อลองเสียงกัน ใช้เวลาลองฟังกันอยู่นานร่วม 2 ชั่วโมง
ก็ สรุปกันว่า ตำแหน่งวางซับที่วางกันอยู่ตอนนี้นั้นเสียงยังไม่ค่อยดีเท่าไร่ เพราะเบสต้นเหมือนจะหายไปพอสมควร เหลือแต่เบสลึกๆให้ได้ยิน ยิ่งเร่งดังก็ยิ่งเเพิ่มเบสลึก แต่เสียงเบสต้นที่กระชับๆหนักๆ หวดเป็นลูกๆยังไม่ค่อยปรากฏให้เห็น
 
 

 
 
จึง ตกลงกับลูกค้าว่า ขอเบิร์นซับให้มันพ้นรันอิน ให้ขอบยาง ให้สไปเดอร์ ให้กรวยลำโพงมันได้ทำงาน ยืดเส้นยืดสายให้เต็มที่สัก 50-60 ชมขึ้นไป เปิดมันทิ้งไว้เลย ฟังเพลงดูหนังกันไปเรื่อยเปื่อย
 
แล้วถ้ามันพ้นเบิร์น แล้วค่อยจัดตำแหน่งใหม่ โดยย้ายตำแหน่งซับไปด้านมุมห้อง เอาของที่วางอยู่ตรงมุมห้องออก แล้วค่อยลองฟังกันใหม่
ณ วันนี้เราทำกันแบบลูกทุ่งๆ ได้แค่นี้ครับ เพราะเราไม่มีไมค์ ไม่มีผู้เชี่ยวชาญมาวัด มาพลอตกราฟดูให้ว่าความถี่ต่ำมันเรียบมั๊ย แต่เท่าที่ผมลอง ผมว่าช่วงเบสต้นมันเป็นเหวลงไป และกราฟไม่เรียบแน่นอน ก็ทำได้แค่ย้ายตำแหน่งซับและลองฟังไปก่อน เซ็ทเองเท่าที่จะได้ไปก่อน สุดท้ายแล้วผลเป็นอย่างไรค่อยมาว่ากันอีกทีหลังพ้นเบิร์น
 
 


 
วันนี้ เราออกจากบ้านลูกค้า ขากลับเรายังไม่ได้ตรงดิ่งกลับ กทมเลย แต่ขับไปแวะชมความงามของเขื่อนขุนด่านปราการชล ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านลูกค้า ขับรถไปอีกแค่ 40 นาทีก็ถึง
ไป แวะชมความงามของเขื่อนที่เป็นพระราชดำริของในหลวงเรา ไปชมความยิ่งใหญ่ตระการตาว่า สถานที่ไม่ใกล้ไม่ไกลกรุงเทพแห่งนี้ก็มีที่เที่ยวที่สวยงาม และเป็นที่นิยมมาถ่ายรูปของแก๊งรถบิ๊กไบค์ และคลับรถเป็นอย่างมาก ฮาๆๆ
ที่เขื่อนมีรถกอล์ฟให้เช่าขับ มีรถพาเที่ยวชมเขื่อนมองวิวลงไปอลังการมากๆ ทั้งหน้าเขื่อนและหลังเขื่อน
แถมมีบริการเรือพาเที่ยวล่องไปในเขื่อนด้วยนะ (แต่ผมไม่ได้นั่งนะ พอดีรีบกลับ)
 
ว่างๆจากการพักผ่อน ดูหนังฟังเพลงที่รักแล้ว ก็ไปเที่ยวกันบ้างนะครับ ไม่ไกลจากกรุงเทพเลย
 
สุดท้ายนี้ใครหาชุดดูหนังดีๆ เสียงมันๆ เราแนะนำว่าลอกสูตรของลูกค้าท่านนี้ได้เลย แต่ถ้าห้องใหญ่ แนะนำกันว่า ควรจะใช้แอมป์ใหญ่กว่านี้จะดีมากครับ

 

 
 
ราคา AVR Onkyo RZ710: http://www.whatthatsound.com/category/6/klipsch/klipsch-reference-premier

ราคา Klipsch RP260F:
http://www.whatthatsound.com/product/13/klipsch-rp-260f
 
ราคา Klipsch RC-64 II: http://www.whatthatsound.com/product/22/klipsch-reference-rc-64-ii-black

ราคา Klipsch RP-240S
: http://www.whatthatsound.com/product/20/klipsch-reference-premier-rp-240s
 
ราคา Klipsch R-112SW: http://www.whatthatsound.com/product/4/klipsch-r-112sw
 
ราคากรองไฟ Audyn Valor2: http://www.whatthatsound.com/product/210/audyn-valor-two
 
 


















































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 28, 2016, 05:52:42 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Cerwinvega XD4 และ Cerwinvega XD8S (Subwoofer)
สองตัวนี้เป็นลำโพง active speaker หรือลำโพงที่เสียบปลั๊กแล้วใช้งานได้เลย ไม่ต้องมีแอมป์ เพราะในตัวมันมีแอมป์อยู่แล้วครับ (ทำนองเดียวกับ klipsch r15pm และ kef x300a นั่นแหละ)

เพียงแต่ตัวนี้ราคาย่อมเยาว์ประหยัดมากกว่า

ตัวนี้จัดส่งไปสิงห์บุรี    แถมจัดส่งเองอีก เนื่องจากลูกค้าโทรมาช่วงเช้า ไม่อยากจัดส่งทางขนส่งเอกชน เพราะกลัวสินค้าเสียหาย (จริงๆไม่เสียหายหรอก แต่ถ้าส่งไปรษณีย์นั่นละจะเสียหาย) 
แต่เพื่อความสบายใจของลูกค้า และลูกค้ายอมจ่ายค่าส่งให้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้เราวิ่งไปส่งให้ถึงมือด้วยตัวเอง  โทรมาตอน 10 โมง จัดส่งตอนเที่ยง ถึงลูกค้าตอนบ่ายสอง

อื้อหือ ตอนนั้นอารมณ์นึกว่ามันใกล้ คงแค่ 100-120 กิโลเมตร  แต่พอเอาเข้าจริง ล้อหมุน เปิด googlemap ปุ๊ป ปาไปร่วม 180 โล 
แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ก็ต้องไปครับ



ระหว่างที่ไปไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทยห่างจากกทม. ออกไปแค่ไม่เท่าไร่ แต่ธรรมชาติสองข้างทางที่ googlemap มันพาวิ่งไป มันช่างตื่นตาตื่นใจผมจริงๆ  เพราะแทนที่มันจะพาไปตามทางหลัก แต่มันดัน... พาไปตามทางรอง วิ่งเลาะตามทุ่งนา ตามถนนที่ไม่ค่อยดี 

แต่เชื่อมั๊ยครับ วิวสวยมากกก  ทั้งแดด ทั้งวิวทุ่งนาข้างทาง ทั้งคลอง ขับรถไปจนอดที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายไว้ไม่ได้  จัดเป็นจังหวัดที่สวยงาม น่าอยู่อีกจังหวัดนึง (จริงๆผมชอบภาคใต้)
ถ้ามีโอกาศอยากจะเกษียณไปสร้างบ้านอยู่เงียบๆตามต่างจังหวัดแบบนี้ละ  555

สรุป ส่งลำโพงให้ลูกค้าเรียบร้อย  ส่งเสร็จก็ล้อหมุนกลับทันที
ส่วนตัว XD4 เป็นลำโพงคู่หน้า ที่ใช้ฟังเพลงก็ได้ เล่นเกมก็ดี ดูหนังก็มัน เพราะแนวเสียงเป็นแนวอเมริกัน แนว cerwin ที่ก็รู้ๆกันว่ามันแนวคึกคัก สนุกสนาน เหมาะกับเพลงลูกทุ่ง ป๊อปร๊อค และอิเล็กโทรทั้งหลาย  ขาออดิโอไฟล์คงต้องข้ามไปนะ

ส่วน XD8S เป็นซับวูฟเฟอร์ที่ถูกสร้างมาเพื่อคู่กัน สามารถต่อกับลำโพงได้โดยตรง ใช้ดอกความถี่ต่ำขนาด 8 นิ้ว พอร์ทยิงท่อลมอยู่ด้านหน้า ดอกลำโพงอยู่ด้านข้าง ตัวตู้ดูร๊อคๆ เท่ๆคล้ายๆเคสคอม หรือลำโพงคอม ตัวคู้สีดำขลับ มีโลโก้ cerwinvega สีเงินแวววาวประดับอยู่ด้านหน้า   ตัวดอกลำโพงสีแดงเป็นเอกลักษณ์ของ cerwin ถูกคลอบด้วยตะแกรงที่มองทะลุเข้าไปเห็นตัวดอกลำโพง ยิ่งเพิ่มความน่าเกรงขามและดูร๊อคของจิตวิญญาณลำโพงจากอเมริกันเจ้านี้




ปล  กล่อง cerwin ใส่มาแบบสองชั้นด้วยนะ ตกใจมาก ไม่คิดว่าลำโพงราคาแค่นี้จะใช้กล่องแบบสองชั้น   ปกติเคยเห็นแค่พวก svs, jl หรือลำโพงแพงๆที่ให้กล่องสองชั้น

ราคา Cerwinvega XD4: http://www.whatthatsound.com/product/180/cerwin-vega-xd4

ราคา Cerwinvega XD8S: http://www.whatthatsound.com/product/182/cerwin-vega-xd8s






























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 31, 2016, 07:51:40 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่งขาตั้งลำโพงเซ็นเตอร์ C4 ไปให้ลูกค้าที่จอมทองครับ

ตัวนี้ลูกค้ามองหาขาตั้งสำหรับวางเซ็นเตอร์ที่แข๊งแรง มั่นคงและมีขนาดใหญ่พอที่จะวางเซ็นเตอร์ขนาดกลางไปจนถึงใหญ่ได้
ซึ่งตัวนี้จัดส่งไปแล้วลูกค้าก็ถ่ายรูปมาให้ชม กับลำโพง Klipsch RP450C รุ่นท๊อปใหญ่สุดของ Reference Premier ขนาดดอก 5.25 นิ้วเรียงกัน 4 ดอก
(ในรุ่น Reference ii จะมีใหญ่กว่านี้เป็น RC-64 ii ดอกขนาด 6.5 นิ้วสี่ดอก)

ตัวนี้วางแล้วมั่นคงมากๆครับ มีสไปรค์มาให้ และขาตั้งปรับระดับสูงต่ำได้ และเพลทบนนั่นลาดเอียงเพื่อให้พอวางเซ็นเตอร์แล้วเสียงพุ่งขึ้นมาได้ระดับกับหู และจุดนั่งฟังพอดี

ราคาและขนาดขาตั้ง C4: http://www.whatthatsound.com/product/157/stand-center-c-4




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 03, 2016, 07:52:05 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์



จัดส่งชุดโฮมเธียร์เตอร์ Onkyo HT-S7805 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งออกมาสดๆร้อนๆ ตัวนี้ไปให้ลูกค้าที่นครปฐมครับ ตัวนี้จัดส่งเองอีกแล้ว แต่น่าเสียดาย เนื่องจากไม่มีเวลา จึงไม่ได้อยู่ติดตั้งและทดสอบเสียงกับลูกค้า

จริงๆต่อชุดโฮม เริ่มจาก 0 ก็ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง (ถ้าทำเร็วๆ และไม่ต้องปอกสายลำโพง) นอกนั้นลองเสียง ถ้าเสียง ภาพไม่ออก ก็นั่งไล่แก้ปัญหา รวมเซ็ทอัพเบื้องต้นนู้นนี้นั่น ก็ไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมงครับ




7805 ชุดนี้เป็นชุด in the box ที่คุ้มค่าที่สุดแล้วในปีนี้ครับ เพราะ avr ในชุดของมัน ให้กำลังขับพอๆกับ avr แยกชิ้น onkyo 656

และที่สำคัญมันดันเป็นชุด in the box ที่รองรับระบบเสียงแบบใหม่ล่าสุดอย่าง DTS:X นี่สิครับ

นอกนั้นฟังชั่นมาตรฐานอย่าง Dolby Atmos, Blutooth, wifi, 4k อะไรทั้งหลายแหล่ก็ครบ จบในกล่องเดียว แถมมีสายมาให้ด้วยนะครับ




ดังนั้นซิสเต็ม In the box เล็กอย่าง Onkyo HT-S7805 จึงจัดได้ว่าเป็นชุดระดับเริ่มต้นสำหรับมือใหม่ที่เน้นความคุ้ม และมองอนาคตยาวๆได้ดีที่สุดชุดนึงครับ เพราะเมื่อเริ่มต้นกับชุดนี้แล้ว หากใช้ๆไปรู้สึกว่าอยากอัพเกรดซิสเต็มให้ดียิ่งขึ้น อยากเปลี่ยนลำโพง เราสามารถทำได้เลย โดยการหาลำโพงใหม่ที่ตัวไม่ใหญ่มาก ขับไม่ยากนัก มาใส่แทนของเดิมได้ (ไม่ใช่เอา polk a7 หรือ elac, nht มาขับนะ แบบนั้นมันก็เกินไป) โดยที่ AVR ในชุดก็ยังใช้งานตัวเดิมได้

ตัวอย่างเช่นพี่ห้องนี้ครับ http://goo.gl/7nUzL0

ใช้ avr ของชุด HT-S7705 แต่เปลี่ยนลำโพงในระบบทั้งหมดมาเป็น Klipsch
หลังเปลี่ยนชุดลำโพง เสียงในระบบดีขึ้นอย่างน่าพอใจครับ


ราคาและสเปก Onkyo HT-S7805 : http://www.whatthatsound.com/product/402/onkyo-ht-s7805








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 11, 2016, 01:18:19 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Klipsch R115SW (ตัวโชว์ ราคาพิเศษ) และ Klispch RC-64 ii (ของใหม่)  เซ็นเตอร์ made in usa สีดำรุ่นท๊อปของ series ref ii   ไปให้ลูกค้าที่สิงห์บุรี

---------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆที่นี่: https://goo.gl/GvF06D
---------------------------------------------------------------


ตัวนี้ลูกค้าไม่สะดวกขับมารับของที่กทม และก็ไม่สะดวกให้จัดส่งขนส่ง  แต่อยากได้ซับ และเซ็นเตอร์  เราจึงต้องออกเดินทางไปสิงห์บุรี (อีกครั้ง ในรอบเดือนนี้)   ขับไปก็ไม่ใกล้ไม่ไกลครับ 100 กว่าโล
สิ่งที่น่าจดจำไม่ได้จบอย่เพียงแค่การส่งของให้ลูกค้าถึงมืออย่างปลอดภัยและสบายใจ  แต่ทว่าระหว่างทางก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน   วิวสองข้างทางที่สิงห์บุรียังเป็นอะไรที่ธรรมชาติ และสวยงามมากครับ   มองเห็นทุ่งนาที่มีชาวไร่มาเกี่ยวข้าวกันอยู่จริงๆ 

เราออกเดินทาง 7.30 เช้าตรู่ ถึงนู้นก็ร่วม 9.30  บรรยากาศสดชื่นและเย็นสบายดีครับ




 ลูกค้ามีแพลนจะทำห้องดูหนัง เอาไว้ดูหนังฟังเพลง ทั้งนี้ห้องยังไม่เสร็จเรียบร้อย (เรียกว่ายังไม่ได้เริ่มทำก็ได้) พอย่างเท้าเข้าไปในบ้าน ลูกค้าก็เรียกเข้าไปดูห้องไว้ล่วงหน้าก่อนที่งานทำห้องจะเริ่ม ดูความยาวสายที่ต้องใช้ ตำแหน่งนั่งดู ตำแหน่งวางเครื่องเสียง

สุดท้ายก่อนลาจาก ก็แกะสินค้าออกมาเช็คความเรียบร้อย และถ่ายรูปสวยๆมาฝากกัน 

สำหรับ Subwoofer R115SW เป็นซับขนาดดอก 15 นิ้ว ตู้เปิด รุ่นใหญ่สุดของ series reference premier ที่ถ้าถามเรื่องเสียงก็ต้องบอกว่า เป็นซับในงบประมาณ 30,000 +- ที่ให้เสียงในแนว กระชับ และกระแทกเป็นลูกๆ ในขณะที่ยังลงลึกและสร้างแรงสั่นสะเทือนยามต้องการบรรยากาศได้ดีอีกตัวนึง  ใครที่หาซับดูหนัง ในราคาที่เอื้อมถึง และคุณภาพดีระดับต้นๆ  เราก็แนะนำรุ่นท๊อปของ Klipsch รุ่นนี้แหละครับ แล้วจะไม่ผิดหวัง



สำหรับเซ็นเตอร์ RC-64 ii เป็นอะไรที่ใหญ่โตและสวยงามจริงๆครับ   ลำโพงเซ็นเตอร์ตัวนี้เข้าใกล้คำว่าลำโพงดูหนังในแบบ THX ที่สุดแล้ว   โดยที่ตัวมันไม่ได้ออกแบบมาเป็นลำโพงสเปกแบบ THX และหน้าตาก็ยังเป็นลำโพงบ้าน แปะผิวไวนิลสวยๆไว้โชว์ลำโพง โชว์ดอก  ซึ่งถ้ามองจากภายนอกจะยังได้ฟีลลำโพงบ้านสวยๆดูน่าเกรงขาม  แต่เสียงของมันนั้นขายความเป็นลำโพงดูหนังอย่างแท้จริง โดยเฉพาะเสียงพูดที่ชัด และละเอียดยิบ เสียงเอฟเฟคที่มีอิมแพค เหมาะกับการดูหนังที่สุดอีกตัวนึง ในงบไม่เกิน 3-4 หมื่นบาทจะหาได้

สุดท้ายเอารูปสวยๆมาฝากัน ก่อนจะเก็บลำโพงใส่กล่องและรอ AVR, คู่หน้า, เซอราวด์, และลำโพง Atmos ที่จะส่งให้ลูกค้ากันต่อไปเร็วนี้ๆ 

ราคา Klipsch RC-64 II: http://www.whatthatsound.com/product/22/klipsch-reference-rc-64-ii-black

ราคา Klipsch R115SW: http://www.whatthatsound.com/product/3/klipsch-r-115sw















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 18, 2016, 11:01:09 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่งชุด Home theater in the box รุ่นสุดคุ้มใหม่ล่าสุด  Onkyo HT-S7805 ไปให้ลูกค้าที่พัทยาใต้ครับ   
ตัวนี้ลูกค้าขอให้เราวิ่งจัดส่งด้วยตัวเอง  เราเลยหอบเจ้า 7805 ไปให้ด้วยตัวเอง     ต้องบอกว่าเจ้าตัวนี้ถ้าใครใช้รถเก๋งก็ใส่ในรถไม่ได้แน่ๆครับ เพราะตัวกล่องใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว  (ในกล่องมีทั้ง AVR, ลำโพง 5 แชนแนล, subwoofer และมีสายลำโพงให้อีก)


--------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆได้ที่นี่: https://goo.gl/fXO1S9
--------------------------------------------------------------


ก็แน่นอนครับ พัทยาคือพัทยา  ออกเดินทางบ่าย 1.30 รถติดกันตั้งแต่บนทางด่วน พอเริ่มเข้าตัวเมืองพัทยาก็รถติดกันหนึบหนับ (ไม่ต่างจากกทม. เลย)   และแล้วเราก็ไปถึงลูกค้าจนได้   

ไปถึงยกลงจากรถ ส่งมอบเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางกลับด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง 5555  ก่อนกลับแวะเที่ยวตลาดน้ำ 4 ภาค 
พบความจริงว่า นักท่องเที่ยวเกือบ 70-80% เป็นคนตางชาติ เป็นคนจีนซะส่วนใหญ่   




ปล  ใครสนใจชุด home สุดคุ้ม ในราคา 3 หมื่น +- แต่ได้ทุกอย่างครบจบ จะเอาไปต่อกับเครื่องเล่น DVD, Bluray, คอม หรือต่อ PS4 ไว้เล่นเกม หรือต่อกล่องดาวเทียมไว้ดูหนังก็ได้สบายๆ ครบทุกอย่าง   
เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ไม่อยากเล่นแยกชิ้นเอง เลือกของเอง  แต่ได้ทุกอย่างมาครบๆ จบๆในกล่องเดียว และพิเศษสุดตรงที่ มันได้ Dolby Atmos, DTS:X มาด้วยครับ   

ในระดับราคานี้ใครจะเล่น dtsx ด้วยเงิน 30,000 กว่าบาทแล้วจบทุกอย่าง ขอบอกว่ายากมากๆ แทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ Onkyo จัดมาให้แล้ว  แม้ชุดลำโพงจะไม่ได้อลังการงานสร้างเท่าไร่นัก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะสต๊าร์ทและเริ่มเล่นเครื่องเสียงต่อไปในอนาคตครับ

** ชุดลำโพงหากอนาคตอยากขยับขยายก็สามารถอัพเฉพาะลำโพงได้เลย ตัวอย่างเช่นห้องนี้   http://goo.gl/7nUzL0
(ใช้ avr ของชุด HT-S7705 รุ่นเก่าแต่เปลี่ยนลำโพงในระบบทั้งหมดมาเป็น Klipsch หลังเปลี่ยนชุดลำโพง เสียงในระบบดีขึ้นอย่างน่าพอใจครับ)

ราคาและสเปก Onkyo HT-S7805 : http://www.whatthatsound.com/product/402/onkyo-ht-s7805












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 18, 2016, 11:49:01 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


ส่ง Klipsch R115-SW ไปให้ลูกค้าแถวจรัญครับ 
ตัวนี้ลูกค้ามารับด้วยตนเองด้วยตนเอง  เลยได้แกะกล่องและช่วยกันต่อทดลองเสียงกันที่ห้องฟังของเราครับ  ก็ลองกันด้วยหนังสามัญประจำบ้านที่เวลาใครอยากลองเบส ก็จะต้องเปิดเรื่องนี้  ......  นึกออกมั๊ยอะ ว่าเรื่องอะไร....

แต่นแต้น ก็แน่นอนครับ madmax  ลองเสร็จจนพอใจ ก็แพ๊กกลับและช่วนกันยกขึ้นรถส่งลูกค้ากลับ

สำหรับซับตัวนี้ผมอยากจะบอกว่า ถ้าคุณเป็นคอที่ชอบเบสหนักๆ กระแทกๆ เร็วๆ กระชับ และไม่แผ่จนเกินไป และเป็นคอดูหนังตัวยง และชอบเบสแบบสไตล์พวก SVS ตระกูล PB (ตู้เปิด) หรือพวก jbl รุ่นสูงๆ หรือพวกซับ pa  หรือซับที่ใช้ตามโรงหนัง
คุณจะต้องชอบบุคลิกของซับตัวนี้ครับ เพราะมันหนัก และเถื่อนได้ใจในระดับที่ใช้ในบ้านแล้วกำลังดี
ข้อเสียคือมันตัวใหญ่และเสียงมันอาจจะไม่ละเอียดและละเมียดละไม สะอาดนัก แต่มันได้ลูกบ้า และลูกโหดมาแทนที่ครับ



ซึ่งอันนี้ผมอยากจะบอกว่า คนเรามันมีความชอบไม่เหมือนกันจริงๆ  การจะมานั่งเถียงกันว่า อันนั้นดี อันนั้นห่วย อันนั้นเสียงไม่นุ่ม ไม่หวาน ไม่บลาๆๆๆ  ผมว่ามันป่วยการและรังแต่จะสร้างความบาดหมางกันเสียปล่าวๆ  เพราะเราเป็นนักเล่นเครื่องเสียง เรามีงานอดิเรกแบบเดียวกัน จุดมุ่งหมายเดียวกัน  รักในการเสพย์เสียงเพลง และภาพยนตร์ดีเหมือนๆกัน   

คุณอาจจะชอบเสียงดุๆ นักเลงๆอย่าง klipsch, svs หรือคุณอาจจะชอบลำโพงสไตล์ที่บาล้านเสียงดีๆอย่าง paradigm หรือคุณอาจจะชอบลำโพงที่เสียงละเมียดๆ สไตล์ฟังสบาย มีความเป็นดนตรีสูงอย่าง elac, b&w, monitor audio, mordaunt short หรือจะไปในแนวฟังเพลงสบายๆอย่าง wharfedale, psb หรือจะไปในแนวเสียงผู้ดีๆ ฟังได้ดีทั้งดูหนังและฟังเพลงอย่าง kef r series 
หรือคุณจะไปทางดูหนัง เสียงสด ชัด จัดอย่าง m&k, klispch THX

แต่แก่นแท้ของมันคือ คนเรามันชอบไม่เหมือนกันครับ ดีของคุณ กับดีของคนอื่น หรือดีของเรา มันอาจจะคนบริบทกัน  คนเราไขว่คว้าหาสิ่งที่ขาดต่างกันออกไป   
วงการจะน่าอยู่ถ้า  "เรายอมรับและเคารพความชอบและรสนิยมของคนอื่นที่แตกต่างจากเรา และไม่ดูถูกกัน"



พอแค่นี้ครับ  ใครมาอ่านคงงง ว่าผมบ่นอะไร  ก็ไม่มีอะไรครับ พอดีไปอ่านกระทู้นึงมา แล้วมีลูกค้าท่านนึงมาประกาศตามหา avr ยี่ห้อนึง (ที่เบสหนักๆ คงรู้นะยี่ห้ออะไร)  แล้วมีร้านค้าร้านนึง ก็ออกมาดูถูกว่า จะเล่นทำไมยี่ห้อนี้เสียงมันห่วย แย่ ไม่หวาน   คือถ้าเค้าพูดเพราะจะเชียร์ขายยี่ห้ออื่นก็พอเข้าใจได้นะครับ แต่ถ้าเค้าพูดออกมาเพราะเค้าคิดแบบนั้นจริงๆผมถือว่า "ไร้มารยาทและ ขาดความเป็นมืออาชีพอย่างรุนแรง"

การดูถูกเสียงของยี่ห้ออื่นที่ตัวเองไม่ชอบ มันไม่ได้หมายความว่า ยี่ห้อนั้นแย่ หรือไม่ได้แสดงว่าคนที่ชอบยี่ห้อนั้นไร้รสนิยมนะ  คนเรามันชอบไม่เหมือนกันแค่นั้นเอง"โอเคนะ"     

คุณอาจจะตอบว่า เสียงของยี่ห้อนี้มันเป็นแบบนี้ ถ้าคุณไม่ชอบแนวนี้ก็ให้ไปยี่ห้ออื่นแทน  แต่ไมใช่ฟันธงว่ายี่ห้อนี้มันห่วยครับ   ผมเองก็ไม่ชอบเสียงของลำโพงหลายๆยี่ห้อ (ผมชอบเสียงจัดๆ) แต่ผมก็ไม่เคยเอ่ยหรือพูดกับใครว่ายี่ห้ออื่นที่ผมไม่ชอบมันห่วย แต่ผมจะบอกแนวเสียงให้ลูกค้าไปตัดสินใจเอาเอง ว่าเสียงมันเหมาะกับเค้า และถูกใจเค้ามั๊ย ไม่ใช่ไปชี้มือบอก อันนี้ห่วย อันนี้ดี   เพราะอันที่เราไม่ชอบ ชาวบ้านเค้าอาจจะชอบก็ได้นะ

ปล  การที่ถามหาความหวานจากแอมป์อเมริกันที่เน้นเบส ก็เหมือนคนที่ไปเที่ยวผับ แต่บ่นหนวกหู....  อือ ย้อนแย้งดี

ราคา Klipsch R115SW: http://www.whatthatsound.com/product/3/klipsch-r-115sw










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 18, 2016, 03:06:32 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์




ส่ง Subwoofer Rel 212-SE จำนวน 2 ตู้  และสาย Hi-level Bass line Blue  2 เส้น ไปให้ลูกค้า (ขอสงวนนาม) ที่สุราษครับ
ช่วงปีนี้ ใครหลายคนก็อาจจะสงสัยว่าทำไม Rel ถึงขายดีจัง หรือได้ยินใครหลายๆคนพูดถึงซับตัวนี้กับบ่อยหนาหูมาก  ก็ต้องอธิบายว่าอย่างนี้ครับ  ซับ REL เป็นซับที่มีบุตลิกและแนวเสียงเด่นไปทางด้าน บรรยากาศ ที่ดีเยี่ยม ตัวซับสามารถสร้างความถี่ต่ำแบบปกคลุม และ blend ไปกับลำโพงหน้าและกลืนไปเป็นเลเยอร์เดียวกันได้ดี   โดยที่เนื้อแท้ของเสียง subwoofer Rel นั้น  ไม่ได้ออกมาในแนวโหด หรือซัดออกมาเป็นลูกๆ บ้วนออกมาเป็นคำๆเหมือนซับวูฟเฟอร์ที่เน้นไปทางดูหนัง  

----------------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆได้ที่นี่: https://goo.gl/b6me7t
----------------------------------------------------------------------


แต่กลับกันจุดเด่นของ Rel คือ สร้างคลื่นความถี่มาแผ่ปกคลุมรอบตัวเรา    ให้ความรู้สึกว่ามวลความถี่ต่ำมันมาอุ้ม และโอบลงบนตัว บนโซฟา และรอบๆห้องได้โดยไม่รู้ว่า จุดกำเนิดเสียงเบส มันอยู่ตรงไหนของห้อง
จะเห็นว่า Rel ไม่ใช่ซับที่เหมาะกับการเอาไปดูหนัง เพราะเบสต้นมันไม่ได้ชัดออกมาเป็นลูก  แต่มันเป็นซับที่นุ่ม และแผ่ออกมาห่อหุ้มคนฟังได้อย่างอัศจรรย์มากกว่า  



ถามว่ามันเหมาะกับอะไร  ก็ต้องตอบว่า มันเหมาะกับฟังเพลงครับ
นอกจากนั้นจุดเด่นของมันคือ หากเซ็ทอัพได้ดีแล้ว  การแผ่คลื่นความถี่ต่ำของมันสามารถทำงานร่วมกับลำโพงหลักด้วยสาย hi-level ที่แถมมาในกล่อง (หรือซื้อเพิ่มเช่นสาย hi level Bass Line Blue) มันสามารถเบลนความถี่ต่ำเป็นฐานเสียงร่วมกับย่านกลางแหลมได้ จนทำให้รู้สึกว่ากลางแหลมที่ได้จากลำโพงหลักดีขึ้น เพราะได้ฐานเสียงเบสคุณภาพดีมาคลอเป็นพื้นอยู่ตลอด


ทีนี้ในขณะที่ซับยี่ห้ออื่นๆ ที่มีบุคลิกแนวเสียงไปทางชัด กระชับ เป็นลูกๆ เราจะเห็นว่าเวลาเปิดเพลง เสียงเบสมันจะขึ้นมาเป็นลูกและปรากฏเสียงความถี่ต่ำออกมาอีกชั้น อีก layer นึงซ้อนขึ้นมาจากดนตรีในย่านอื่นๆ ทำให้เวลาคนฟังดนตรีจริงๆจังๆ ที่ซีเรียสมากๆ จึงมักเลือกจะปิดซับมากกว่าเปิด เพราะเมื่อไลน์เบส มันไม่กลืนและเป็นชิ้นเดียวไปกับดนตรี  จึงทำให้บุคลิกการฟังเพลงนั้นออกไปทางสด และเบสนำ หรือเบสเป็นพระเอกเหมือนเราไปฟังดนตรีที่ต่างคนต่างเล่นอะไรทำนองนั้น




Rel บุคลิกเสียงมันเหมาะกับใคร ก็ตอบว่าเหมาะกับคนฟังเพลง  หรือคนที่ชอบดูคอนเสิรต์   และคนที่ดูหนังแนวสบายๆที่ไม่ได้เน้นแนวโหดๆครับ
อย่าคาดหวังเบสเป็นลูกๆเหมือนในผับจาก Rel แต่จงคาดหวังบรรยากาศของฐานความถี่ต่ำที่จะมาช่วยเติมเต็มบุคลิกเสียงในทุกๆย่าน และเพิ่มบรรยากาศในการฟังเพลงให้ไพเราะขึ้น  

ลองนึกสภาพคุณดูคอนเสิรต์และรู้สึกถึงเสียงอื้ออึง เสียงกีตาร์เบสที่คลออยู่รอบๆตัว เสมือนคุณไปยืนอยู่หน้าเวที มีเสียงคลื่นความถี่ต่ำโอบกอดอยู่รอบๆ ปกคลุมไปทุกทิศทาง   คุณจะมีความสุขกับการดูคอนเสิรต์ในห้องส่วนตัวของคุณแค่ไหนครับ?


** Rel 212 SE ใช้ดอก 12 นิ้วยิงหน้าสองดอก และ passive raditor 12 นิ้วอีกสองดอก (ยิงล่างและยิงหลัง)  (ใช้ร่วมกับ Long Bow Transmitter ได้)  หน้าตาดูละม้ายคล้ายตู้เก็บของที่มีลิ้นชัก




ปล งานนี้เราไม่มีเรื่องราวจากการเดินทางนะครับ อิอิ  ใจจริงเราอยากลงไปส่งด้วยตัวเองสุดๆ  แต่ติดขัดอะไรหลายๆอย่างทำให้สุดท้ายก็ไม่ได้เดินทางล่องใต้ ไปหาลูกค้าด้วยตนเอง  (ใช้ขนส่งแทน)
ซึ่งจริงๆการเดินทางลงใต้เป็นอะไรที่น่าจดจำและสนุกนะครับ หากใครเคยเดินทางจะทราบดีว่าเราต้องกะเวลาออกเดินทางก่อนเช้ามืดสัก 2-4 ชม.  เพื่อไปให้เช้าก่อนถึงประจวบ   สาเหตุคือถนนช่วงประจวบ ชุมพร มันพังและเละมาก หากเราเดินทางช่วงนั้นตอนกลางคืนอันตรายครับ    และต้องกะเวลาให้ถึงบ้านลค ไม่ให้บ่ายคล้อยหรือมืดเกินไปด้วย  
ระหว่างทางลงใต้จังหวัดสุราษมีวิวทิวทัศน์ที่น่าสนใจและสวยงามมากมาย  หากมีโอกาศเราคงได้ลงไปติดตามและถ่ายรูปห้องฟังสวยๆของลูกค้ามาให้ชม และมาเล่าเรื่องราวการเดินทางกันแน่นอนครับ .....

ราคา Rel 212SE: http://www.whatthatsound.com/product/378/rel-212-se














« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 22, 2016, 08:09:25 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์



บรรยากาศจัดส่งชุดดูหนังตัวใหญ่ๆ ในบ้านหลังเล็กที่อบอุ่น (สิงห์บุรี)


วันก่อนเราได้มีโอกาศเอาชุดดูหนัง Klipsch Reference Premier 5.1.2 ไปส่งที่บ้านลูกค้าที่สิงห์บุรีมาครับ   ซึ่งช่วงเดือนนี้ผมวิ่งไปวิ่งมาสิงห์บุรีบ่อยมาก 3-4 ครั้งแล้วในรอบเดือน  ซึ่งก็ไม่ไกลมากครับ ถนนหนทางดีมาก ธรรมชาติงดงาม ดูวิวทุ่งนาสองข้างทางเพลินดี

เข้าเรื่องเลยก็คือวันนี้มีโอกาศมาเล่าความประทับใจกับชุดนี้ครับ  ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมชุดนี้ถึงดูไม่หรูหราหรือ มีห้องสวยๆใหญ่ๆ เหมือนทีผมเคยลงในเว็บ
เนื่องจากผมได้รับโจทย์มาจากเจ้าของบ้านว่า  อยากจะมีชุดดูหนังดีๆ สักชุด เพื่อเอามาใช้ดูหนังฟังเพลง ทำกิจกรรมในบ้านคลายเหงาในชีวิตหลังจากเกษียณจากการทำงาน และย้ายจากเมืองใหญ่มาซื้อที่อยู่ที่สิงห์บุรีแบบนี้

หลังจากเข้าไปในบ้านลูกค้าก็เจอบ้านสวน ร่มรื่นครับ น่าอยู่ อาจจะดูธรรมดาแต่ก็รู้สึกว่ามีความเป็นกันเอง เป็นบ้านทั่วๆไปที่เราสามารถเจอได้ทุกที่ ทุกแห่ง ไม่ต้องเป็นบ้านแพงๆ หลังใหญ่ๆ มีห้องอลังการถึงจะเล่นเครื่องเสียงได้ 

ตอนนี้ลูกค้าอยู่ในระหว่างการทำห้อง ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเราถึงวางกองๆ กันเป็นตับ ดูไม่สวยงามและไม่ได้ตำแหน่งที่ดี   แต่วันนี้เราแค่ไปส่งของ ไปดูสถานที่ ไปต่อให้เสียงออก ให้ลูกค้าฟังเพลงเบิร์นไปก่อนระหว่างรอห้อง และก็ไปตัดสาย มาร์กจุด และทิ้งสายไว้ให้ช่างมาเดินสาย รอมาติดตั้งกันอีกทีในวันข้างหน้าครับ




โดยซิสเต็มที่เราขนไปให้ลูกค้าก็มีดังนี้ครับ

  1. Klipsch RP280F

  2. Klipsch RC-64 ii

  3. Klipsch RP250S

  4. Klipsch R115SW (มือสอง ตัวโชว์ของเราเอง)

  5. Klipsch CDT 5650 CII  x 2  (Atmos)

  6. Onkyo RZ810

  7. สายลำโพง Klotz 2.5mm, 1.5mm

  8. สายซับ Inakustik

  9. สาย Hdmi Kaibour



 

เริ่มกันที่เราล้อหมุนตอน 10 โมงตรง หลังจากนั้นเราก็ขับมุ่งหน้าไปเรื่อยๆแบบไม่รีบร้อน (ของเยอะ ห้ามซิ่ง) ตามเส้นทางมุ่งสู่สิงห์บุรี  ซึ่งจริงๆก่อนหน้านั้นเราเคยเอาซับ R115SW ตัวโชว์  และ RC-64 ii มาทิ้งไว้ให้ลูกค้าแล้วครั้งนึง

แต่พอเอาเข้าจริงๆ ครั้งนี้เรามาถึงแต่ดันหลงทางและหาบ้านลูกค้าไม่เจออยู่ดี หายังไงก็หาบ้านลูกค้าไม่เจอครับ กำลังนั่งฉงนอยู่ โทรถามทางลูกค้า ดู Location มันก็อยู่ตรงจุดเรานั่นแหละ  แต่หากันไม่เจอ (หรือเธอไม่ใช่ ฮาๆ)   สุดท้ายเราพบว่าบ้านลูกค้าก็อยู่ตรงนั้นนะแหละ แต่เรามองหาผิดฝั่ง หลงทิศ ดันมองฝั่งซ้าย แต่บ้านลูกค้าอยู่ฝั่งขวา เอิ่ม...




ไปถึงเราก็จัดการลุยกันก่อนเลย  ใครคิดว่างานเบา ไม่มีอะไรเราอยากให้คิดใหม่นะครับว่า การขนลำโพงหนัก 20-30 กิโลออกมาจากกล่อง และติดตั้ง เข้าหัว ต่อเข้าระบบ จัดวาง เซ็ทอัพให้เสียงมันพอฟังได้ งานแค่นี้ก็เรียกเหงื่อจากเราและกินเวลาไปร่วม 2 ชั่วโมงกว่าแล้วครับ

งานนี้เราค่อยๆช่วยกันคนละไม้คนละมือ ส่วนเจ้าของบ้านก็นั่งดูไปอย่างเพลิดเพลินครับ อิอิ    เอาของออกมาวางเรียงกันหมด ตรวจความเรียบร้อย เห็นหน้าตาลำโพง Klipsch ทุกตัว เห็น avr onkyo RZ810 แล้วก็ชื่นใจ หอมกรุ่นกลิ่นใหม่จากลำโพงและแอมป์จริงๆ


 

ทีนี้ปัญหาคือ ลูกค้ายังไม่มีอะไรเลยครับ ไม่มีทีวี ไม่มีเครื่องเล่น ไม่มีห้อง (ห้องกำลังทำอยู่ชั้นบน) โจทย์คือ จะเอาของมากองไว้เฉยๆกลางบ้านมันก็กระไรอยู่ เราจึงต้องหาทางต่อเข้าระบบและลองเสียงให้ลูกค้าเปิดเบิร์นฟังเพลงเล่นๆรอไปจนกว่าห้องจะพร้อม เราจึงจะเข้ามาลุยกันอีกทีครับ

ทางออกก็คือ เราจึงหา thumb drive มาเสียบเข้าช่อง usb ของ avr onkyo rz810 แล้วจัดการเข้าหัวบานาน่าสายลำโพงและต่อระบบเป็น 3.1 แชนแนลให้ลูกค้าฟังเล่นๆไปพลางๆ

ส่วนเซอราวด์นี่ ลูกค้าเอาวางไว้เฉยๆครับ ยังไม่ได้ต่อเข้าระบบเนื่องจากสายต้องใช้เดินขึ้นฝ้าในห้องใหม่ เราเลยไม่อยากตัดสายเพื่อต่อลำโพงให้มันเสียเปล่า
ดังนั้นในรูปจะเห็นว่าเซอราวด์ก็ตั้งเอาไว้เท่ๆแบบนั้นแหละครับ ฮาๆ แต่ยังไม่มีเสียง












ส่วนลำโพง atmos ก็ยังไม่ได้ต่อครับ วางไว้เท่ๆแทนจานข้าวไปก่อน อิอิ
ซึ่งตัว klipsch CDT5650 ตัวนี้ใช้ driver ขนาด 6.5  ตัวทวีตเตอร์ตรงกลางปรับระดับ หมุนและหันทิศทางเพื่อโฟกัสเสียงให้ลงมาบนจุดที่คนนั่งดูได้แม่นยำยิ่งขึ้น  (ทวีตเตอร์คือไอ้ตัวจุกตรงกลางกลมๆ)

ในกล่องจะแถม template เอาไว้นาบเพื่อวัดรอยเจาะฝ้าไว้ด้วย และก็มีตะแกรงสีขาวไว้ปิดเพื่อความเรียบร้อย แต่เอาเข้าจริงๆผมกลับชอบหน้าตาดิบๆของมันตอนไม่มีตะแกรง โชว์ดอกลำโพงสีทองแดงมากกว่า มันดูดิบ ดูเท่ดีครับ แต่ถ้าไม่ปิดตะแกรง ผมมั่นใจว่าฝั่นเกาะตรึมแน่นวล...






 

ทีนี้พอต่อเข้าระบบเป็น 3.1 เสร็จแล้ว ก็จะมี  Klipsch RP280F ลำโพงตั้งพื้นตัวท้อปของ Klipsch Reference Premier ดอกขนาด 8 นิ้วสองดอก
และก็มีลำโพงเซ็นเตอร์ระดับพระกาฬที่คุณภาพนั้นยอดเยี่ยมจนแม้แต่คนขายอย่างผมยังต้องขอเก็บสต๊อกเอาไว้ใช้เอง เพราะกลัวว่าเดี๋ยวถ้ามันเลิกผลิด หรือหาของไม่ได้แล้วจะอด  ก็ยังยืนยันว่าในงบไม่เกิน 4 หมื่นบาท มีลำโพงเซ็นเตอร์ตัวไหนที่ผมชอบที่สุด (ชอบนะ ไม่ได้บอกว่าดีที่สุด)  ก็ต้องบอกว่าผมชอบ RC-64 ii มากที่สุด เพราะเสียงจากทวีตเตอร์ขนาดใหญ่กว่าปกติ 1.75 นิ้ว ที่ให้เสียงละเอียด ชัด เหมาะกับการดูหนัง และให้อารมณ์ได้ดีแบบสุดๆ


 

และก็มีกิมมิจเล็กๆน้อยๆ คือ Rc-64 ii รุ่นนี้มัน made in usa ใช่มั๊ยครับ ดังนั้นป้าย Plate ด้านหลังของลำโพง มันก็จะมีลายเซ็นประกบทุกตัวว่าผ่านการเทสมาแล้ว  ทีนี้ผมขายลำโพงตัวนี้มา ผมก็อดไม่ได้ที่จะต้องถ่ายรูปและดูทุกครั้งว่า ครั้งนี้ใครเป็นคนเซ็น (ว่ะ)  หลายครั้งที่ดูก็เจอลายเซ็นไม่ค่อยซ้ำกันเลยครับ   แสดงว่าวิศวกรที่เช็คและ qc ลำโพงที่โรงงานในอเมริกาน่าจะมีหลายคนนะ ...




 

ทีนี้มาถึงตัวลำโพงเซอราวด์ RP250S ตัวนี้เป็นลำโพงแบบไบโพล คือยิงเสียงกว้าง ไม่ได้ยิงเสียงตรงเหมือนลำโพงบุ๊กเชลฟ์ที่เรานิยมใช้ในคู่หน้า ข้อดีคือเสียงมันกว้างและได้น้ำหนักเสียงที่ดี เสียงกระจายทั่วถึงคลุมทั่วห้อง คลุมหัว คลุมไหล่ เหมือนอาบเสียงเซอราวด์ดี   ซึ่งตัวนี้ผมชอบมากๆครับ เสียงดี ทีห่้องผมก็ใช้รุ่นนี้อยู่คู่นึงเหมือนกัน เสียงใช้ได้เลยทีเดียว

ตัวลำโพงใช้ดอกขนาด 5.25 นิ้ว  เปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิมนิดหน่อยตรงที่รุ่นเดิมจะสลับการวางดอกวูฟเฟอร์กับทวีตเตอร์ไว้สลับข้างกัน  ส่วนรุ่นนี้วูฟเฟอร์กับทวีตเตอร์จะอยู่ระดับเดียวกันทั้งสองด้าน (ทวีตเตอร์อยู่บน วูฟเฟอร์อยู่ล่าง)

ไซส์ลำโพงเล็กลงกว่าตัวเดิม ใช้ผิวลำโพงแบบไวนิล สวยหรูขึ้นเยอะ แต่ก็มีข้อเสียที่มันเป็นรอยง่ายกว่า และก็มีสิทธิ์ที่ผิวไวนิลมันจะลอกได้ ตัวโชว์เราก็ลอกที่ผิวด้านฐานใต้ลำโพง (นิดนึง)

และมาถึงตัวซับ ลูกค้าตัดสินใจใช้ซับขนาดไซส์ใหญ่สุดของ klipsch นั่นคือ R-115SW  ตัวนี้เราขนมาให้ลูกค้าเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่เพิ่งจะได้มีโอกาศมาเปิดลองกันวันนี้

ซึ่งตัวนี้ลูกค้าได้มาแบบราคาย่อมเยาว์ เพราะได้ราคาตัวโชวืของร้านเราไป  ซึ่งสภาพนั้นก็ต้องบอกว่าใหม่มากๆ และมันผ่านการเบิร์นมาเรียบร้อยแล้ว  ตอนที่ลองเปิดที่ห้องนั่งเล่นลูกค้า เบสก็พั๊นซ์ออกมาเป็นลูกๆดี และกระชับหนักดีมากๆแล้วครับ

ตัวนี้เป็นซับอีกตัวนึงที่เหมาะกับการดูหนังมากครับ เสียงเป็นแบบตู้เปิดที่หนัก และกระชับเป็นลูก แต่ละจังหวะที่สำรอกเบสออกมานั้น ได้ลูกหนัก และได้ลูกลึก (ลงได้ 18 Hz) ข้อดีตือเบสดุเดือด สะใจ ดูหนังมัน ไม่ครางมาก สั่นกำลังดีไม่ลากยาว บทจะหนักก็กระชับและพั๊นซ์ดี บทครางก็แน่นใช้ได้ ข้อเสียคือเบสลึกๆมันอาจจะไม่คม และโน๊ตอาจจะไม่ละเอียดเหมือนพวกตู้ปิด ซึ่งนั่นก็ต้องยอมรับในเอกลักษณ์ของตู้เปิดครับ  และก็อย่าลืมว่าราคามันแค่ 3 หมื่นกว่าเท่านั้นเอง แต่ให้เสียงได้ระดับนี้ ส่วนตัวผมพอใจแล้วครับเมื่อเทียบราคากับคุณภาพที่ได้ จะหาซับที่ดูหนังดีกว่านี้ ผมก็นึกไม่ออกว่าในงบนี้จะเล่นอะไรดี   แต่ถ้างบมากกว่านี้ก็พอจะมีแหละครับ แต่ก็ต้องจ่ายเพิ่ม ได้อะไรเพิ่มมา แต่ก็ต้องเสียอะไรไปเหมือนกันนะ (klipsch มันก็คือ klipsch นั่นแหละครับ มันมีเอกลักษณ์เสียงของมันที่ฟังแล้วยี่ห้ออื่นยากที่เลียนแบบ)





 
ส่วนมาถึงหัวใจและภาคประมวลผล และขุมกำลังของระบบทั้งหมดของลูกค้าท่านนี้  ก็เลือกใช้ AVR Onkyo RZ810 ซึ่งเสียงดีครับ เสียงแนวดูหนัง เหมือนเอา Pioneer มาผสมกับ marantz และเหยาะ yamaha ลงไปนิดๆ เสียงออกมาจึงไม่แสบหูและจัดจ้านเท่า pioneer แต่ก็ได้ลูกหนัก ได้ความพอดีจาก marantz และได้รายละเอียดเสียงจาก yamaha มานิดๆ

ฟังดูเหมือนเป็ดเลยครับ 5555 แต่มันก็เป็นเป็ดที่ผมฟังแล้วโอเคกับเสียงมันนะ  ฟังดี ดูหนังมัน  แนวเสียงจะร๊อคๆหน่อย ไม่หวาน แต่เป็นแนวที่ดิบๆ สนุก ใครจะดูหนังก็อยากให้ลองเก็บตัวนี้ไว้ในลิสต์ดูก่อนนะครับ ส่วนตัวผมโอเคกับเสียงตัวนี้มากกว่า marantz ซะอีก

ข้อเสียคือรองรับแค่ 7.2 แชนแนล  ถ้าจะเล่น atmos ก็เล่นได้แค่ 5.2.2 เองครับ  แต่ถ้าใครไม่คิดจะเล่นมากกว่านี้ ก็ต้องบอกว่าคุ้มค่าน่าเล่น
ถ้าใครจะต่อลำโพงมากกว่านี้ ก็ต้องข้ามไปดูตัวอื่นจ้า







สรุป ส่งท้ายหลังจากต่อระบบให้ลูกค้าได้ฟังเพลงเล่นๆไปก่อนแล้ว  เราก็เดินไปดูสถานที่ ดูห้อง มาร์กจุด และวัดระยะสายที่ต้องใช้ พร้อมทั้งทิ้งสายไว้ให้ช่างที่จะมาทำห้องได้ลากขึ้นฝ้าทิ้งไว้ให้

กว่าจะเสร็จงานออกจากบ้านลูกค้าก็เกือบ 4 โมงเย็นครับ เหนื่อยเหมือนกัน แต่เป็นความเหนื่อยที่สนุกและมีความสุขดีที่ได้เห็นผู้ชายอายุ 60 ขึ้นไป มีความสุขและได้ตามความฝันของตัวเองตอนแก่  ตอนเด็กเราอาจจะอยากได้ของเล่น อยากได้เครื่องเสียงแพงๆ อยากได้ทีวีจอใหญ่ แล้วมันไมไ่ด้ แต่พอหมดภาระ ปลอดเปลื้องหน้าที่การงานจนเข้าสู่วันเกษียณ สุกงอมด้วยวุฒิภาวะที่จะตามใจและตามความฝันตัวเองได้แล้ว   

เมื่อวันนั้นมาถึงก็เป็นความสุขของผู้ชายคนนึงที่ผมแอบเห็นรอยยิ้มเล็กๆที่ดูมีความสุขและตื่นเต้นกับของเล่นชิ้นใหม่ชิ้นนี้ครับ

 
เราเดินทางกลับพร้อมกับความเหนื่อย เอ้ย ความสุข  สุดท้ายขอบคุณผัดกระเพราะจากลูกค้าที่ซื้อมาเลี้ยงระหว่างที่เราง่วนทำงานกันอยู่ และขอบคุณมิตรภาพและความจริงใจที่มีให้กันครับ

ขอบคุณครับ ....

 
ราคา Klipsch RP280F: http://www.whatthatsound.com/product/12/klipsch-rp-280f

ราคา Klipsch RC-64 ii: black: http://www.whatthatsound.com/product/22/klipsch-reference-rc-64-ii-black

ราคา Klipsch RP-250S: http://www.whatthatsound.com/product/21/klipsch-reference-premier-rp-250s

ราคา Klipsch R115SW: http://www.whatthatsound.com/product/3/klipsch-r-115sw

ราคา AVR Onkyo RZ810: http://www.whatthatsound.com/product/367/onkyo-tx-rz810
























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 22, 2016, 09:30:40 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


บรรยากาศจัดส่งชุด Home theater แบบ in the box ระบบ DTSX ตัวแรกๆของโลก Onkyo HT-S7805


 จัดส่งชุด Home theater in the box รุ่นสุดคุ้มใหม่ล่าสุด Onkyo HT-S7805 ไปให้ลูกค้าที่พระราม 2 บางขุนเทียนชายทะเล หมู่บ้านคาซ่า
 
ตัวนี้จัดส่งให้ลุกค้า และมีโอกาศได้แกะกล่อง และได้ชมห้องของลูกค้าที่สร้างเป็นห้องดูหนัง อยู่ชั้นสอง ทำเป็นห้องเฉพาะแยกออกจากห้องนอน ประมาณว่าคืนไหนนอนไม่หลับก็เดินเปิดประตูออกจากบ้าน จะมีชั้นลอยที่เชื่อมไปห้องดูหนัง มีหลังคาคลุม ไม่เปียกฝนด้วย และพอเปิดประตูเข้าไปก็เป็นห้องดูหนังแบบปูนเปลือย
ตกแต่งดูโมเดิรน์ดี สวยงาม แต่อาจจะต้องแลกกับอคูสติกนิดหน่อยเพราะมีพื้นที่กระจกเป็นส่วนประกอบค่อนข้างมาก (ได้สวยกับได้เสียงดี บางทีก็ต้องเลือก)
 

 
 
ตัวนี้ในกล่องจะให้ AVR onkyo มาหนึ่งตัว, ลำโพง 5.2 แชนแนล (มี atmos ให้มาด้วยพ่วงกับลำโพงคู่หน้า) และ subwoofer และมีสายลำโพงให้อีกทั้งหมดประมาณ 20 กว่าเมตร แยกตามแชนแนล)
 
 
ปล ใครสนใจชุด home สุดคุ้ม ในราคา 3 หมื่น +- แต่ได้ทุกอย่างครบจบ จะเอาไปต่อกับเครื่องเล่น DVD, Bluray, คอม หรือต่อ PS4 ไว้เล่นเกม หรือต่อกล่องดาวเทียมไว้ดูหนังก็ได้สบายๆ ครบทุกอย่าง
เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ไม่อยากเล่นแยกชิ้นเอง เลือกของเอง แต่ได้ทุกอย่างมาครบๆ จบๆในกล่องเดียว และพิเศษสุดตรงที่ มันได้ Dolby Atmos, DTS:X มาด้วยครับ
 

 
  
ในระดับราคานี้ใครจะเล่น dtsx ด้วยเงิน 30,000 กว่าบาทแล้วจบทุกอย่าง ขอบอกว่ายากมากๆ แทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ Onkyo จัดมาให้แล้ว แม้ชุดลำโพงจะไม่ได้อลังการงานสร้างเท่าไร่นัก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะสต๊าร์ทและเริ่มเล่นเครื่องเสียงต่อไปในอนาคตครับ
 
** ชุดลำโพงหากอนาคตอยากขยับขยายก็สามารถอัพเฉพาะลำโพงได้เลย ตัวอย่างเช่นห้องนี้ http://goo.gl/7nUzL0
(ใช้ avr ของชุด HT-S7705 รุ่นเก่าแต่เปลี่ยนลำโพงในระบบทั้งหมดมาเป็น Klipsch หลังเปลี่ยนชุดลำโพง เสียงในระบบดีขึ้นอย่างน่าพอใจครับ)
 
 
ราคาและสเปก Onkyo HT-S7805 : http://www.whatthatsound.com/product/402/onkyo-ht-s7805
















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 24, 2016, 09:22:11 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


Mini Review SVS SB13Ultra  รีวิวแบบสั้นๆ อธิบายพอสังเขป


 

จริงๆ วันนี้ได้ SVS SB13Ultra มาแบบไม่ได้ตั้งใจ  เนื่องจากลูกค้าผู้มีพระคุณท่านนึงส่งมาให้เพื่อฝากขายจำนวน 2 ตู้   พอของมาถึง (ส่งขนส่งมา) ก็ตามธรรมเนียมว่า เราต้องแกะเพื่อเช็คความเรียบร้อย  เช็คคอนดิชั่นของสินค้ากันก่อน จะได้ขายกันอย่างสบายใจ

---------------------------------------------------------
อ่านรีวิวแบบเต็มๆได้ที่นี่: https://goo.gl/ZtyUO1
---------------------------------------------------------


ทีนี้พอแกะออกมาทั้งสองตู้ ก็พบว่า...  ของเรียบร้อย และใหม่มาก อายุนับจากวันที่ซื้อ น่าจะประมาณ 2-3 เดือนได้ ดูจากขอบยาง เอามือกดๆ เหมือนจะยังไม่พ้นเบิร์นเท่าไร่  แต่ก็ช่างมันเถอะครับ....    ว่าแล้วเราก็จัดแจงหยิบเอามาเทสและต่อเข้าระบบซะหนึ่งตัว  (ว่าจะสั้นๆ แต่ก็เกริ่นมาซะยาว.....)


 

ไม่พร่ามแล้วครับ เอาสั้นๆ ขอแบบกระชับ 1...2....3... เริ่ม

SVS SB13Ultra ตัวนี้เป็น Active Subwoofer ใช้ดอกขนาด 13.5 นิ้ว  น้ำหนักตู้เปล่าไม่รวมกล่อง 42 กิโล ใช้แอมป์ในตัวตู้ 1000 วัตต์ พีคที่ 3600 วัตต์  เป็นซับที่ออกแบบมาเป็นตู้ปิด ไม่มีรูระบายอากาศ ตัวตู้เป็นสี piano black (hi gloss)

เราชอบอะไรในตัวนี้ และเราไม่ชอบอะไรในตัวนี้ และบุคลิกเสียงของแอมป์ตัวนี้เป็นอย่างไร




บุคลิกเสียงของ SVS Sb13 Ultra

แนวเสียงของ SVS Sb13Ultra ตู้ปิดตัวนี้เป็นซับวูฟเฟอร์ที่ให้เสียงเบสต้นแน่น และกระชับเหลือเกิน  ถ้าคุณเคยฟังซับตู้เปิดมา เราอยากให้ลืมบุคลิกเสียงซับตู้เปิดทิ้งไปเลย  เพราะซับตู้เปิด (ที่ไม่ใช่ซับ PA) ส่วนใหญ่ดอกยิ่งใหญ่จะยิ่งคุมดอกและความกระชับยากมากๆ ยิ่งดอกใหญ่เบสยิ่งช้า เนิบ และคราง ไม่ไว  แต่จะได้ความหนักมาแทน  ดอกยิ่งใหญ่ ยิ่งหนัก ก็ยิ่งครางและสั่น  ทำให้เบสลูกมันจะใหญ่ๆ จะสาดมาเหมือนคลื่น ตูมมมมมมๆๆๆๆๆๆๆๆ  อะไรแบบนี้

แต่ซับตู้ปิด SB13Ultra จุดเด่นคือเบสมันไว พั๊นซ์ และแน่น....  แน่นยังไง คำนี้อธิบายยากมากๆเลย  อยากให้ลองนึกถึงความแน่นของดนตรีสดครับ
เบสไลน์ของกีตาร์เบสที่เล่นตามดนตรีสด หรือเสียงเบสตามผับ ที่มันดึ้งๆๆๆๆๆๆ   แต่ละจังหวะเบสมันจะไวมาก และเสียงกระเดื่องกลองมันก็จะ ตุ้บๆๆๆ เป็นจังหวะ  และแน่นอน เบสของมันไม่ใช่เบสแบบโอบล้อม หรือเบสนุ่มๆ เบสแบบแผ่นะ

จุดเด่นคือ เอามาฟังเพลงแล้วโคตรร มันเลยครับ  เพลงที่เหมาะกับ SB13Ultra ก็พวกเพลงป๊อปร๊อค เพลงมีจังหวะ เพลงลูกทุ่ง เพลงอิเล็กโทรนิกส์ เพลงพวกสกา พวกแจ๊สพวกนี้ก็ได้ หรือเพลงที่ไลน์เบสมันเดินดีๆ พอฟังกับซับตัวนี้เราจะได้ยินไลน์เบส ไลน์กลองชัดมากๆ ชนิดที่ตกใจและไม่เคยได้รับรู้อารมณ์นั้นเลยครับ ฟังเพลงดีจริงๆนะ เปิดเพลงลองเทสก็เห็นความแตกต่างมากๆแล้ว (ถ้าใครฟัง audiophile ผมว่าไม่เหมาะครับ เพราะไลน์เบสชัดและหนักไปสำหรับเพลงประเภทนั้น)


 

ถ้าเทียบกับ Klipsch R115SW ที่รายนั้นเบสมันจะหนักและพอฟังเพลงเบสมันจะช้าไปนิ๊ด และไม่พั๊นซ์ออกมาเป็นไลน์เบสแบบดนตรีสดแบบนี้  แต่ขานั้นพอเอามาดูหนัง มันจะกลายเป็นอีกเรื่องนึงไปเลย

แต่เสียงเบสของ SB13Ultra มันจะไม่หนักเหมือนตู้เปิดหรอกนะครับ  คือตู้ปิดอย่าง SB13Ultra มันไม่เหมาะที่จะไปอยู่ในห้องใหญ่ๆ หรือห้องที่เป็นห้องเปิดกว้างๆ เพราะเบสมันไม่แผ่ แต่ออกมาเป็นลูกแน่นๆ เกระชับๆ วลาเอาไปฟังคอนเสิรต์หรือฟังเพลงช้าๆ เบสมันจะไม่แผ่โอบล้อม ให้บรรยากาศเหมือนพวก velodyn, rel อะไรพวกนั้นด้วยนะครับ  มันมีบุคลิกเฉพาะของมัน  มีเสน่ห์ในแบบของมัน
ทีนี้ตัวนี้มันเหมาะมากที่จะไปอยู่ในห้องปิด ห้องดูหนังฟังเพลงที่ทำมาเฉพาะ แบบนี้เบสจะสำแดงอิทธิฤทธ์ให้คุณเข้าใจได้ว่า เบสแบบดนตรีสดมันๆ มันเป็นยังไง...


 

ที่นี้การดูหนัง สำหรับผม มันทำได้แค่สอบผ่าน แต่ไม่ได้สอบได้คะแนนท๊อป  คือผมเทียบกับ Klipsch R115SW, SVS Pb13Ultra
ซึ่งเอาแค่เทียบกับ R115SW ที่ราคาถูกกว่าก็ยังแพ้ในเรื่องการดูหนัง น้ำหนักเสียง พลังเสียงเบส ตอนดูหนัง SB13ultra ก็สู้ไม่ได้ครับ
ทำได้ดีที่สุดแค่ให้อารมณ์การดูหนังที่สุภาพและหนักบ้างตามประสา แต่ไม่ได้โหม บ้ากระหน่ำเบสกันหนักๆ  อย่างเช่นหนังเรื่อง Warcraft ที่ถ้าผมเปิดกับ R115 นี่เก้าอี้สั่น หนักจนสะใจเลย  แต่กับ SB13ultra นี่แค่ให้อารมณ์หนักตามจังหวะหนัง  ซึ่งไม่ได้บ้าเบสอะไรสักเท่าไร่เลย


 

สรุปง่ายๆคือ ซับตัวนี้มันมีบุคลิกการดูหนังที่กลางๆ ติดไปทางสุภาพ  เหมาะกับคนที่ไม่ชอบโครมครามมาก แต่ก็ยังหนักได้ตามประสา

แต่บุคลิกในการฟังเพลงของมัน ผมถือว่าดีมาก สำหรับคนที่ชอบเพลงเร็ว ชอบเพลงที่เน้นไลน์เบสชัดๆ เบสที่มีดีเทล มีรายละเอียด แบบนี้ทำได้เยี่ยมยอดมากๆครับ

แต่ถ้าโจทย์ฟังเพลงคุณต้องการอะไรนุ่มๆ ลื่นหู ไม่ฟังเพลงสมัยใหม่ ไม่ต้องการเบสที่แสดงตัวตน ไม่ต้องการไลน์เบสชัดๆ แต่ต้องการความโอบล้อมและคลื่นเบสมารอบๆตัว มาเป็นฐานของดนตรีย่านกลางและสูง แบบนี้ให้ข้ามตัวนี้ไปเลยครับ




ข้อดีที่ผมชอบ

1.  การฟังเพลง ไม่น่าเชื่อว่ามันฟังเพลงดี เบสพั๊นซ์ เบสเร็ว เบสละเอียด ไว ให้ฟีลของดนตรีสดมากๆ  คนชอบฟังเพลงวัยรุ่นและห้องไม่ใหญ่ ต้องชอบแน่นอน

2. งานประกอบ ตู้ปิดผิวไฮกลอส เงา สวยมาก ชอบครับ ไฮโซมาก ดูหรู มีราคา เป็นเจ้าของแล้วดูมีเงิน ฮาๆๆ  ตู้ไม่ใหญ่ด้วย (แต่หนักโคตะระ) แถมกล่อง 2 ชั้น

3. ด้านหลังซับ มีของเล่นให้ปรับได้หลายอย่างดีครับ

4. ชอบเบสที่ละเอียด มีดีเทล ไว และสะอาด แน่นปึ๊ก (ใครไม่เคยฟังเบสสะอาดๆจากตู้ปิด ที่กระชับและมีรายละเอียดดีๆ ให้มาลองฟังตัวนี้เลยจ้า)




ข้อเสียที่ผมไม่ชอบ

1. ที่ตัวซับไม่มีไฟสัญญาณอะไรบอกเลยว่า กรูทำงานแล้วนะ คือมันเป็นก้อนดำๆ ทะมึนๆ ตั้งอยู่มุมห้อง แล้วไม่มีไฟบอกเหมือนยี่ห้ออื่นเค้า บางทีก็ไม่รู้ว่ามันทำงานหรือไฟเข้าหรือยัง (ว่ะ) แล้วถ้าเสีย เราจะรู้ได้อย่างไร อือ...   มีไฟที่หลังตู้ ต้องไปกดปุ่มเมนูถึงจะเห็นไฟที่ด้านหลัง  เออ.. เลิส (ประชด)

2. เมนูด้านหลังเวลาปรับที่ตัวซับใช้แบบปุ่มเดียวปรับแม่มทุกอย่าง ก็เป็นการออกแบบที่ชาญฉลาดดีครับ แต่ใช้ยาก ต้องปรับๆ กดๆ หลายทีมากกว่าจะเข้าถึงเมนูทีต้องการ แถมบางทีเข้าไปปรับแล้วหาทางออกไม่เจอ

3. น้ำหนัก ตัวตู้หนักมากครับ หนักร่วม 42 กิโลกรัม  ยกคนเดียวไม่ไหวเลย  มันหนักเกินไปเมื่อเทียบกับขนาดตู้.... จริงๆนะ หลังจะหัก ใครคิดว่าตัวเล็กๆ ยกเข้าบ้านสวยๆแล้วแม่บ้านจะชอบใจ ก็

4. เบสมันไม่ดัง และไม่หนักเหมือนตู้เปิดนะครับ ถ้าใครจินตนาการว่า โหยมันต้องหนัก โหด เท่าซับตู้เปิดอะไรแบบนั้น ต้องบอกว่าคิดผิดนะ ดังนั้นเวลาเอามาเล่นก็ต้องเปิดดังกว่าระดับปกติที่ซับตู้เปิดเปิด  และถ้าห้องใหญ่ก็ไม่เหมาะกับซับตัวนี้เลย เพราะเบสมันจะบางและไม่ได้บรรยากาศของอารมณ์เบสไลน์พั๊นซ์แบบที่ควรจะเป็นครับ  เช่นถ้าห้อง 25 ตรม คุณอาจจะใช้ซับตู้เปิด 13-15 นิ้วเอาอยู่สบาย  แต่พอมาเป็นตู้ปิด SVS SB13Ultra  ถ้าอคูสติกไม่ดีจริง บางทีก็เอาไม่อยู่และรู้สึกว่าเบสไม่พอได้นะจ๊ะ .......




จบแล้วครับ ว่าจะสั้นๆ แต่ก็ยาวจนได้.... เอาเป็นว่า SVS Sb13ultra เป็นซับที่มีบุคลิกโดดเด่น และมีเสน่ห์ (ในแบบของมัน) สำหรับผมเป็นซับที่ดีมากตัวนึง และส่วนตัวผมชอบมากกว่า Pb13ultra ครับ เพราะ Pb13 มันหนักเกินไปสำหรับผมที่จะคุมและเซ็ทมันให้กระชับและแน่นได้อย่างที่ใจต้องการ

ส่วนสำหรับคนอื่น ซับตัวนี้จะเหมาะกับคุณมั๊ย  ผมตอบไม่ได้ครับ ถ้าคุณยังไม่แน่ใจผมแนะนำให้หาลองฟัง หรือเลื่อนเมาส์กลับไปอ่านข้างบนใหม่อีกรอบ ผมเชื่อว่ารีวิวนี้ผมเขียนทุกอย่างตรงไปตรงมาแบบที่ผมรู้สึก ข้อดี ข้อเสีย และบุคลิกแบบตรงที่สุดแล้ว  และแน่นอนว่าผมไม่อวย ไม่ด่าผลิตภัณฑ์ เพราะรีวิวนี้ผมไม่ได้ซับจากผู้นำเข้ามาฟรีๆ ผมดิ้นรนขวนขวายของผมเอง ผมไม่ได้มีใครเอาเงินมาจ้างให้รีวิว ดังนั้นผมไม่จำเป็นต้องเกรงใจใคร หรือต้องเขียนอวยให้มันดูเลิศและน่าซื้อ

 
จบครับ  ขอให้มีความสุขกับการดูหนังฟังเพลงกับซับตัวโปรดของคุณ  แต่ถ้าจะเลือก SVS Sb13ultra ก่อนตัดสินใจซื้อผมอยากให้คุณมั่นใจว่าคุณชอบมันจริงๆ   เพราะถ้าคุณชอบมัน คุณจะชอบแบบหัวปรักหัวปรำและหาซับตัวไหนที่มีบุคลิกแบบนี้ในราคาย่านนี้มาแทนไม่ได้เลย....

 
ราคา SVS SV13Ultra3: http://www.whatthatsound.com/product/320/svs-sb-13ultra

 













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 25, 2016, 12:01:14 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
ดูหนังฟังเพลงโดยไร้แผ่น  ค่านิยม กระแส หรือนี่คืออนาคต

 

 
วันนี้อยากจะคุยนอกเรื่องบ้างครับ   เรื่องคือ คนเล่นเครื่องเสียงเนี่ย สมัยก่อนวงการมันแคบมากครับ คนเล่นส่วนใหญ่ก็ต้องยอมรับตรงๆละนะครับว่า ก็้ต้องเป็นคนประสบความสำเร็จในชีวิตพอสมควร
และก็ต้องมีเงิน และส่วนใหญ่ก็จะมีอายุอานามประมาณนึง   ซึ่งวัยขนาดนี้ก็คงไม่มานั่งโหลดหรือซื้อเพลงผ่าน internet ไม่มาก๊อปหนังลง Harddisk กันหรอกครับ

------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้ที่เว็บของเราที่นี่: https://goo.gl/qBg55B
------------------------------------------------------
 
แต่มาถึงวันนีงโลกมันเปลี่ยนไป  โลกยุคดิจิตอลมันมาเร็วขึ้น เข้าใกล้ตัวเรามากขึ้น  เคาะประตูบ้านเรา เชื้อเชิญให้เราเข้าไป ซึ่งทุกวันนี้ผมก็ขอยอมรับตรงๆว่า ไม่ค่อยได้เปิดดูทีวีดูมาเกือบจะ 2 ปีแล้ว
ไม่ได้เก็บแผ่นมานานแล้วด้วยเหมือนกัน พวกเครื่องเล่น cd, bluray ก็ไม่ได้แตะหรือตามเทคโนโลยีใหม่ๆเท่าไร่เลย   วันนี้ผมติดตามข่าวสาร ดูข่าว รู้ข่าวใหม่ๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นในโลกใบนี้บ้าง โดยไม่ต้องเปิดทีวี
ผมดู Social network ผมเปิดดูทีวีออนไลน์ สำนักข่าวดังๆก็แห่กันมาเปิด account ใน social network เพื่อนำเสนอข่าวที่เร็วและทันใจกว่าบนหน้าจอทีวี
และก็ยังมีช่องทีวีออนไลน์อย่าง Youtube, Vimio และอีกหลายๆอย่าง ที่พร้อมจะให้เราดูสิ่งที่เราอยากดูจริงๆ โดยไม่ต้องรอเวลาออกอากาศ ไม่ต้องรอตัดเข้าโฆษณา โฟกัสแต่เรื่องที่เราสนใจได้ตลอดเวลา นี่ไม่ต้องพูดถึงสื่อสิ่งพิมพ์เลย นับวันยิ่งล้มหายตายจากไปเรื่อยๆ
และนอกจากข่าวระดับ macro ที่เป็นประเด็นของคนในสังคมต้องติดตามแล้ว ยังสามารถติดตามอัพเดทข่าวระดับ micro หรือข่าวระดับชุมชน เพื่อนฝูงในกลุ่ม ในแก๊งเดียวกัน ในคลับที่สนใจเรื่องเดียวกันได้อีก


 
 
จริงๆอ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงจะหมั่นไส้พอสมควรว่า ไอ้พวกอะไรออนไลน์ๆ ไฟล์ดิจิตอลพวกนี้มันไม่มีคุณค่าเหมือนแผ่นหรือเครืองเล่นจริงๆได้หรอก
ก็ต้องยอมรับครับว่าจริง  ผมเห็นด้วย ก่อนนั้นผมมีงานอดิเรกอย่างนึง ในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ คือผมชอบขับรถไปตามล่าหาแผ่นเพลงมาฟัง แผ่นนอกปกสวยๆ ซีดีเก๋ๆ มันดูมีคุณค่า ได้จับต้อง ได้เป็นเจ้าของ มันก็มีความสุข
อันนี้เป็นงานอดิเรกที่ผมชอบทำมากๆ  ทำแล้วมีความสุข  แต่ทุกวันนี้อายุเริ่มเยอะขึ้น รู้สึกว่าเริ่มเหนื่อยกับการเก็บซีดี เหนื่อยกับการเลือกแผ่น เดินไปใส่เครื่องแล้วนั่งฟังแทร๊กในนั้นวนไป
ทุกวันนี้กองซีดีที่เก็บไว้ก็เยอะ และจำไม่ได้ว่าเอาไปไว้ตรงไหนบ้าง

 

 
 
มาถึงตรงนี้เลยเริ่มหาอะไรที่มันง่ายขึ้น สบายขึ้น แต่ก็แน่นอนว่าคุณค่ามันก็ลดลง บางทีคุณภาพเสียงมันก็ดรอปลง  ไม่ใช่ออริจินอล ไม่ใช่มาสเตอร์ที่ดูมีคุณค่า  บรรจุกล่อง พิมพ์คู่มือมาเหมือนบรรจงทำมาให้เราคนเดียวอีกต่อไป
แต่เวลาในชีวิตผมที่เหลือน้อยลง  ก่อนนั้นว่าง เรามีเวลาทำนู้นนี้นั่น นั่งละเลียดฟังเพลงที่ชอบ เดินเลือกแผ่น ใส่แผ่น นั่งฟังได้ทั้งวัน
แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่  เรากลับบ้านมาเหนื่อย โดดขึ้นเตียง กดเปิดเพลง ซิ้งค์เลือกเพลงที่ชอบ กดๆ ฟัง ลุกไปอาบน้ำ เปิดเพลงค้างไว้  กลับมานั่งหน้าคอม ปิดเพลง เปิดหนังที่ชอบ ดูไปครึ่งเรื่อง กด pause ไว้ แล้วสลับมาดู
facebook ดูข่าวคราวและคนอื่นเม้าท์มอย  แล้วก็ผลอยหลับไปโดยที่ไม่ลืมจะเปิดเพลงกล่อมก่อนนอน

 


 
ชีวิตมันง่ายขึ้น  แผ่นต่างๆมันเลยกลายเป็นของเฉพาะทาง เฉพาะกลุ่มมากขึ้น  ผมยังไม่อยากจะบอกว่าธุรกิจขาย cd ขายแผ่น นอกจากจะกำไรลดลงแล้ว ยังกำลังจะเริ่มเป็นธุรกิจตะวันตกดิน (ยกเว้นแผ่น bluray)
ก็เป็นแบบนี้ครับ  และผมก็เชื่อมั่นว่าในนี้ ยังมีพวกเราหลายๆคนที่ยังเชื่อมั่นและชอบในเสน่ห์ของการเก็บสะสมแผ่น ทั้งดูหนัง ฟังเพลง ด้วยความง่าย มีเสน่ห์ ผมก็เชื่อว่ามันต้องอยู่คู่กับเราไปอีกนานแสนนาน
และผมก็เชื่ออีกเหมือนกันว่า หลายๆท่านในนี้ มีหลายๆคนที่หันมาใช้  harddisk player, network streaming และทำกิจกรรมดูหนังฟังเพลงโดยไม่พึ่งแผ่นอีกแล้ว


 

โลกมันเปลี่ยนไป ไม่แน่ว่าสิ่งที่อยู่รอดอาจไม่ใช่สิ่งที่แข๊งแกร่งที่สุด หรือดีที่สุด แต่อาจเป็นสิ่งที่ปรับตัว ปรับเข้าหาโลกและสังคมได้มากที่สุด  เช่นกล้องฟิลม์ เทปคาสเสท
หรือบางทีโลกก็เลือกเก็บสิ่งที่มีคุณค่า ดูเก่า ดูใช้ยาก แต่มีความทรงจำ มีอดีตที่แม้จะมีเทคโนโลยีใหม่มาแทน แต่ก็ไม่สามารถทดแทนกันได้ เช่นแผ่นเสียงไวนิล
แล้วคุณละครับ เลือกแบบไหน??? 
ส่วนผมไม่แน่วันนึงพอมีเวลามากขึ้นก็อาจจะกลับไปเก็บแผ่น ซื้อเครื่องเล่น หรืออาจจะไปเล่นอะไรใหม่ๆก็เป็นเรื่องของอนาคต  เพราะเสน่ห์ของโลกใบนี้ คือการเปลี่ยนแปลง จริงมั๊ยครับ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 01, 2016, 04:52:41 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Klipsch R-20B Soundbar  รุ่นใหญ่สุดของ Klipsch ไปให้ลูกค้าที่สระบุรีครับ (ส่งขนส่ง ไม่ได้ไปเอง ลูกค้าถ่ายมาให้)
ตัวนี้ส่งด่วน ลูกค้าสั่งวันศุกร์ ของถึงวันเสาร์

หลายคนถามว่าจะต่อเข้ากับเครื่องเล่น bluray, กล่องดาวเทียมยังไง เพราะตัวนี้ไม่มี hdmi คำตอบคือ ต่อด้วยสาย optical เพียงเส้นเดียวจากทีวี (ช่อง audio digital out) แค่นี้เวลาเราต่ออุปกรณ์ต่างๆเข้าทีวีไม่ว่าจะเป็น ps4, bluray, dvd, กล่องดาวเทียม เสียงก็จะมาออกที่ซาวด์บาร์ทั้งหมด ไม่ต้องถามหาช่องต่อ hdmi เยอะๆให้เปลืองและไม่ต้องปวดหัวคอยสวิทซ์แชนแนลเวลาจะเปลี่ยน source เลยครับ เพราะไม่ว่าเราจะเล่นอะไรก็ตามเสียงจะถูกส่งไปทีวี  และทีวีจะส่งต่อเฉพาะเสียงมาให้ซาวด์บาร์จัดการ

*** ตอนนี้เรามีโปรโมชั่น ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดอะไร เราส่งฟรีทั่วไทยครับ ค่าส่งเราออกเอง

------------------------------------------------------------------
ราคา Klipsch R20B: http://www.whatthatsound.com/product/36/klipsch-r-20b
------------------------------------------------------------------




SoundBar Klipsch ตัวนี้ให้แนวเสียงดุดัน หนักแน่นเหมาะกับการดูหนังฟังเพลง (ร๊อคๆ)   ส่วนการใช้งานนั้นก็ง่ายมากๆ แค่ต่อสาย optical เพียงเส้นเดียวกับทีวี (มีสาย Optical แถมมาให้) ก็สามารถให้เสียงหนักแน่นพอๆกับชุดโฮมเธียร์เตอร์ขนาดย่อมๆชุดเล็กๆได้สบาย
พ่วงด้วย Subwoofer แบบ wireless ไร้สาย 10 นิ้วที่สามารถควบคุม volume ของเสียงเบสแยกต่างหากจากตัว Sound bar และสะดวกสบายด้วยการจัดวางไว้ที่ไหนก็ได้เพียงแค่หาที่วาง เสียบปลั๊ก เสียงก็จะ Sync มาที่ตัวซับวูฟเฟอร์เองโดยไม่ต้องทำอะไรหรือต่อสายให้วุ่นวาย
โดยที่สามารถปรับและคอนโทรลผ่านรีโมทที่แถมมาให้ได้อีกด้วย

และ sound bar ทั้งรุ่น R10B, R20B สามารถรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth กับโทรศัพท์หรืออุปกรณ์ต่างๆสำหรับดูหนังฟังเพลงได้แบบง่ายๆอีกด้วยครับ
โดยตัวนี้แถมสาย Optical และ Wall mount สำหรับติดผนังให้อีกสำหรับใครที่อยากติดกับผนังเพิ่มความเก๋ให้กับห้องได้มากยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่สงสัยว่าตัวนี้จะ setup ยากมั๊ย บอกเลยครับว่าง่ายมากๆๆๆ ใครไม่เคยเล่นเครื่องเสียงก็สามารถต่อได้ง่ายๆด้วยตัวเองตามวิธีที่เราแนะนำ ตามด้านล่างนี้เลยครับ หรือจะตามไปดูวีดีโอของฝรั่งกันตามลิ้งค์นี้ก็ได้
https://www.youtube.com/watch?v=Z27WtBy4IUs
------------------------------------------------------------------------------




1. ต่อกับทีวี: ใช้สาย Optical ที่เราแถมให้ หรือใครจะหาซื้อสาย Optical ยี่ห้อที่ชอบมาเองก็ได้ ต่อจากช่อง Audio out / Digital out / Optical put แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ วิธีนี้ง่ายที่สุดครับ ตอนนี้ไม่ว่าเสียงอะไรก็ตามที่วิ่งมาเข้าทีวีก็จะมาออกที่ Sound bar เราทั้งหมดไม่ว่าจะดูทีวี ดูละคร เล่น ps4, ดู dvd / bluray หรือเปิดคาราโอเกะก็ตาม

2. ต่อกับทีวี: ใช้สาย RCA (ขาว แดง) วิธีนี้สำหรับทีวีรุ่นเก่าๆที่มีช่อง Audio out แบบ RCA สองเส้น เราก็สามารถต่อจากช่อง Audio out แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ ได้เหมือนกันครับ ผลลัพธ์เหมือนกับวิธีแรกทุกประการครับ

3. ต่อกับอุปกรณ์เครื่องเล่นตรงๆ เช่น DVD / Bluray หรือกล่องจานดาวเทียม โดยเราจะเอาสายภาพ RCA / Hdmi ต่อจากเครื่องเล่นของเราเข้าทีวี และแยกสายเสียงไม่ว่าจะเป็น RCA / Optical มาต่อตรงเข้ากับ Sound Bar ครับ วิธีนี้จะต่อตรงเสียงมาที่ Sound bar โดยตรงโดยไม่ผ่านทีวีเลย ข้อดีคือมีการสูญเสียน้อยที่สุด แต่ข้อเสียคือ ถ้าเรามีอุปกรณ์เครื่องเล่นๆหลายอย่าง เราอาจจะต้องคอยสลับสายกันวุ่นวายนิดหน่อยครับ

4. สตรีมมิ่งผ่าน Bluetooth กับโทรศัพท์ Iphone /Ipad / Android หรืออุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth โดยสามารถ connect เพื่อเปิดเพลงฟังโดยโดยที่ไม่ต้องต่อสายใดๆครับ










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 01, 2016, 05:05:42 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่งลำโพง Dolby Atmos Klipsch RP-140SA พร้อมสาย Klotz ความยาว 8 เมตร พร้อมเข้าหัวบานาน่า ไปให้ลูกค้าที่เชียงใหม่ (จัดส่ง Nim Express)
ตัวนี้ใช้รูปลำโพงจริงจากลูกค้าอีกท่านนึงของเราแทนครับ ไม่ใช่รูปจริง (ไม่ได้ไปส่งและถ่ายรูปที่เชียงใหม่เอง อิอิ)

ตัวอย่างห้องของลูกค้าเราที่ใช้ Klipsch RP-140SA: https://goo.gl/do0UZ3

ซึ่งลำโพง Dolby Atmos แบบยิงเสียงขึ้นด้านบนหรือเราเรียกกันแบบเต็มๆว่า Dolby Atmos Enabled นั้นข้อดีคือไม่ต้องยุ่งยากเจาะฝ้า ไม่ต้องเดินสายยาวๆขึ้นฝ้า ติดตั้งง่าย แค่วางปุ ลงบนลำโพงคู่หน้าเป็นอันใช้ได้
แต่ข้อเสียก็มีเช่นกันคือ เสียงอาจจะดีสู้ลำโพงฝังฝ้าจริงๆไม่ได้ และการติดตั้งและเสียงที่ได้จะไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับลักษณะทางกายภาพของห้องลูกค้าเป็นหลัก ถ้าเพดานสูง หรือฝ้าหลุม หรือตำแหน่งไม่ดี สะท้อนแล้วไม่ตรงจุดที่ควรจะเป็น เสียงก็อาจจะสู้แบบฝังฝ้าไปเลยไม่ได้ครับ

ราคา Klipsch RP140SA: http://www.whatthatsound.com/product/202/klipsch-rp-140sa
















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 01, 2016, 06:46:27 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


Cross over  ของซับวูฟเฟอร์เซ็ทเท่าไร่ดี? (ฉบับเบื้องต้นมือใหม่หัดเล่น)

------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้ได้ที่นี่: https://goo.gl/ctfZNM
------------------------------------------------------

ก่อนอื่นปูพื้นก่อน Subwoofer crossover คือ  การตัดความถี่ให้ซับวูฟเฟอร์ทำงานเฉพาะย่านที่เราต้องการ    ถ้าเราตั้งค่าใดค่าหนึ่ง เช่น 80 Hz  แปลว่า  ความถี่ที่สูงกว่า 80 Hz เช่น 81 Hz ขึ้นไป จนถึง 20,000 Hz จะไปทำงานที่ลำโพงตัวหน้าหรือที่อื่นแทน  
่ส่วนความถี่ที่ต่ำกว่า 80 Hz ลงมา ซับจะขอรับหน้าที่ทำงานเอง   ดังนั้นถ้าเราตั้ง cross ยิ่งต่ำ  ก็แปลว่า ช่วงที่ซับจะทำงานก็จะยิ่งน้อยลงตามไปด้วย  ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าบางทีมือใหม่หมุน crossover ไปที่ 30 Hz แล้วทำไมดอกลำโพงซับไม่ค่อยกระเพื่อม เบสไม่ค่อยมา นั่นก็เพราะมันตัดความถี่ตั้งแต่ 30 Hz ขึ้นไปทิ้งนั่นเอง

ค่ามาตรฐานทั่วๆไปที่แนะนำกันก็คือ 80 Hz จะมากหรือน้อยกว่านี้ก็อยู่ที่ความเหมาะสม อยู่ที่ห้อง อยู่ที่ลำโพง และซับวูฟเฟอร์ที่ต้องพิจารณากันเอง  และสิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ  อยู่ที่ความพึงพอใจของผู้ใช้เองว่าชอบแบบไหนด้วยเป็นสำคัญ

ส่วนตัวการตั้งครอสโอเว่อร์ ผมดู 2 อย่าง (ตรงนี้ขออนุญาติออกตัวไว้ก่อนว่า เป็นความเห็นส่วนตัว  ไม่ได้อิงหลักการใดๆ อาจจะถูกหรือผิดโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และนำไปประยุกษ์ และทดลองใช้กันเอาเอง)


 

ปกติแล้วการตัด สามารถตัดที่ avr หรือตัดที่ตัวซับเองก็ได้
แต่ผมจะชอบตัดที่ AVR มากกว่า  ส่วนที่ซับผมชอบตั้ง crossover ไว้สูงกว่าที่ AVR เพราะไม่ต้องการให้ซับตัด crossover ซ้ำอีกครั้ง
แต่ก็มีบางครั้งที่ผมตัดที่ avr ซ้ำอีกครั้งในกรณีที่มีซับ 2 ตัว และต้องการตัด crossover สองตัวไม่เท่ากัน  กรณีนี้ที่ AVR เราจะตั้งตัดไว้ที่ตัวที่ต้องการสูงกว่า เช่น ต้องการตั้งตัวนึง 120  อีกตัว 80  
ที่ avr เราอาจจะตั้ง 120 Hz  ส่วนที่ซับตัวแรกเราก็ปรับ cross ไปที่ 150 เพื่อไม่ให้ 120 ที่ส่งมาถูกตัดทิ้งไป
ส่วนซับอีกตัวเราต้องการแค่ 80 Hz ในขณะที่ avr ส่งมาสูงกว่าที่ต้องการคือ 120 Hz เราก็สามารถไปตัดที่ซับวูฟเฟอร์ตัวที่ 2 ซ้ำอีกครั้งเป็น 80  แค่นี้ความถี่ช่วง 80 - 120 Hz ก็จะถูกกรองทิ้งไป ซับตัวที่สองก็จะมีย่านทำงานที่ 80 Hz ลงมาแล้วครับ



ข้อควรระวังในการตัด crossover
ก็คือ อย่าให้มีช่องโหว่  เช่นลำโพงหน้าตัดที่ 100  ซับตัดที่ 80  แบบนี้แปลว่า ลำโพงหน้าทำงานเมื่อความถี่สูงกว่า 100Hz และตั้งแต่ 100 Hz ลงมาลำโพงหน้าจะไม่ทำงานแล้ว
ส่วนซับจะเริ่มทำงานตั้งแต่ 80 Hz ลงมาเท่านั้น  จะเห็นว่ามันจะมีรูอยู่คือช่วง 81-100 Hz ที่ไม่มีลำโพงตัวไหนทำงานเลย ถามว่าฟังออกมั้ย  เอาจริงๆถ้าดูหนังก็ฟังไม่ค่อยออกหรอกครับว่ามันหายไปที่ย่านไหน แต่เราจะรู้สึกว่าเบสมันไม่ค่อยดี ไม่ครบ แต่เราจะบอกไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือย่านไหนหายไป ต้องมาดูค่าที่เซ็ทไว้

แต่ถ้าเซ็ทหายไปในช่วง 60-110 Hz เช่น ลำโพงหน้าตัด 110  ซับตัด 60 แบบนี้ฟังออกแน่นอน เพราะเบสจะบางงงงงงง มากจนรู้สึกว่าเบสกรู หายไปไหนว้าาา


 

ทีนี้มาดูว่าตัด cross สูงกะต่ำ ผลที่ได้คืออะไร

ยิ่งเราตัด cross สูง  ซับยิ่งทำงานมาก ทำงานหนัก ไม่ได้แปลว่าดีเสมอไป เพราะขึ้นชื่อว่าซับ มันก็ถูกออกแบบให้ทำงานเฉพาะย่านสั้นๆในช่วงความถี่ต่ำเท่านั้น ถ้าเราลองป้อนความถี่ที่ไม่ใช่ย่านที่มันทำงาน มันก็จะไม่ดัง และในย่านความถี่ที่มันทำงานได้  ก็ไม่ใช่ว่ามันจะทำได้ดีไปหมดทุกย่าน เช่น 150 Hz ขึ้นไป จะเป็นย่านที่มีรายละเอียดเยอะ บางทีมีเสียงคนพูด มีเสียงเอฟเฟคที่ลำโพงคู่หน้าสามารถตอบสนองได้ดีกว่า   ถ้าเราฝืนให้ซับมาทำ เสียงก็จะไม่กระชับ ตามไม่ทัน เบลอ เสียรายละเอียดไปได้  เพราะย่านความถี่ต่ำ คลื่นความถี่มีความยาวกว่าคลื่นความถี่ในย่านกลาง และแหลมมาก  ดังนั้นถ้าเราเอาความถี่สูงกว่าย่านเบสป้อนให้ซับมากๆเข้า เเราจะได้ยินแค่เสียงอู้อี้ๆ ครืดๆ เพราะซับมันออกแบบให้ทำงานที่ย่านต่ำๆ พอเจอย่านความถี่อื่นที่เร็ว และสั้นกว่า มันก็จะทำงานได้ไม่ดี ต่างจากลำโพงคู่หน้าที่ออกแบบให้ทำงานได้หลายย่าน และทำงานได้ดีในย่านกลางแหลม โดยเฉพาะซับราคาไม่แพง อย่านึกว่าจะตัด cross สูงๆ เอาให้คุ้มๆ ให้เบสออกเยอะๆ แล้วจะดี ตรงกันข้าม ซับราคาประหยัด ย่านทำงานยิ่งจำกัด ตัดความถี่สูงไป ซับก็ตอบสนองไม่ทัน เบลอ บวม เบสไม่ได้คุณภาพ สู้เราตัด cross เอาแต่พอดีๆ ให้ถูกต้องเหมาะสมดีกว่า

แต่ถ้าตัด cross ต่ำไป ซับก็จะทำงานน้อย บางคนต้องการให้ซับทำงานที่ย่านต่ำจริงๆเท่านั้น เช่น 50-60 Hz ลงมา อันนี้ก็ได้ึครับ สำหรับใครที่ต้องการเบสสะอาดๆ เบสที่เป็นเบสจริงๆ ไม่ต้องการเบสพร่ำเพรื่อหรืออะไรโครมครามนัก  แต่ส่วนตัวผมว่าการตัดที่ 60 Hz ลงมามันเหมาะกับซับตัวที่สอง หรือเหมาะกับเป็นซับที่มีบุคลิกแผ่ๆมากกว่า  เพราะการตัดซับต่ำๆ จะทำให้เบสมีรายละเอียดดี ไม่กวนลำโพงคู่หน้า ซึ่่งอันนี้แล้วแต่ชอบครับ  ถ้าซับที่มีบุคลิกแผ่มากๆ ไม่กระชับอยู่แล้ว แล้วเราไปตัด cross สูงๆ มันยิ่งแสดงอาการแผ่มากยิ่งขึ้น


 

ปัจจัยในการพิจารณาการตัด Crossover

1. ขนาดลำโพงคู่หน้า

ถ้าลำโพงหน้าเล็ก ควรตั้งครอสสูงหน่อย เหตผลคือ ลำโพงเล็กตอบสนองความถี่ต่ำได้ไม่ดี บางทีความถี่ต่ำลงถึง 80 ก็เบา ขาดอิมแพคจนแทบจะเหมือนเสียงกะละมังแล้ว และถ้าเรายิ่งไปทรมานมันด้วยการตั้งครอสต่ำๆเช่น 60-80 ก็เหมือนเราไปบังคับลำโพงหน้าให้ทำงานย่านต่ำๆที่มันไม่ถนัด พอลงถึง 60-80 เบสแทบจะไม่มี ซับก็ไม่ยื่นมือมาช่วยเพราะยังไม่ถึงช่วงที่มันต้องทำ ตกลงกันไว้ที่ 60 ลงไปไง แล้วจะมาบ่นอะไร (อ้าวเฮ้ย ไม่เห็นเหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่า)

พอลงถึงช่วงรอยต่อเบสระหว่างลำโพงหน้ากับซับ 60-80 เบสก็จะไม่เนียนอีก เพราะเสียงจากเบสกระป๋องๆจากคู่หน้าเคาะโป้กๆ ที่เราไปเค้นให้มันทำจนถึงช่วงต่ำๆที่มันไม่ถนัด พอลงถึงช่วงซับทำงาน   เบสก็กลับตูมโครมครามขึ้นมาในช่วง 60-80 ลงมา ทำให้เบสต้นดูบางๆกระป๋องๆ แต่พอเบสต่ำๆดันตูมตาม ดูแล้วหลอกหลอนและไม่เนียนอย่างแรง


 

ปล. แม้สเปกลำโพงหน้าจะเรทว่ามันลงลึกได้ 30-50 hz ก็อย่าได้เชื่อมันมาก เพราะมันลงได้จริงตามสเปกโรงงาน แต่จริงๆกราฟมันลาดลงมาแล้ว เสียงเบาลงขาดอิมแพค ฟังแทบจะไม่รู้สึกถึงความเป็นเบสแล้ว ดังนั้นดูสเปกก็ดูแค่พอประมาณ อย่าไปคิดว่าเฮ้ย ลำโพงตัวเล็กลงลึกได้ 30 เฮิรท ไม่ต้องใช้ซับได้งั้นสิ ...
บอกเลยว่า มันแทนกันไม่ได้หรอก.

ส่วนลำโพงถ้าใครใช้ลำโพงเล็กๆ เช่นแซทเทิลไลท์ หรือชุด In the box อันนี้ต้องบอกว่าต้องทำใจว่ามันจะเซ็ทยาก และได้เท่าที่ได้ เพราะลำโพงเล็กบางทีเบสลงได้แค่ 100 Hz  ซึ่ง 100 Hz ก็ไม่ใช่เบสที่ทำงานดีด้วย เผลอเป็นย่านที่เสียงเริ่มเบสและกราฟลาดลงมาแล้ว  การจะตัด cross ให้ได้ดี ก็ควรจะเลี่ยงและคลุมเสียงในย่านนี้ขึ้นไปอีกนิด เช่นตั้งที่ 120-150 Hz  แต่ๆๆ ถ้าเราตั้งแบบนี้  ซับวูฟเฟอร์ก็จะต้องทำงานหนักขึ้น และแน่นอนว่าคงไม่มีใครซื้อชุด In the box ราคาย่อมเยาว์
แล้วไปใช้ซับวูฟเฟอร์ราคาแพงๆหรอก  ซับก็ต้องราคาพอๆกันและแม๊ทกับชุดนั่นแหละ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นซับยิงพื้นซะส่วนใหญ่
ดังนั้นที่ย่าน 120-150 Hz ถ้าเราตัดที่ความถี่นี้ แน่นอนว่าซับมันจะทำงานแย่ลง ขาดรายละเอียด เบลอ ไม่กระชับ และกวนรายละเอียดของสิ่งที่ควรจะได้ยินจากคู่หน้าแล้ว

ทีนี้ถ้าเราจะเซ็ทต่ำกว่านี้เช่น 80 Hz คุณก็จะพลาดเบสในช่วง 80-100 Hz ไป เพราะลำโพงหน้าคุณรับได้แค่ 100 Hz และซับจะมาทำต่อในช่วง 80 Hz ลงมาเท่านั้น  ดังนั้นช่วง 80-100 เราจึงโหว่ และไม่มีใครมารับช่วงทำงานต่อ   เบสก็จะขาดๆ ดูไม่ค่อยมีอารมณ์เท่าไร่  ดังนั้นความคิดที่ว่าลำโพงหน้าจะเล็กแค่ไหนก็ได้ แล้วเดี๋ยวเอาซับวูฟเฟอร์มาช่วย  อยากให้คิดดูใหม่ครับว่ามันถูกต้องมั๊ย



 
2. ความสามารถของซับวูฟเฟอร์ของเรา
ถ้าซับเราทำงานในย่าน 20-150 hz (ทั่วๆไปจะประมาณนี้)
ก็พยายามอย่าไปฝืนตัดครอสที่มันประหลาดไปจากนี้ เช่นตัดที่ 160 หรือตัดที่ 30-40 (คงไม่มีใครตัดแบบนี้นะ)

อีกอย่างคือบุคลิกของซับ ซับบางตัวมีบุคลิกไว กระชับ แบบนี้ซับตัวนั้นอาจตั้งครอสได้สูงกว่าปกตินิดหน่อยโดยยังไม่ออกอาการบวม เพราะยิ่งความถี่สูงขึ้น มันจะมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น บางทีเสียงพูดหลุดมา มีรายละเอียดเพิ่มมา ทำให้ซับตอบสนองไม่ทัน พอไม่ทันก็จะได้ยินเสียงเบลอๆบวมๆมากวนกับเสียงลำโพงหลัก
ทั่วๆไปความถี่ที่ตัดกันมักจะแนะนำที่ 80 +- นิดหน่อยตามที่ชอบ

ซับบางตัวคลาง แผ่มาก ไม่กระชับ เช่นซับพวกยิงล่าง แบบนี้ยิ่งตัดครอสสูงเพราะหวังอยากได้เบสเยอะๆ แต่สิ่งที่ได้คือความคราง เสียงรบกวน เบสบวมๆมาแทน เพราะมันตอบสนองไม่ทัน ดังนั้นซับใครเสียงช้าๆไม่กระชับ ครางๆ ควรจะตัดครอสต่ำๆไว้ไมให้่เกิน 80. ถ้าฝืนตัดสูงกว่านั้นอาจจะเจออาการเบสไม่มีคุณภาพได้

 
สุดท้าย ในการเล่น หลักการของเราอาจจะไม่ถูกนัก บางคนอาจจะชอบอีกแบบหรือเซ็ทในแบบอื่นแล้วชอบ อันนี้ก็ต้องบอกว่าปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ครับ ถ้าคุณใช้แล้วชอบ ฟังแล้วเพราะ ฟังแล้วมีความสุข ก็โอเคแล้ว ไม่อยากให้ซีเรียสมากว่า ต้องค่าเท่านั้นเท่านี้ ต้องแบบนี้ถึงถูก แบบนี้ถึงผิด  มันไม่มีสูตรตายตัว ความเป็นจริงมีตัวแปรมากมายที่ทำให้การใช้งานเปลี่ยนแปลงไป ทั้งห้อง ขนาด ซับ ลำโพง และสุดท้ายความพึงพอใจของเจ้าของผู้จ่ายเงินเอง

จริงๆแค่เซ็ทเบสรอยต่อระหว่างลำโพงหน้ากับซับให้มันเนียนๆ ไม่หลอน ให้มันดูเป็นธรรมชาติ ฟังเนียนหู แค่นี้ก็พอแล้วครับ เบสจะหนัก จะเบา จะครางจะกระชับ ที่เหลือก็ปรุงแต่งเอาตามที่ชอบ ตามที่เหมาะสมและเห็นสมควร


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 04, 2016, 08:41:17 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่งขาตั้งลำโพงเซอราวด์แบบสูงพิเศษ ปรับระดับได้รุ่น S8 MKii ไปให้ลูกค้าที่รังสิตครับ

S8 mkii ตัวนี้ออกแบบสำหรับวางลำโพงเซอราวด์โดยเฉพาะไม่ว่าจะลำโพงบุ๊กเชลฟ์หรือลำโพงไบโพล ที่ต้องการวางให้เสียงถูกต้องตามหลัก โดยสามารถปรับระดับได้สูงสุดถึง 150 ซม (40-60") เหมาะกับคนที่ต้องการวางลำโพงเซอราวด์ให้ได้เสียงสมจริงและได้บรรยากาศโดยเฉพาะ   ตัวนี้ออกแบบมาแบบ 2 เสา เพลทล่างและเพลทบนใหญ่ ทำให้มีความแข๊งแรงมั่นคงกว่า S-8 ตัวปกติมากครับ

เพลทบน 5*174*238
เพลทล่าง 6*228*308

สามารถปรับระดับได้ 40" - 60"
เพลทล่างผ่านการตัดชิ้นงานด้วยเครื่อง Laser
แถมสไปค์ Stanless เกรดสูง รุ่น TOP ซึ่งแตกต่างกับรุ่น MkI

ราคาขาตั้ง S8 MKii: http://www.whatthatsound.com/product/323/stand-surround-s-8-mkii




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 08, 2016, 11:30:06 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


New generation of Rotel 14 Series

--------------------------------------------------------------------------
อ่านบทความที่เว็บของเราได้ที่นี่: http://www.whatthatsound.com/article/182/%E0%B9%8Cnew-generation-of-rotel-14-series
--------------------------------------------------------------------------
 
Rotel รุ่นใหม่พากันออกมาอวดโฉมแล้ว ตั้งแต่ int amp รุ่นใหม่อย่าง A-12 (60 วัตต์), A-14 (60 วัตต์) และ CD Player อย่าง CD-14
และ tuner อย่าง T-14 ที่รองรับการ Stream และซิงค์เพลงในรูปแบบต่างๆได้หลากหลาย เช่น FM,Digital Audio Broadcasts (DAB+) และยังรองรับ DTS Play-Fi อีกด้วย
 
และตบท้ายด้วย int amp พี่ใหญ่บิ๊กเบิ้มอย่าง RA1592 ที่กล้ามโตถึง 200 วัตต์ที่ 8 โอห์ม ซึ่งถือว่าเป็น int amp ที่กำลังขับสูงมาก ในราคาไม่ถึงแสนบาท ถ้าย้อนกลับไปหลายปีที่แล้ว เราจะหา Int amp กำลังขับแบบนี้ ในราคาต่้ำกว่าแสนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย และยิ่งมาในแบรนด์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นแบบนี้ด้วย
สำหรับใครที่ชื่นชอบการเสพย์สุนทรียะในเสียงเพลง และดนตรี เราอยากให้ลองพิจารณา Rotel ครับ


 
 
ราคา Rotel ทั้งหมดดูได้ที่นี่ครับ: http://www.whatthatsound.com/category/60/rotel






















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 08, 2016, 11:34:39 pm โดย keamglad »