ผู้เขียน หัวข้อ: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Procella , SVS, Anthem, Parasound,Audyn  (อ่าน 327914 ครั้ง)

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
ส่งต่อซับวูฟเฟอร์ Cerwinvega P1800sx ตัวโชว์ไปให้ลูกค้าจากสมุทรปราการครับ ลูกค้ามารับเองถึงที่ (ตัวนี้เหมาะกับใช้งานอีเว้นท์ งานแต่ง ในร้านอาหาร เปิดเพลงในงานที่เน้นฟังสบายๆ นุ่มๆ ไม่ก้าวร้าว หรือใช้ในห้องคาราโอเกะในร่มใหญ่ๆ)

ราคา Cerwinvega P1800SX: http://www.whatthatsound.com/product/106/cerwin-vega-p1800sx










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 08, 2016, 11:43:35 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


ลูกค้าแวะมาลองชุด Klipsch Reference Premier ที่ห้องลองของเราเมื่ออาทิตย์ก่อน (ลูกค้าขับรถมาจากอุทัยธานี อื้อหือ ไกลไปมั๊ยอะ)

-------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้ที่เว็บได้ที่นี่: https://goo.gl/0Odyxs
-------------------------------------------------------------

หลังจากเปิดหนังให้ดูแบบยาวๆ และก็เปิดทีวีให้ดูเพื่อให้ได้รู้ว่าการใช้งานจริงในชีวิตเป็นอย่างไร  เพราะคนเราอาจจะไม่ได้ใช้ดูหนังอย่างเดียว แต่บางทีต้องมีดูข่าวดูละคร ฟังเพลงนู้นนี่นั่นกันบ้าง  โดยชุดที่ลองนั้นประกอบไปด้วย  Klipsch RP280F, Rc62ii, RP250S, SVS SB13Ultra อุกปรณ์ทั้งหมดไม่ว่าจะสายไฟ ปลั๊ก สายลำโพงล้วนเป็นของบ้านๆที่ใช้งานจริงในชีวิตประจำวันทั้งสิ้น เพื่อให้หลังจากลองแล้วเสียงที่ฟังเป็นอย่างไร  พอยกกลับไปบ้าน เสียงต้องได้แบบนั้น  ต้องไม่มีไบแอสจากอุปกรณ์ราคาแพงเกินกว่าชุดไปมาก เช่นชุดลำโพงราคา 7 หมื่น แต่ปลั๊กไฟ สายลำโพง สายซับล่อไปแสนห้า แบบนี้ก็ไม่ practical ในชีวิตจริงนะฮะ

หลังจากนั่งฟังนั่งลองกันไป ลูกค้าก็จัดชุด Klipsch Reference premier ชุดเล็กราคาย่อมเยาว์ไปทั้งชุดเลย  โดยชุดที่ลูกค้าขนกลับไปมีดังนี้



------------------------------------
- Klipsch RP150M
 - Klipsch RP250C
 - Klipsch RP240S (ตัวนี้ของหมด รอจัดส่งให้ลูกค้าทีหลัง)
 - Klipsch R112SW
 - Onkyo 656
 - สายลำโพง AR แบบแพ๊ก 15 เมตร 1,000 บาท
 - สาย Canare 4S8 10 เมตร
 - สายซับ Inakoustik 3m

------------------------------------



ลูกค้าขนทั้งหมดกลับไปติดตั้งเองที่อุทัยธานีครับ โดยห้องลูกค้าเป็นห้องนั่งเล่นที่ใช้เป็นมุมพักผ่อนของครอบครัว  ใช้ดูทีวี ดูหนัง ใช้ประโยช์ร่วมกัน
ซึ่งชุดนี้เป็นชุดเล็ก เริ่มต้นด้วยลำโพงบุ๊กเชลฟ์และลำโพงเซ็นเตอร์ขนาดกระทัดรักจัดวางง่ายเหมาะสำหรับห้องที่ไม่ต้องการอะไรใหญ่โต ส่วนเซอราวด์ลูกค้าเลือกเซอราวด์แบบไบโพลซึ่งกระจายเสียงรอบตัวได้ดีกว่า
ส่วนซับวูฟเฟอร์ก็จัดหนัก ก็จัดเต็มด้วยซับ Klipsch R112SW ขนาด 12 นิ้ว 

วันนี้มีรูปแค่นี้ไปก่อน หลังติดตั้งแล้วจะเอารูปสวยๆมาฝากกันอีกที

ราคา Klipsch RP150M: http://www.whatthatsound.com/product/18/klipsch-reference-premier-rp-150m

ราคา Klipsch RP250C: http://www.whatthatsound.com/product/17/klipsch-reference-premier-rp-250c

ราคา Klipsch RP240S: http://www.whatthatsound.com/product/20/klipsch-reference-premier-rp-240s

ราคา Klipsch R112SW: http://www.whatthatsound.com/product/4/klipsch-r-112sw

ราคา Onkyo 656:
http://www.whatthatsound.com/product/401/onkyo-tx-nr656

สายแพ๊ก AR 15 เมตร: 1,000 บาท

สาย Inskoustik subwoofer 3m: http://www.whatthatsound.com/product/387/inakustik-subwoofer-cable-3m-1%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%812






















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 09, 2016, 09:54:04 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
SVS PB1000 - One of The best budget Subwoofer



 
    วันนี้เราขออนุญาติรวบรัดตัดความเอาแบบย่อๆ สั้นๆ  เอาแต่สาระ นั่นคือวันนี้เรามาแกะกล่อง SVS PB1000 ซับวูฟเฟอร์รุ่นเล็กสุดในซีรี่ย์ SVS Ported หรือตู้เปิดนั่นเอง
หรือเรียกได้ว่าเป็นซับวูฟเฟอร์ในระดับเริ่มต้นของ SVS ที่ราคาย่อมเยาว์มากกกมาย ใครที่งบน้อยหอยน้อย และเล็งหาซับวูฟเฟอร์ในระดับ 20,000 บาทบวก/ลบ จะเอามาอัดหนักๆ ดูหนัง ฟังเพลงมันๆ โดยสามารถทนต่อแรงอัดของความถี่ต่ำอันโหดร้ายของหนังสมัยนี้ได้โดยไม่แป๊ก ตัวนี้ก็น่าพิจารณาครับ ลองแล้วว่าไม่แป๊กแน่นอน อัดไปได้เลย และคู่แข่งโดยตรงของมันอย่าง Klipsch R110Sw ก็ไม่แป๊กเหมือนกัน แต่จะว่าไปแล้วซับราคาระดับนี้ก็ไม่ควรจะแป๊กแล้วนะ (แต่ก็มีบางแบรนด์ ราคาสูงกว่านี้ก็แป๊กก็มี)  ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลย.... สเปกของตัวนี้ก็คือ

    Driver: 10”
    
    Amplifier: 300 watts RMS (700 watts peak)
    
    Freq. Response: 19-270 Hz ±3 DB  ลงลึกได้ 19 Hz
    
    Port Size : Single 3.5”
    
    Dimension: 18.9" (H) 15" (W) 19.4" (D)

    Weight: 21 kg
    

 

เนื่องจาก PB1000 เป็นน้องเล็กสุด และราคาก็ย่อมเยาว์ ดังนั้นเราต้องทำใจและต้องมองข้ามบางจุดกันไปบ้าง เพราะมันก็ต้องมีจุดที่ลด cost ลดต้นทุน และดูไม่ค่อยสบายตาเท่าไร่ ... บ้าง  และมันก็มีบางจุดที่มันต้องร้อง โอ้โห คุณภาพมันขึ้นไปถีบรุ่นพี่ที่ราคาเหนือกว่ามันได้.... ทีนี้เพื่อความรวดเร็ว เราขอไม่พล่ามมาก  เรามาเริ่มกันเลย




แกะกล่อง
SVS ข้อดีที่ต้องยกนิ้วและก้มลงกราบเค้าข้อนึงคือบรรจุภัณฑ์ ที่ไม่ว่าจะตัวเล็กตัวใหญ่ เค้าก็มีกล่องสองชั้นมาให้ และก็แพ๊กเกจจิ้งก็แน่นหนา ปึ๊กและดูปลอดภัยกว่าใครเค้าเพื่อน  ตัวกล่องก็ดูไม่ยอกแยก กล่องหนา ปึ๊ก สบายใจเวลขนย้ายมากครับ (แต่แกร่งแค่ไหนก็ต้องแพ้ให้แก่ไปรษณีย์ไทย)

สภาพตามรูปครับ อันนี้เทียบกล่องให้ดูกับ Klipsch r115sw เลยว่าใครใหญ่ใครเล็ก พอแกะออกมาแล้ว ก็จะเจอกล่องข้างในอีกชั้น


 

สภาพตู้ งานประกอบ
งานประกอบต้องท่องไว้นะครับว่า มันรุ่นเริ่มต้น ราคาประหยัด ตัวตู้มันก็จะเป็นผิวไม้ veneer แบบลายไม้ black ash ธรรมดา ไม่ใช่ตัวตู้ไฮกลอสเปียโนแบล๊กแบบพวกรุ่นพี่อย่าง SVS PB13, SVS SB2000
ผิวลำโพงไปดูใกล้ๆ ก็ลายอย่างที่เห็น ดูดิบๆ ไม่หรูเท่าไร่ และสิ่งที่ขัดใจมากก็คือไฟ lled แสดงสภานะด้านหน้า ที่ผมเพิ่งรีวิวและติ SVS SB13Ultra ไปว่าแม่มไม่ไฟอะไรด้านหน้าเลย ไม่รู้ว่ามันทำงานหรือไฟเข้าหรือเปล่า
วันนี้ผมขอกลับคำครับว่า ช่วยเอาไฟแสดงสถานะสีฟ้าของ SVS PB1000 ออกไปที คือมันเป็นตุ่มออกมาน่าเกลียด และสว่างมากกกกกก  ตอนดูหนังแสงมันสว่างจ้ารำคาญตาพอสมควร  ด้านหลังก็ไม่มีปุ่มให้ dim ไฟด้วยนะ  แต่เอาเถอะ ไม่เป็นไร..

อีกจุดหนึ่งที่ต้องบอกว่าแตกต่างกับรุ่นพี่อย่าง SVS SB13ultra ก็คือขอบยางลำโพงจับๆดูรู้สึกสเปกตัว PB1000 จะเป็นขอบยางแบบนุ่ม คือนุ่มมือคล้ายๆขอบยางลำโพง ดูยืดหยุ่นสูง กดแล้วบุ๋มๆ ซึ่งอันนี้ไม่รู้ว่าตู้เปิด ดอกแบบช่วงชักยาวเลยต้องทำให้ขอบยางมันยืดหยุ่นสูงๆหรือเปล่า?
ส่วนตัว SB13Ultra ดอกยางเป็นแบบแข๊ง  และตัวดอกก็ใช้แบบเย็บด้านเข้ากับขอบเลย


 

ไหนลองต่อฟังเสียงหน่อยสิ
ไม่พูดพร่ำทำเพลง และไม่รอให้พ้นเบิร์นด้วย เราก็จับเข้าระบบทันที ลองต่อทีแรก ต่อผิดมันมืดครับ แทนที่จะต่อสายซับเข้าช่อง in แต่ดันไปต่อเข้าช่อง Out ซึ่งตรงนี้ขอบ่นหน่อยว่า ช่อง Out แต่ดันเอามาไว้ด้านบน  แต่ช่อง in ดันไว้ข้างล่าง พอมืดๆ มองไม่เห็นตัวหนังสือ เราจะเดาว่าช่องบนคือ In ช่องล่างคือ Out ต่อแล้วเสียงไม่ออก เกือบจะเก็บเข้ากล่องส่งเคลมซะแล้ว อิอิ ล้อเล่น

แนวเสียงตัวนี้ใช้ดอก 10 นิ้วแบบช่วงชักยาว เสียงเป็นยังไง?

 - เสียงดุครับ เบสหนักๆมาปั๊กๆๆ ปรับระดับ level ให้เหมาะสม ปรับครอสให้มันเหมาะกับลำโพงหลักของเรา เบสที่มาสัมผัสตัวรับรู้ได้เลยว่า "เถื่อน"
ไม่มีคำว่าสะอาด ไม่มีคำว่าลุ่มลึก หรือประนีประนอม และก็แน่นอนว่าเบสเป็นแบบตู้เปิดจ๋าๆ เลยคือไม่ได้ควบแน่นเป็นลูกๆแล้วกระแทกตูม กระแทกปึ๊กๆ อึกๆลึกๆ แบบตู้ปิดอย่าง SB13ultra แต่อย่างใด  แต่เบสมันจะเป็นแบบ ปัง ตูม กระแทกๆ เหมือนมีคนเอาเหล็กมาตีๆๆๆๆ หนักๆ แต่ข้างในเรายังรู้สึกว่ามันดัง แต่ด้านในยังไม่แน่นมาก แต่เรารับรู้ถึงแรงปะทะ และมันดังอะ (งงมั๊ย)

 - จุดเด่นคือปริมาณเบส เบสที่ได้จากตัวนี้ปริมาณความดัง ความหนัก แรงกระแทกสะใจดีครับ เบสต้นเร็ว หนัก มีปริมาณ และดังในระดับที่ต้องถูกใจคนชอบดูหนัง และชอบเบสแบบหนักๆแน่นอน

 - ความกระชับของเบสนั้นแม้จะเป็นตู้เปิด แต่ตัวนี้ดอกใช้ 10 นิ้ว ไวมาก และกระชับออกมาเป็นลูกดี ไม่แผ่เกินไปและก็ไม่เก็บตัวเร็วเกินไป ยังพอมีหางเบสแผ่ออกมานิดๆ ให้ชุ่มฉ่ำและอิ่มกับเบสได้พอเหมาะ

ถ้าให้เทียบผมขออนุญาติเทียบกับ Klipsch R110SW ที่ราคาพอๆกันนั้น ความกระชับอยู่ในระดับที่พอๆกันเลย แต่ตัว SVS Pb1000 จะกระชับและจังหวะกระแทกเบสต้นจะไว และเก็บตัวเป็นลูกดีกว่า  ส่วนน้ำหนักเสียงและปริมาณนั้นผมคิดว่าพอๆกัน ไม่มีใครกินกันเท่าไร่ แต่ PB1000 อาจจะได้เปรียบกว่าเล็กๆตรงที่ลูกเบสหนักๆ กระแทกๆนั้นดูกระชับและแรงสะใจกว่าในช่วงบางจังหวะ แต่บางช่วงเช่นฉากระเบิดยาวๆ R110SW ก็ดูเต็มอิ่มกว่าในแง่เบสที่แผ่กว่านิดๆ เช่นกัน

 - การฟังเพลง ทำได้ดีมากครับ ขอยืนยันและแปลกใจเล็กน้อยว่า ทำไม SVS ทำซับมาใช้ฟังเพลงเยี่ยมขนาดนี้ ถ้าใครเป็นขาร้อค ขาลูกทุ่ง ขาที่ชอบฟังไลน์เบสดึ้งๆๆๆ เด้งๆ มันๆ  บอกเลยว่า ตัวนี้เบสต้นดี เร็ว ฟังเพลงมันมากครับ


 

ข้อดี
 1. เป็นซับอีกตัวที่ราคาประหยัดดี เสียงเบสแนวรุกเร้า หนัก สะใจ เน้นปริมาณเสียง เขย่าโซฟา เขย่าหน้าต่างได้ดีทีเดียว ถ้าชอบเบสดังๆ หนักๆ ชัดๆตัวนี้ทำได้และทำได้ดีด้วย ถูกใจคอดูหนังที่ชอบเบสหนักๆครับ

 2. ฟังเพลงมีจังหวะดีมากครับ ไลน์เบสเร็วจี๋และเบสต้นเหมือนจูนมาพอเหมาะกับพวกเสียงกีตาร์เบส เสียงกลอง ฟังเพลงแล้วสนุกดี  จริงๆเบสไวจนเกือบจะไวเท่าตู้ปิดบางตัวแล้ว และน่าจะไวเกือบๆที่สุดตัวนึงของซับวูฟเฟอร์ตู้เปิดในราคา 20,000 บวกลบด้วย และมีรูพอร์ทขนาดใหญ่ 3.5 นิ้วไว้ด้านหน้า ทำให้สามารถวางชิดผนังหลังได้ และลมในช่องนี้แรงมาก อันนี้ชอบเป็นการส่วนตัว อิอิ

  3. ข้อนี้ขอชมจากใจจริงครับ ภายใต้ลุคชีป (cheap) และดูลดต้นทุนสุดพลังนั้น เราค้นพบความประเสิรฐมากๆอยู่จุดนึงนั่นคือ ลูกบิดหมุน volmue และลูกบิดอื่นๆเช่น crossover ที่ให้มานั้น มันไม่ใช่ลุกบิดแบบหมุนฟรี แบบตามมือเหมือนยี่ห้ออื่น  แต่มันจะเป้นลูกบิดแบบหมุนแล้วมีจังหวะของมัน แก๊กๆ ไปตามจังหวะที่แบ่งไว้ด้านใน และแต่ละจังหวะเราจะรู้สึกว่ามันเหมือนไขลานนาฬิกา มันดูละเอียด ดูปราณีต ดูงานมันตั้งใจทำ มีเสียงแก๊กๆเบาๆ ให้เรารู้สึกว่า เออ งานเค้าตั้งใจทำ  ไม่ได้ฟรีตามมือไปเหมือนแบรนด์อื่น




 4. ปุ่มปรับเฟส ตัวนี้ให้มาสามารถปรับเฟสได้ละเอียด ไม่ได้ปรับได้แค่ 0 - 180 เหมือนตัวอื่นในราคาเดียวกัน แต่ตัวนี้ปรับเฟสได้ละเอีดยยิบเลยครับ  แม้ตัวปรับจะเป็นปุ่มหมุนอนาล๊อก และไมไ่ด้เป็นดิจิตอลเหมือนพวกรุ่นพี่ๆอย่าง SB13ultra แต่แหมอย่าลืมว่าจ่ายแค่นี้ จะเอาอะไรกันมากมายละครับ แค่นี้ก็ดีแล้ว ให้มากกว่าแบรนด์อื่นด้วยซ้ำไปนะเนี่ย

ในรูปนี้ต่อผิดนะ ดันต่อเข้าช่อง Out แทนที่จะเป็นช่อง In แต่ขี้เกียจถ่านใหม่ละ





ข้อเสีย
 1. งานประกอบดูดิบเหลือเกิน ผิวตู้ดูราคาไม่แพง (ถูก) ดิบจนมาตั้งในห้องอาจจะดูไม่ค่อยเข้ากับลำโพงหลัก ถ้าใครใช้ลำโพงหรูๆตู้ไฮกลอสนี่จะคอนทราสกันมากๆ

 2. ไฟ led แสดงสถานะด้านหน้ามัน dim ไม่ได้ แยงตา

 3. เบสมีความดิบสูง เน้นปริมาณ หนัก ดัง แต่ระดับความแน่น ความสะอาด ยังสู้ตู้ปิดไม่ได้ ถ้าจะเอาตูมและดังสะใจ มันๆ อันนี้ใช่เลย แต่ถ้าต้องการงานละเอียด ลานละเมียดชนิด ตูมแล้ว ดูดเราวูบลงไป แล้วแน่นหน้าอก หวิวๆตอนเบสลึกๆ อันนี้ยังไม่ได้ครับ (ก็ตามราคาอะนะ ซับที่ทำแบบนี้ได้ ผมยังไม่เคยเจอในราคาต่ำกว่า 50,000 สักตัว)



อันนี้ไฟ led มรณะทะลวงสายตา


ซับตัวนี้เหมาะกะใคร

ซับตัวเหมาะมากกับคนที่ไม่มีห้องหับเป็นสัดเป็นส่วน หรือไม่ได้ทำห้องมาเฉพาะเพื่อการดูหนัง แต่ใช้ห้องนั่งเล่นบ้าง ห้องโถงด้านล่างบ้าง ห้องรับแขกบ้าง ห้องนอนบ้างในการนั่งดู พูดง่ายๆก็คือไม่ได้ฟังจริงจังมาก  แต่ต้องการดูหนังให้มันสนุกๆ มันๆ เบสปังๆ ตุบตับๆ ชัดๆ ได้บรรยากาศหนังที่บันทึกมาแบบสะใจๆ
แบบนี้เหมาะครับ เพราะตัว PB1000 มันไม่สามารถพาเราดื่มด่ำไปกับรายละเอียดของเบสที่เล็กๆน้อยๆ แบบแยกแยะดีเทล ความหนักความลึกได้ขนาดนั้น  ถ้าใครใช้ในห้องดีๆจะรู้ว่าเบสมันหยาบและดิบ  แต่สิ่งที่มันให้มาแทนก็คือ เบสแบบมันๆ สะใจๆ หนักๆ โครมๆครามๆ กระชับและไวพอที่จะทำให้ห้องนั่งเล่นที่มีบริเวณกลางๆ สามารถสนุกและมันไปกับการดูหนังฟังเพลงได้พร้อมหน้าพร้อมตา

ดังนั้นมันจึงเหมาะกับนักเล่นระดับ entry level หรือนักเล่นระดับ Mid end ที่ต้องการซับวูฟเฟอร์สักตัวที่คุณภาพดีๆ ไม่แพง และรองรับการอัด แบบหนักๆ เปิดดังๆ เอามันได้ แต่คุณต้องไม่แคร์คุณภาพเบสมาก เพราะเบสมันค่อนข้างดิบ และเถื่อน



อันนี้ท่อพอร์ทระบายอากาศหฤหรรษ์ขนาด 3.5 นิ้วที่สร้างแรงพั๊นซ์ให้กับเราได้อย่างสะใจ



ซับตัวนี้ไม่เหมาะกะใคร

ซับตัวนี้ไม่เหมาะกับชายสูงอายุผุ้ละเมียดละไมกับการฟังเพลงช้าๆ ใสๆ เพลงร้องหวานๆ เนิบๆ เช่นเพลงจีน หรือเพลง Audiophile ทั้งหลายแหล่ที่ต้องการจังหวะจะโคนและบรรยากาศเบสที่เสริมฐานให้เสียงกลางและแหลมดีขึ้น
และก็ไม่เหมาะกับคนที่ชอบเบสแบบแผ่โอบล้อมคลอบคลุมห้องฟัง เช่นเวลานั่งดูคอนเสริท์แล้วรู้สึกมีมวลเบสแผ่มาที่ขา ที่โซฟา ครางเบาๆ เป็นฐานเสียงให้รู้สึกอบอุ่นและฟังเพลงเพราะ
แบบนี้ไม่ใช่ครับ ซับตัวนี้มันไม่ไปทางนั้นเหมือนกับคุณกำลังจะไปเชียงใหม่ แต่ชึ้นรถผิดคันดันลงประจวบไปซะแล้ว  เราขอให้คุณรีบลงจากรถ และเปลี่ยนความคิดไปดูพวกซับยี่ห้ออื่นแทน...



 

สรุป
SVS PB1000  แม้จะไม่ใช่ซับที่ดีที่สุด แม้มันจะมีข้อเสีย แต่มันก็ชัดเจนในตัวมัน ตั้งแต่การออกแบบดีไซน์ตัวตู้ ผิวไม้ที่ใช้ที่ดูดิบเถื่อน และแนวเสียงของมันก็ตรงไปตรงมาเหมือนกับหน้าตา นั่นคือแรง สะใจ เร็ว เหมือนนักมวยตัวเล็กที่ปล่อยหมัดฮุคหนักๆ เร็วๆ หวานไม่เป็น เบาไม่เป็น ช้าไม่เป็น  ถ้าคุณเข้าใจอุปนิสัยใจคอของนักมวยคนนี้ และอยากได้ตู้ซับนิสัยแนวๆนี้ ในงบ 20,000 บาท เราอยากบอกว่า
นี่คือหนึ่งในซับแนวโหดอีกตัวนึงที่คุณต้องหาซื้อมาใช้ เพราะมันคือ One of the best budget subwoofer จริงๆ

 
SVS PB1000 VS Klipsch R110Sw


เอาละ ทีนี้ไฮไลท์ก็มาดูว่า คู่ฟัดของมันตรงๆ อย่าง R11-SW ที่เป็นตู้เปิดเหมือนกัน ดอก 10 นิ้วเหมือนกัน แนวโหดเหมือนกัน  และหน้าตาก็ออกแนวดิบๆเหมือนกัน (แต่ผมว่า PB1000 ดิบกว่า) ตัวไหนดีกว่า ดิบกว่าโหดกว่ากันละ............
ตอบ  พอๆกันอะครับ

ลูกหนัก: PB1000 หนักกว่านิดนึงครับ (กำลังขับแอมป์ในตู้ก็สูงกว่า)

กระชับ: Pb1000 เร็วกว่า กระชับกว่าครับ

ความเต็มอิ่มของเบส: R110Sw ให้เรารู้สึกว่าอิ่มกว่าครับ ด้วยความที่มันมีลูกปลายแผ่นิดๆ ทำให้หลายๆฉากเรารู้สึกว่าเบสมันต่อเนื่อง ไม่ห้วน และไม่ขาด มันออกมาคลอบคลุม จังหวะจะโคนพอเหมาะดี

ฟังเพลง: อันนี้ PB1000 ดีกว่าชัดเจนครับ ทางของเค้าจริงๆ SVS เนี่ย
ความกระทัดรัด: อันนี้ตู้ R110Sw ดูกระทัดรัดกว่า เล็กกว่า เป็นลูกเต๋าเท่าๆกันทุกด้าน ตั้งในห้องแล้วดูดีกว่า (แล้วแต่มุมมอง)


















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 10, 2016, 07:03:55 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


Anthem MRX Series ที่สุดของ AVR สัญชาติอเมริกัน
 
ไม่ต้องกังวลและไม่ต้องเลือกกันอีกต่อไป
ว่าจะเอา AVR ที่เสียงรายละเอียดดี โอบล้อบ แพนเสียงดี แต่ดันเสียงบาง
หรือจะเอา AVR เสียงหนักแน่นแต่รายละเอียดไม่ค่อยดี
หรือจะเอา AVR ที่เสียงจัด ดูหนังมัน เฟี้ยวฟ้าว แต่ดันเสียงจัดเกินไป
 
นี่คือที่สุดของ AVR ที่ผสมข้อดีของ AVR ทุกตัวและให้สิ่งที่คุณต้องการในการดูหนังและฟังเพลงได้ที่สุดเท่าที่ AVR ดีๆตัวนึงจะให้ได้ ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณอะไรกันมากและไม่ต้องเอา feature มาอวดกันให้เยอะแยะมากมาย เพราะนี่คือ AVR ที่มีแต่เนื้อ ไม่มีน้ำ และรองรับทุกอย่างตั้งแต่ระบบเสียงใหม่ๆครบถ้วนทั้ง
DTSX, Dolby Atmos, HDR และ 4K, DTS Play-Fi, DTS Play-Fi, Quad Core Digital Signal Processing, 4 Speaker Profile Memories, ARC (Anthem Room Correction) , HDCP 2.2, 4:4:4 Subsampling at 4K60 (18.2 Gbps)
 


 
จะเอาอะไรอีกทั้งเสียงดี ทั้งครบแบบนี้

ราคา Anthem MRX1120:
http://www.whatthatsound.com/product/432/anthem-mrx1120
ราคา Anthem MRX720: http://www.whatthatsound.com/product/433/anthem-mrx720
ราคา Anthem MRX520: http://www.whatthatsound.com/product/434/anthem-mrx520
 
ราคาและสเปก AVR Anthem MRX ทั้งหมดดูได้ที่นี่ครับ: http://www.whatthatsound.com/category/92/anthem/mrx-series


























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 12, 2016, 09:11:06 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


สาย Subwoofer Tara Labs คุณภาพสูงผลิต Made in USA (Oregon) ใช้วัสดุ SA-OF8N conductor คุณภาพสูง

มีสินค้า Tara Labs ให้เลือกและสั่งซื้อได้แล้ว
** เหมาะสำหรับซับวูฟเฟอร์ระดับกลางไปจนสูง

ราคา Tara Labs: http://www.whatthatsound.com/category/91/tara-labs/subwoofer-cable-3

Apollo Sub
RSC® Sub
ISM Sub
Apollo Sub Y-Cable 1F>2M (6")
RSC® Sub Y-Cable 1F>2M RCA (6")
ISM Sub Y-Cable 1F>2M (6")











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 12, 2016, 09:16:03 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Parasound A23 ตัวนี้ไปให้ลูกค้าที่รามคำแหงครับ

ลูกค้าสั่งไปใช้เพราะเดิมใช้ Onkyo 5010 รุ่นใหญ่ขับกับ Kef Q900 แล้วรู้สึกว่าป๋อแป๋ๆ เบสไม่ค่อยมี เสียงดูท่าจะขับไม่ออก
เลยสั่ง power amp ราคาประหยัดตัวนี้ไปลอง  ผลออกมาว่า หลังจากลองเสียงแล้ว เสียงแน่นปึ๊ก เบสแน่น เสียงร้องเด่นขึ้นมา เปิดได้ดังโดยไม่รู้สึกรำคาญหรือหนวกหู (ถ้าแอมป์ขับลำโพงไม่ค่อยออก ยิ่งเร่งจะยิ่งหนวกหูและทนฟังไม่ได้นาน)

Power amp A23 ตัวนี้สรรพคุณเป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่า เป็นแอมป์สองแชนแนลกำลังขับ 125 วัตต์จาก Parasound เหมาะกับการไปใช้จับคู่กับภาคปรีดีๆ สำหรับใช้ฟังเพลง เพราะโทนเสียงของ A23 พริ้วฉ่ำกำลังดี มีกำลังพอสมควร มีความเป็นดนตรีสูง มีDynamic ดี เนื้อเสียงกลางๆ เบสไม่หนาหรือมากมายจนมากเกินไป โทนัลบาลานซ์ดี เบสมีคุณภาพ
หรือใครจะเอาไปดูหนังก็ดีและน่าใช้มากๆครับ

ปล บ้านเราเอาเข้ามาแต่ตัวถังสีเงินตามรูปจริง 3 รูป ด้านล่าง ส่วนรูปตัวอย่างสีดำเป็นรูปจากต่างประเทศ


ราคาและสเปก Parasound A23: http://www.whatthatsound.com/product/292/parasound-a23














« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 12, 2016, 09:26:22 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Kef LS50 Wireless นิยามของการฟังเพลงแบบเซียน แต่ไม่ต้องใช้แอมป์



 
Kef LS50 Wireless

ก่อนนั้นพอพูดถึงฟังเพลงแบบจริงจัง แบบ audiophile ก็ต้องใช้แอมป์ (int amp) แพงๆ ราคาระยับพอๆกับราคาตัวลำโพงถึงจะฟังดี ฟังเพราะ  พอใครบอกว่าอยากได้ลำโพงแบบใช้แอมป์ในตัว ไม่อยากใช้แอมป์มาขับก็โดนเบ้ปาก กรอกตาบนใส่ โดนยี้ว่าไอ้นี่เล่นไม่เป็น ฟังเพลงแบบนี้ไม่ได้คุณภาพ สู้แบบใช้แอมป์ไมไ่ด้ ไหนเลยจะสู้การแมทชิ่งลำโพงกับแอมป์ดีๆได้ละ  ก็ไม่เถียงครับ

แต่วันนี้เรามีสินค้าใหม่ล่าสุดกับ Kef LS50 ที่ทุกคนรู้สรรพคุณกันเป็นอย่างดีว่ามันฟังเพลงดีระดับไหน  และแถมยังมาพร้อมกับฟังชั่นไร้สาย และแน่นอนว่าพอไร้สาย ก็ต้องมาพร้อมกับความเป็น Active Speaker หรือมีแอมป์ในตัวนั่นเอง เสียบปลั๊กไฟ 220 v ก็พร้อมใช้งานได้ทันที


 

คราวนี้มาพร้อมกับหน้าตาด้านหน้าที่ละม้ายของเดิมแต่เพิ่มเติมด้วยฮีทซิ้งที่ด้านหลัง และฟังชั่นการควบคุม ปุ่ม และเมนูต่างๆที่แตกต่างไปจากเดิมชนิดที่ดูแปลกตาพอสมควร และที่สำคัญที่สุด งานนี้มีช่องต่อ Subwoofer out มาให้ด้วย (คล้ายๆ klipsch r15pm) ใครอยากเสริมความถี่ต่ำ เอาซับดีๆแพงๆมาใช้คู่กันก็สามารถทำได้ตามต้องการ (แนะนำซับตู้ปิด เร็วๆเสียงกระชับๆจะเข้ากันมาก)
 
Kef LS50 Wireless ประกอบไปด้วย 3 สีด้วยกัน
 
  1. Titanium Grey/ Red (สีใหม่)
  2. Gloss Black/ Blue
  3. Gloss White/ Copper (สีใหม่)

 



งานนี้บริษัทผู้นำเข้าแย้มราคามาว่า ราคาอาจจะสูงกว่าตัว LS50 ธรรมดาอยู่พอประมาณ (ซึ่งก็เข้าใจได้ เพราะไม่ต้องใช้แอมป์อะไรเลย เสียบปลั๊กใช้ได้ทันที) ส่วนราคาจริงๆ รอชมกันช่วงปลายปี หรือต้นปีหน้าพร้อมกับยลโฉมของจริงพร้อมกันครับ
 
สเปกคร่าวๆมีดังนี้
   - ดอกวูฟเฟอร์ 5.25 นิ้ว และทวีตเตอร์ 1 นิ้ว
   - ให้ความดังสูงสุดที่ (SPL) 106dB
   - กำลังขับ LF: 200W HF: 30W
   - DAC ในตัวรองรับความละเอียดสูงสุด Up to 24bit
   - ช่องต่อรองรับ
       Wifi 2.4GHz/5GHz Dual-band
       Bluetooth 4.0 with aptX® codec
       USB Type B ต่อคอม
       TOSLINK Optical ต่อทีวี
       RCA Analog Line Level Input ต่อเครื่องเล่น dvd, bluray
       10/100 Mbps RJ45 Ethernet (For network and service)
 
   - ขนาด 300 x 200 x 308mm (11.8 x 7.9 x 12.1in.)
   - น้ำหนัก ซ้าย 10.0kg, ขวา 10.2kg

























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 14, 2016, 09:27:31 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
บรรยากาศจัดส่ง Yamaha Aventage 3060 ตัวเป็นๆ ใหม่ล่าสุด


 

       จัดส่ง AVR Yamaha Aventage 3060 รุ่นท๊อปใหม่ล่าสุด ไปให้ลูกค้าที่กาญจนบุรีครับ (ลูกค้ามารับเอง) ตัวนี้เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดสดๆร้อนๆ รองรับ DTSX และ Dolby atmos มาในตัว ไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว ใช้งานได้เลย
ส่วนพละกำลังก็รองรับ 150 W per channel (8 ohms) 9.2 channels (ต่อแบบมีไฟได้สูงสุด 9 แชนแนล)
และรองรับภาค pre 11.2 channels (ต่อ Power นอกได้สูงสุด 11 แชนแนล)

--------------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้ได้ที่นี่: https://goo.gl/ZcGolb
--------------------------------------------------------------------



 
ตัวนี้สรรพคุณคงไม่ต้องพูดถึง แฟนๆในไทยคงทราบดีถึงคุณภาพของบรรยากาศไม่ว่าจะรายละเอียดปลายแหลม ระยิบระยับ และการแพนเสียงรอบทิศทางที่ทำได้ค่อนข้างดีกว่ายี่ห้ออื่นๆ
จะมีข้อเสียเดียวที่แฟน yamaha อาจจะด้อยกว่ายี่ห้ออื่นนิดเดียว (แต่ปรับเซ็ทได้) นั่นคือเรื่องพละกำลังและความหนักแน่น ความถี่่ต่ำแบบดั้งเดิมถ้าไม่ปรับเซ็ทอัพดีๆ แนวเสียงอาจจะรู้สึกว่าแน่นน้อยกว่าแบรนด์อื่นนิดหน่อย แต่ถ้าปรับให้ดีและถูกต้องแล้วจะพบว่าบรรยากาศการดูหนังนั้นไม่เป็นสองรองใครครับ

 
ราคา Yamaha Aventage 3060: http://www.whatthatsound.com/product/404/yamaha-aventage-rx-a3060

 





















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 15, 2016, 08:32:55 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


Power และ Pre-Processor Anthem มากันครบทุกรุ่นแล้วครับ ไม่ว่าจะซีรี่ย์ MCA series, P series, PVA series
ในบ้านเราก็น่าจะทราบกันดีว่า Anthem ขึ้นชื่อเรื่องอะไร ไม่ว่าจะเป็น AVR หรือ Power คุณภาพที่ไม่ต้องพูดให้เยอะ เพราะไม่ว่าจะเป็นความหนักหน่วง พละกำลัง และคุณภาพและรายละเอียดของเสียงนั้น เชื่อขนมยายกินได้ว่า Power amp ของ Anthem จากอเมริกาแบรนด์นี้ จะไม่ทำให้ใครผิดหวังแน่นอน

P Series: 325 watts
MCA Series: 225 watts
PVA Series: 125 watts

ราคา Anthem Power amplifier:
http://www.whatthatsound.com/category/93/anthem/power-amp-2

ราคา Anthem Pre-Processor: http://www.whatthatsound.com/category/…/anthem/pre-processor

ราคา Anthem AVR MRX Series: http://www.whatthatsound.com/category/92/anthem/mrx-series






































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 15, 2016, 09:00:06 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Klipsch R15PM ลำโพงแบบ active ไม่ต้องใช้แอมป์ ต่อบลูทูธได้ และ Subwoofer Klipsch R115SW ยักษ์ใหญ่จอมพลังตัวนี้ให้ลูกค้าแถว พุทมณฑลสาย 3 ครับ

คู่นี้ลูกค้าเอาไปใช้ด้วยกัน เนื่องจาก Klipsch R15pm มีช่อง subout ให้มาด้วย ทำให้สามารถต่อซับอะไรก็ได้ในโลกนี้ (ที่เป็น active sub) จะเอาซับราคา 2 แสนมาต่อก็ได้
ซึ่งลูกค้าเลือก Klipsch R115SW รุ่นใหญ่สุดในซีรี่ย์ของ Klipsch subwoofer มาใช้ร่วมกัน

ตัว Klipsch R15PM ในกล่องมีสาย rca, สายลำโพงซ้ายขวาแถมมาให้เสร็จสรรพ  หลังจากต่อเสร็จเรียบร้อย ลูกค้าแจ้งว่า ซับเสียงตึ๊บ แน่นมาก....

สำหรับใครที่อยากเล่นง่ายๆ อยากจะซื้อแค่ลำโพง ไม่อยากเสียเงินไปซื้อแอมป์อีกให้มันมากมาย  ก็มีทางเลือกให้ลองพิจารณากันดู กับ Klipsch R15PM + Klipsch Subwoofer หรือจะจับกับ SVS ก็เข้ากันเป็นอย่างดี
ง่ายตรงที่เสียบ optical กับ TV ได้เลย ต่อ usb กับคอมก็ได้ จะต่อ minijack กับโทรศัพท์ก็ได้หรือจะต่อบลูทูธก็ยังได้นะ




ราคา Klipsch R15PM: http://www.whatthatsound.com/product/330/klipsch-r-15pm

ราคา Klipsch Subwoofer: http://www.whatthatsound.com/category/4/klipsch/klipsch-subwoofer

ราคา SVS Subwoofer: http://www.whatthatsound.com/category/75/svs-subwoofer




























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 15, 2016, 11:03:09 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
บรรยากาศสวยๆของชุด Klipsch Reference Premier ชุดเล็กๆแต่อบอุ่นและใช้งานได้จริง


 
-------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้ที่เว็บไซต์เราได้ที่นี่: https://goo.gl/fL9Z66
-------------------------------------------------------

เอารูปบรรยากาศชุด Klipsch Reference Premier ชุดเล็กๆ สวยๆมาฝากกันครับ
ชุดนี้ถ้าใครจำได้ ชุดนี้เป็นชุดที่ลูกค้ามาหิ้วไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน และก็เอาไปติดตั้งเองที่อุทัยธานี้นั่นเอง (ชุดนี้: https://goo.gl/0Odyxs)

โดยวันที่ลูกค้ามาซื้อไปนั้น ห้องลูกค้ายังทำไม่เสร็จ และอยู่ในระหว่างต่อเติมและกำลังทำกันอยู่  จึงได้แค่แนะนำว่าควรใช้ลำโพงแบบใด ติดตรงไหนได้คร่าวๆ แต่ยังไม่ได้ลงมือติดตั้งกันจริงๆเป็นเรื่องเป็นราว

วันนี้ลูกค้าห้องเสร็จแล้ว ติดตั้งเสร็จแล้ว แม้ห้องจะใหญ่ไปซักหน่อยเมือเทียบกับขนาดลำโพง แต่ก็เป็นความตั้งใจแต่แรกของลูกค้าและครอบครัวที่อยากได้ชุดเล็กๆไม่ต้องใหญ่มาก และเสียงก็ไม่ต้องถึงเต็มระบบ เสียงตึ๊บแบบห้องปิด โดยลูกค้ายอมรับได้ในข้อบกพร่องของห้องที่มีกระจกขนาดใหญ่ และมีพื้นที่ค่อนข้างเปิดโล่งเช่นนี้เพราะการใช้งานนั้น ลูกค้านำไปต่อกับ True vision ใช้ดูข่าว ดูทีวี ฟังเพลงทั่วๆไป และดูหนังผ่าน Bluray บ้างในบางครั้ง  ดังนั้นการใข้งานในห้องนี้จึงเป็นลักษณะกึ่งๆ live และห้องของครอบครัวที่มาใช้งาน และใช้พื้นที่ร่วมกัน มากกว่าห้องดูหนัง 100% ครับ




โดยชุดของลูกค้าประกอบไปด้วย
------------------------------------------------------------------
  - Klipsch RP150M
   - Klipsch RP250C
  - Klipsch RP240S (ตัวนี้ของหมด รอจัดส่งให้ลูกค้าทีหลัง)
  - Klipsch R112SW
  - Onkyo 656
  - สายลำโพง AR แบบแพ๊ก 15 เมตร 1,000 บาท
  - สาย Canare 4S8 10 เมตร
  - สายซับ Inakoustik 3m

--------------------------------------------------------------------
 
ซึ่งเราเห็นชุดแบบนี้แล้ว เราก็ต้องบอกว่าเรื่องของการเล่นเครื่องเสียง ไม่ว่าจะ Home Theater หรือชุดฟังเพลงก็แล้วแต่ ลึกๆ และสุดท้ายแล้วมันก็อยู่ที่ความพอใจของตัวผู้เล่นเป็นสำคัญครับ ถ้าเราจะให้มันดีที่สุด ก็ต้องถามว่าจุดที่ดีที่สุดอยู่ตรงไหนละ ที่งบประมาณ หรือที่ห้อง หรือที่เสียงดีที่สุดที่เราพอใจ?  บางคนก็พอใจแค่เสียงพอประมาณ แต่แคร์การใช้งาน คนในครอบครัวต้องใช้งานได้ และดูดี ไม่รู้สึกว่าอึดอัด
บางคนก็ต้องการบรรยากาศแบบในโรงหนังเลย มีจอ ห้องคุมแสงทั้งหมด




ทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้ สุดท้ายจบที่ความพอใจครับ เราอาจจะต้องตั้งโจทย์ในใจก่อนว่า   แท้จริงแล้วนั้น เราต้องการอะไรจากการเล่นเครื่องเสียงกันแน่ เสียงที่ดีที่สุด บรรยากาศ หรือต้องการทั้งสองอย่าง แล้วเราก็มาตั้งงบประมาณที่เหมาะสม แล้วค่อยมาหาหนทางที่คุ้มค่า ประประนีประนอม และได้ตรงใจเรามากที่สุดครับ..

ราคา Klipsch RP150M: http://www.whatthatsound.com/product/18/klipsch-reference-premier-rp-150m
 
ราคา Klipsch RP250C: http://www.whatthatsound.com/product/17/klipsch-reference-premier-rp-250c
 
ราคา Klipsch RP240S: http://www.whatthatsound.com/product/20/klipsch-reference-premier-rp-240s
 
ราคา Klipsch R112SW: http://www.whatthatsound.com/product/4/klipsch-r-112sw
 
ราคา Onkyo 656: http://www.whatthatsound.com/product/401/onkyo-tx-nr656
 
สายแพ๊ก AR 15 เมตร: 1,000 บาท
 
สาย Inskoustik subwoofer 3m: http://www.whatthatsound.com/product/387/inakustik-subwoofer-cable-3m-1%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%812






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2016, 10:17:20 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


ผลิตภัณฑ์ใหม่ เตรียมเปิดตัวในเร็วๆนี้จาก Klipsch (เปิดตัวในงาน cedia 2016 ไปแล้ว)
มีอะไรบ้างก็ดูเอาเองตามรูปเลยครับ อยากได้ตัวไหนกันบ้างครับ?
 
รายละเอียดขออุบไว้ก่อน แต่ที่แน่ๆ สินค้าบางตัว ผู้นำเข้าเตรียมเอาเข้ามาจำหน่ายให้ได้เป็นเจ้าของกันแล้วแบบง่ายๆสบายๆ เร็วๆนี้ ส่วนสินค้าทุกตัวของ klipsch ก็สามารถสั่งได้เช่นกันครับ




สินค้าที่น่าสนใจเช่น
 - The One ลำโพงในซีรี่ย์ Heritage ที่ให้อารมณ์วินเท้จ วินเทจ ไม่ว่าจะเป็นผิวไม้จริง และปุ่มหมุนสีทองแดงที่บ่งบอกเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ รวมถึงให้ความหรูหราและดูทรงคุณค่าในแบบวินเทจอีกด้วย อ้อเกือบลืม นี่เป็นลำโพง wireless นะครับ ไม่ต้องใช้สายลำโพง มีแอมป์ในตัวอีก
 
 - และก็มีลำโพง in-ceiling เวอร์ชั่นใหม่ที่ออกแบบมาบางพิเศษ
 
 - และก็ลำโพง out door เท่ๆ ที่สามารถทนแดดทนฝน สำหรับติดตั้งนอกอาคาร
 
 - และก็มีลำโพง La Scala II รุ่นพิเศษ Limited edition ที่ค่อนข้างแน่นอนว่าจะไม่เข้ามาจำหน่ายในไทยอีก...

ติดตามชมกันครับว่าบ้านเราจะนำสินค้าตัวไหนเข้ามาจำหน่ายได้ เร็วๆนี้....












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2016, 10:59:29 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


ส่ง Pioneer LX77 ให้ลูกค้าที่สายไหมครับ (ของใหม่ค้างสต๊อก ขายลดราคาพิเศษ)
ตัวนี้ลูกค้าหาแอมป์ใหม่ ไม่เน้น DTSX, Dolby Atmos เอาไปใช้กับ Bose ที่เสียงออกจากกว้างๆ มีความเป็นดนตรีสูง ฟังสบายๆ พอได้ AVR Pioneer  ที่กำลังขับดีกว่าแอมป์ตัวเดิมของลูกค้า และบุคลิกเสียงจัดจ้านไปช่วยเพิ่มสีสัน ก็ช่วยให้บรรยากาศการฟังเพลงและดูหนังในบ้านดูสนุกสนานและไพเราะขึ้นครับ
ตัวเครื่องใหม่แกะกล่องไม่เคยใช้งาน แต่ค้างสต๊อกขายไม่ออก เหลือตัวเดียวจึงเอามาลดราคาพิเศษ





ตอนนี้เหลือของใหม่ค้างสต๊อกอีก 4 ตัวดังนี้

AVR Pioneer LX57 ของใหม่ยังไม่แกะกล่อง มือหนึ่ง ค้างสต๊อก ราคา 26,900
ส่งได้ทั่วกทม เก็บปลายทางได้ มารับเองได้ที่นนทบุรี

AVR Pioneer vsx923 ของใหม่ยังไม่แกะกล่อง มือหนึ่ง ค้างสต๊อก ราคา 13,900 ส่งได้ทั่วกทม เก็บปลายทางได้ มารับเองได้ที่นนทบุรี

AVR Pioneer vsx524 ของใหม่ยังไม่แกะกล่อง มือหนึ่ง ค้างสต๊อก ราคา 9,900 ส่งได้ทั่วกทม เก็บปลายทางได้ มารับเองได้ที่นนทบุรี

AVR Sony STR-DB1080 ของใหม่ยังไม่แกะกล่อง มือหนึ่ง ค้างสต๊อก ราคา 7,900








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 24, 2016, 02:43:44 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


จัดส่ง Klipsch RC-64 II ลำโพงเซ็นเตอร์รุ่นใหญ่สุด made in USA ตัวนี้ไปให้ลูกค้าที่ดอนเมืองครับ  ด้วยจรรยาบรรณจึงขอเซ็นเซอร์ลูกค้าไว้

สำหรับใครที่ชอบเซ็นเตอร์ตัวใหญ่ๆ เสียงแนวดูหนัง ตัวนี้เป็นลำโพงบ้านที่ให้เสียงแนวดูหนังได้ใกล้เคียงลำโพงแนว thx ที่สุดตัวนึงแล้ว   และต้องอธิบายนิดนึงว่าแนวเสียงของ Klipsch RC-64 ii เป็นแนวชัด สด ให้เสียงตามจริงเท่าที่หนังบันทึกมา  ชัดจนละเอียดยันแก้วเสียง  แรงปะทะดี เร็ว ชัดเจน
แต่ถ้าใครคาดหวังแนวเสียงใหญ่โต อวบหนา อิ่มเอิบ เสียงหนาเกินกว่าปกติ และชอบแบบนั้น  ตัว rc-64 ไม่ใช่แนวนั้นนะครับ

ราคา Klipsch RC-64 ii black: http://www.whatthatsound.com/product/22/klipsch-reference-rc-64-ii-black


















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 29, 2016, 05:36:21 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


ส่ง SVS SB2000 ไปให้ลูกค้าแถวนวมินทร์

SB2000 เป็นซับตู้ปิด ราคากำลังดี ไม่แพงเกินไป แถมตัวตู้เป็นผิวเปียโนไฮกลอสดูหรูหราไฮโซ

แนวเสียงก็น้องๆ SB13Ultra แต่ย่อมกว่า เป็นสไตล์ตู้ปิด กระชับ เก็บตัวเร็ว ว่องไว สะอาด อึกๆอั้กๆ ไม่รู้จักคำว่าแผ่

ปล. รูปซับใช้รุปแทนจากลค. ท่านอื่น

ราคา SVS SB2000: http://www.whatthatsound.com/product/319/svs-sb-2000










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 30, 2016, 01:16:20 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


Anthem AVM60 VS. Kef R-Series

วันนี้มีโอกาสได้นำสุดยอด Pre-Processor ในตำนานที่เพิ่งออกรุ่นใหม่มาเมื่อปีที่แล้ว นั่นก็คือ Anthem AVM60  และลำโพง Kef ในตระกูล R-Series มาติดตั้งและได้เซ็ทเสียง รวมถึงได้ลองฟังเสียงของชุดนี้กันแบบเต็มๆมาฝากครับ

------------------------------------------------------------------
อ่านบทความนี้เต็มๆได้ที่นี่: http://www.whatthatsound.com/article/194/anthem-avm60-vs-kef-r-series
------------------------------------------------------------------

ซึ่งบทความนี้เราจะไม่เยิ่นเย้อกันให้มากความ ก็เริ่มกันเลยแบบเร็วๆดังนี้


KEF R-Series


Kef เป็นลำโพงจากประุเทศอังกฤษที่เสียงไม่ค่อยจะอังกฤษเท่าไร่ เพราะว่าส่วนใหญ่ลำโพงจากฝั่งนี้นั้น เสียงส่วนใหญ่จะออกแนวละเมียดละไม พริ้วไหวดุจใบไม้ร่วง หวานซึ้ง ขับยากจนท้อใจ
แต่สำหรับ Kef R นั้นแปลกออกไป เพราะแนวเสียงของลำโพงนั้น จะว่าหวานก็ไม่หวาน จะว่าดุดันก็ไม่ดุดัน  คือมันออกมาในแนว "ผู้ดี" เสียงจากลำโพงให้เสียงที่ละเอียด ชัด เร็ว กระชับ และดีเทลสุดๆ


 

หากคุณนึกไม่ออกว่าผู้ดีนี่มันเสียงยังไง ผมจะยกตัวอย่างอะไรที่ทำให้คุณเข้าใจง่ายๆ นั่นคือ
ลำโพงเสียงหนัก เสียงจัด เฟี้ยวห้าว มีสากเสี้ยนคม แข๊งแต่ดูหนังสนุก เช่น Klipsch
ลำโพงที่เสียงอวบอ้วน หนา ใหญ่ ช้า จังหวะเบสเนิบนาบนุ่มนวล เช่น Polk
ส่วน Kef R-Series ที่เราพูดถึงอยู่นี้ จะเป็นอะไรที่ เร็ว กระชับ เบสของ Kef นั้นสะอาด ฟังรื่นหู เหมือนเราเคาะอะไรที่เร็ว และชัดเจน ในจังหวะที่น้ำหนักมันพอดีๆ ไม่ฟาดหนักเหมือน Klipsch และก็ไม่ใหญ่จนฟาดช้า หนืดหน่วงเหมือน polk

ส่วนเสียงในย่านอื่นๆนั้นมีความสะอาดและให้รายละเอียดได้ดีมาก และนี่คือข้อดีของ Kef R เสียงที่ได้มีรายละเอียดสูงในแบบที่ไม่กัดหู  เสียงตอดเล็กๆน้อยๆในดนตรี หรือภาพยนตร์ที่ถ้าเป็นลำโพงตัวอื่นเช่น polk คุณอาจจะได้ยินไม่ชัด  เจ้าตัว Kef R นี้มันให้คุณได้ยินออกมาได้แบบเป็นชั้นๆ แยกแยะออกมาได้ดี เป็นกลาง และรื่นหู


ข้อเสียของมันมีอยู่บ้าง นั่นก็คือพอลำโพงมันให้ดีเทลเยอะๆ แต่มันเสียงไม่หวานเหมือนลำโพงอังกฤษอื่นๆ มันก็ฟังเหมือนจะติดไปทางขี้ฟ้องและดิจิตอลหน่อยๆ
ซึ่งลำโพง Kef R ราคาค่อนข้างค่อนไปทางสูง ทำให้คนที่จะซื้อลำโพงรุ่นนี้ไปฟัง คงต้องเป็นคนที่เป็นผู้ใหญ่หน่อย และคนที่ผู้ใหญ่หน่อยเค้าก็น่าจะชอบอะไรพวกหวานๆ  นั่งสูบซิการ์ จิบไวน์หวานๆ นั่งฟังเพลงช้าๆ มองตู้ลำโพงไม้สวยๆแนววินเทจ เช่นพวก B&W, Proac อะไรพวกนี้ไปซะมากกว่าที่จะมาใช้ลำโพงที่ทำตู้แบบ piano black ผิวไฮกลอส ดูหรูหราและทันสมัย ออกแนวดิจิตอล ให้เสียงรายละเอียดสูง ชัดเจนแบบ Kef R

และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ลำโพง Kef R มันมีจุดเด่นทางการตลาดที่ไม่ชัดเหมือนกับพวกลำโพงสายหวานจากฝั่งอังกฤษตัวอื่นๆ  แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น Kef R ก็ยังพอมีฐานแฟนๆในบ้านเราอยู่พอสมควร เพราะจุดเด่นและคุณงามความดีของมันก็มีมากพอที่จะทำให้เราหลงรักได้อยู่ เช่น  งานประกอบที่สุดจะเนี้ยบ สวย  ตอนแกะกล่องลำโพงออกมาทีมงานถึงกับน้ำลายไหล เพราะตู้มันเงา สวยมาก เนี๊ยบมากครับ งานประกอบดูดี ไม่มีอะไรหลุดหรือดูไม่เรียบร้อยเลย
ในกล่องแถมอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นฐานของมันที่ดูหรูหราไฮโซ ประกอบกับตัวตู้แล้วแน่นหนาและเพิ่มมูลค่าราคาให้ลำโพงได้อีกหลายเท่าเลยครับ


 

Anthem Avm60


Anthem ผู้ผลิตสัญชาติอเมริกันชื่อนี้ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าคุณภาพนั้นเป็นยังไง  และแน่นอนว่าสินค้าจากฝั่งนี้นั้นเค้าเน้นอะไร แนวไหน  ซึ่งในเมืองไทยนั้น pre ตัวนี้หาคนเล่นและหารีวิวหรือแม้แต่หาลองฟังยากมากๆครับ สาเหตุก็เพราะราคาค่าตัวของ pre ตัวนี้นั้นขึ้นไปเทียบชั้นกับ pre แพงๆไฮเอ็นท์อีกหลายตัวและในบ้านเราก็มี Marantz 8802A ที่ราคาก็ย่อมกว่าหลายหมื่นอยู่ จึงทำให้สาวก pre-pro ทั้งหลายเบนเข็มมุ่งหน้าสู่อ่าวไทย เอ้ยมุ่งหน้าสู่ดินแดนของอาทิตย์อุทัยไปเล่น Marantz 8802A และรุ่นราคาประหยัดอย่าง 7702 MKii กันซะส่วนใหญ่  (anthem ไม่มี pre รุ่นประหยัดขาย)

Anthem เป็นผู้ผลิต AVR, Power amp, Pre-Pro คุณภาพสูงที่ให้กำลังขับ กำลังสำรองที่สูงมาก  ให้น้ำเสียงที่เหมือนกับเอาข้อดีของแอมป์ญี่ปุ่นหลายๆยี่ห้อมารวมกันไว้ในบอดี้เดียว
หากใครติดใจกับคุณภาพเบสแน่นๆ หนักๆ กระชับๆ ของแอมป์ราคาถูกอย่าง Harman Kardon ที่ใครๆก็บอกว่า มันคือ AVR ของคนที่ไชอบบริโภคเบสเป็นอาหารอย่างเดียวรายละเอียดไม่ต้อง เอาแต่เนื้อไม่เอาน้ำ เสียงทึบ ห่วย เสียงมีแต่เบส บลาๆๆ




และอีกฝากฝั่งทาง Yamaha ที่ให้รายละเอียดดี ชัดเจน การโยนเสียงแต่ละแชนแนลยอดเยี่ยม แต่พละกำลังนั้นก็ไม่ค่อยจะดี แถมเบสและแรงปะทะ อิมแพคต่างๆ ก็อาจจะด้อยกว่าแบรนด์อื่นสักเล็กน้อย

และอีกฝั่งอย่าง Pioneer ที่ให้เสียงแนวดูหนังที่จัดจ้าน เฟี้ยวฟ้าว ก้าวร้าวเหมือนเด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าที่จะพูดอะไรกับใครแต่ละทีก็มีแต่ ว้าก ไม่มีความนุ่มนวล อ่อนโยน แต่ดูหนังสะใจ แสบหูพอได้

ข้อดีของ AVR ที่กล่าวมาข้างบนถูกเอามารวมเป็นบุคลิกและเอกลักษณ์ของ Anthem หมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเสียงเบสที่หนักหน่วงสไตล์อเมริกันที่คนบริโภคเบสเป็นอาหารจะไม่บ่นเมื่อได้ลอง  และเสียงรายละเอียดกรุ้งกริ้ง การแยกแยะเสียงในแต่ละแชนแนลที่สุดยอด รวมไปถึงความดุดันที่ไม่ลืมใส่เข้าไปเพื่อเติมให้เสียงที่ได้ในแต่ละย่านมีความอิ่ม หนา ดุดันฟังสนุก
แนวเสียงแบบนี้ติดตัวมาใน Anthem ตั้งแต่ AVR รุ่นเล็กสุดไปยัน Pre-Pro รุ่นสูงสุดของเค้า เป็นอัตลักษณ์ที่พอพูดถึง Anthem ก็ต้องทำให้เรารู้สึกว่า ดูหนังสนุก มัน ฟังเพลงได้ดีด้วย

ส่วนหน้าตาของ pre avm60 ดูในรูปบอดี้มันดูมีเม็ดๆ เหมือนสนิม แต่พอเห็นตัวจริงมันสวย ไฮโซ ดูมีราคามากๆครับ คือตัวบอดี้ใช้วัสดุอะไรไม่ทราบที่มีดีเทล มีเม็ดเล็กๆคล้ายๆกับโลหะที่ทำให้มีรายละเอียดขึ้นมา
ส่วน Power pva5 หน้าตาเรียบๆ ดูเรียบร้อยและดูไฮโซไปอีกแบบครับ




แกะกล่อง

เราได้มีโอกาศเอาชุด Kef R-Series และ Pre-Pro, Power Anthem ไปส่งลูกค้าที่แถวๆนวมินทร์  รวมถึงติดตั้ง และเซ็ท และลองฟังกันทั้งวันตั้งแต่ 9.00 เช้ายัน 22.00 (สี่ทุ่ม) ซึ่งต้องขอขอบพระคุณลูกค้าท่านนี้มากๆที่ให้โอกาศเราได้เข้าไปและถ่ายทอดบรรยากาศสนุกๆและสวยๆครั้งนี้

เริ่มต้นกันตั้งแต่เช้า เราขนของเข้าบ้านลูกค้าซึ่งประกอบไปด้วยชุดดังนี้


-------------------------------------------------
 - Kef R500
 - Kef R200C
 - Kef R100
 - Kef Ci200CR (Atmos) x 2
 - Pre Anthem AVM60
 - Power Anthem PVA5 (ใช้ขับ surround)
-------------------------------------------------
ของเดิมลูกค้า
 - Power Emotiva XPA5 Gen1 (ใช้ขับคู่หน้าและ Surround)
 - Oppo 103D
 - Dune
 - Projector Sony HW45ES
 -จอ supernova

เข้าไปในบ้านลูกค้า  ก็เริ่มงานกันทันทีไม่ว่าจะเป็นงานติดตั้ง เจาะลำโพง Atmos เดินสายขึ้นฝ้า ติดตั้งแขวนลำโพงเซอราวด์ ลากยาวไปกว่าจะเสร็จก็เกือบเย็นย่ำ
ซึ่งต้องบอกว่าห้องลูกค้านั้นมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ขนาดประมาณ 3.00 เมตร * 5.5 เมตร  สภาพห้องมีลำโพงชุดเดิมอยู่แล้ว แต่เปลี่ยนใหม่หมดทั้งชุดมาเป็น 7.1.2 แชนแนล


 

ระหว่างติดตั้งกันไปเราก็ลองต่อลำโพงกับ pre anthem กับ power anthem เพื่อลองเสียงก่อน พบว่าเสียงที่ได้จากการฟังเพลงนั้นฟังดี ชัดเจน มีจังหวะจะโคนจนน่าตกใจ  แต่หลังจากตกลงกับลุกค้าแล้วว่า เราจะใช้ Power emotiva เป็น power หลักใช้ขับลำโพงคู่หน้าและเซ็นเตอร์ทั้งหมด เพราะมีกำลังมากกว่า และวัตถุประสงค์ของลูกค้านั้นเน้นดูหนังและชอบเสียงดุดัน  เราจึงเห็นตรงกันว่า เอ้าให้ emotiva  เป็นพระเอกไปละกัน

ส่วน power anthem pva5 กำลัง 125 วัตต์นั้นเราจะให้เป็นพระรอง ทำหน้าที่ขับลำโพงเซอราวด์หลังและลำโพง atmos ไป




ลองฟัง

ขอว้าปไปตอนเสร็จแล้ว และลองฟังเลยละกัน นาทีแรกที่เราเปิดฟังเราทุกคนพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า เชี่ย.....  ขออภัยที่ไม่สุภาพครับ  สาเหตุเพราะเราเปิดเพลงเดียวกับตอนแรกที่เราใช้ pre anthem avm60 คู่กับ power anthem pva5 ซึ่งตอนแรกนั้นเสียงค่อนข้างมีรายละเอียด นุ่มนวลชวนฝัน ฟังเพลงดีมากมายจนเคลิ้ม ว่านี่เราใช้ปรีดูหนังมาฟังได้ดีขนาดนี้เลยเหรอว่ะเนี่ย

ตอนนี้ขออนุญาติกลับคำ pre anthem avm60 พอจับคู่กับ power emotiva  แล้วมันเป็นอะไรที่แรง  ของแรงครับ........ หนักหน่วง ชัดเจน ติดสด พุ่งได้อิทธิพลของความแรงของ emotiva มาจนบุคลิกเสียงนั้นเป็นอีกแนว  จนเราแน่ใจว่าคู่นี้ มันเกิดมาเพื่อ "ดูหนัง" เป็นแน่แท้ ดูท่าเธอจะไปเอาดีด้านฟังเพลงคงไม่ได้แน่

ว่าแล้วเราก็ลองเปิดหนังกันเลย   และนี่คือข้อดีที่ผมซึบซับได้หลังจากเซ็ทอัพเสียงแบบเบื้องต้นแล้ว




1.  รายละเอียด อะไรๆทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเสียงเล็กเสียงน้อย  เสียงจุ๊กจิ้กๆ มันพรั่งพรูออกมาแบบหมดเปลือกเลยจริงๆ  จนลูกค้าออกปากชมว่ารายละเอียดมันดีมากๆ   หากนึกไม่ออก อยากให้นึกถึงหนังที่มีฉากที่มีการมิ๊กเสียงออกมาเยอะๆ ปนกันหลายอย่าง เช่น เสียงลม เสียงฝน เสียงแตกของปูนบนตึกที่กำลังจะถล่ม เสีงระเบิดไกลๆ เสียงพูดของตัวเอกในหนัง และเสียง soundtrack ของหนังที่กำลังโหมขึ้นมาเป็น background และเสียงเอฟเฟกของหนังที่ดังขึ้นมาพร้อมๆกัน เหมือนกับว่าเรามีลำโพงในห้องเพิ่้มมากขึ้น ทั้งๆที่มีเสียงดนตรีแล้ว มีเสียงเอฟเฟกแล้ว มีเสียงลมเสียงฝนแล้ว มันยังถ่ายทอดเสียงดนตรีอื่นๆ เช่นเสียงดนตรีอีกชั้นนึง หรือเสียงเอฟเฟกที่เกิดขึ้นพร้อมกันๆในตอนนั้นที่หนังบันทึกมา ให้แยกออกมาให้เรารู้ได้ว่า มันเกิดขึ้นณ จุดอื่นๆของห้องได้ ราวกับว่า เรามีลำโพงติดอยู่รอบๆห้อง   (เห็นพวกเซียนเค้าใช้คำว่า Immersive Surround Sound หรือ Object oriented อะไรทำนองนี้ ปล. ผมไม่เก่งวิชาการเท่าไร่)
เสียงที่เกิดขึ้นมันบ่งบอกจุดและตำแหน่ง และความสูง ชั้น layer ได้เหมือนลำโพงหน้ามีหลายตัวอะไรประมาณนั้นครับ


Pre Anthem AVM60 ให้รายละเอียดที่แยกแยะชั้น layer ของเสียงออกมาได้ชัดเจนว่า "อะไรมันอยู่ตรงไหน" "อะไรควรชัดก็ชัดเจน" "อะไรควรเบาก็เบาแต่มีรายละเอียด"
เสียงทุกชิ้นออกมาแยกเป็นชั้นๆให้ได้ยินแบบไม่มั่ว และไม่เป็นปื้นๆ ก้อนๆ เกาะกันเป็นกลุ่มๆ เหมือนอย่างที่เคยได้ยินใน avr หรือ pre บางตัว

มันเหมือนเรากด pause เอาไว้ แล้วมองไปเห็นชั้นเสียงแต่ละ layer ว่าอะไรเกิดขึ้นตรงไหน ลองหลับตาไม่ดูจอแล้วเราอาจจะรู้ว่าเหตุการณ์ในหนัง ระเบิดตรงไหน เสียงแตก หินหล่นทิศทางใด  เสียงดนตรีมีระดับชั้นยังไง  ลำโพงทุกตัวทำงานเชื่อมโยงถ่ายทอดเสียงออกมาได้ให้เราได้ยินแบบชัดๆ และไม่มั่วดี จนเรารู้สึกว่าสิ่งที่ซิสเต็มชุดนี้ถ่ายทอดออกมานั่นคือเกือบจะเป็นทั้งหมดของเสียงที่ผู้บันทึกตั้งใจแล้วละมั้ง (ใช้คำว่าเกือบ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าในสตูดิโอเค้ามิ๊กอะไรยังไง)

ข้อดีอีกอย่างคือ นอกจากมันถ่ายทอดเสียงได้ละเอียดแล้ว พวกเสียงต่างๆทีมันถ่ายทอด มันชัดไม่ต้องเงี่ยหูฟังและไม่ต้องจับผิดเลยครับ เพราะรายละเอียดมันชัดเจนมากๆ




2. ความหนักแน่น
ข้อนี้เขียนทีหลัง เพราะเป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่า Anthem นั้นเค้าหนักแน่นแค่ไหน  ก็แน่นอนครับ เสียงในหนังนอกจากจะชัดอย่างที่กล่าวไปในข้อ (1.) แล้ว เสียงที่สายดูหนัง สายโหด สายบริโภคเบสทั้งหลายถวิลหานั้นก็มาครบอย่างที่สัญญากันไว้ แถมมากันเยอะแบบสุดๆอีกด้วย   สเกลเสียงที่ได้เวลาดูภาพยนตร์ใหญ่โต อลังการมากครับ เสียงแบบนี้ผมไม่เคยได้ยินใน avr และปรีต่ำกว่าแสนตัวไหนมาก่อน ดูหนังมันขึ้นอีกหลายสเตปเลย ทั้งเสียง ทั้งบรรยากาศโอบล้อมรอบตัว ทั้งเบส มากันหมด

เสียงพูดที่ได้เกาะจอ และดูใหญ่ หนา แน่นราวกับคนพูดตัวใหญ่และกว้างเท่ากับจอยาวไปตลอดผนังเลย  ความรู้สึกนี้ผมไม่ค่อยได้ฟังมานานแล้วครับ ส่วนใหญ่ที่รู้สึกว่เสียงพูด ใหญ่โตนั้นก็เป็นในโรงหนัง หรือซิสเต็มราคาหลักล้าน แต่ผมแปลกใจที่กลับมาเจอเสียงพูดที่กว้าง ใหญ่โตเต็มจอแบบนี้ในลำโพงเซ็นเตอร์ตัวเล็กๆอย่าง Kef R200C 
ส่วนเสียงเบสที่ได้หนัก กระแทก สด พุ่ง เหมาะกับเอาไปใช้กับลำโพงสไตล์ THX มากๆ และหากใช้กับลำโพงบ้านทั่วๆไปก็เพิ่มพลังเสียงและแปลงร่างให้ลำโพงบ้านๆทั่วๆไปให้กลายเป็นลำโพงบ้าพลังได้เหมือนกัน 
ทั้งน้ำหนักเสียง ความอิ่ม ความหนาของเสียงนั้นไม่ต้องลุ้นครับ หนา แน่น ปึ๊ก  และเสียงเบสก็เร็ว กระชับ ไม่ใช่แค่รายละเอียดดี แต่ยังเบสหนัก....




3. เสียง Atmos
ในซิสเต็มนี้เราต่อ Atmos  เสียงที่ได้จากหนังที่บันทึกเสียงด้านบนมา เช่นแผ่นตัวอย่าง dolby atmos นั้น บอกเลยว่าอิ่ม และฉ่ำไปทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นฉากฝนที่เริ่มจากเปาะแปะๆน้อยๆไปจนตกหนัก เรารู้สึกได้ถึงเม็ดฝนเล็กๆหล่นมาจากข้างบนยันตกทั่วไปทั้งห้อง ไม่มีแม้ที่ว่างให้รู้สึกว่ามีช่องโหว่  ทำให้พื้นที่ในห้องเล็กๆห้องนี้กลายเป็น field ที่กลายสภาพเป็นป่าฝนร้อนชื้น หรือสนามรบที่มีเฮลิคอปเตอร์บินวนบนหัว หรือแม้แต่มีมังกรบินโฉบไปโฉบมาได้ในบัดดล  ประทับใจครับ....


 

ข้อเสีย
มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย ถ้าใครบอกสินค้าตัวไหนมีแต่ข้อดี ให้เดินหนีไปไกลๆเลยครับ โลกนี้มี 2 ด้านเสมอ ด้านนึงกลางวัน อีกด้านก็ต้องเป็นกลางคืน เป็นสัจธรรมของโลกฉันใด ของทุกสิ่งมีข้อดี..ก็ย่อมต้องมีข้อเสียฉันนั้น..
ดังนั้นมาว่ากันเรื่องข้อเสียบ้างครับ

1. หนักหน่วง เสียงจัด สดเกินไปถ้าจับกับ Power เสียงจัดมากๆ
เสียงจาก pre avm60 ให้แนวเสียงไปทางเบสหนัก สด เหมาะกับคนชอบดูหนัง action และชอบอะไรบ้าพลังๆ ทีนี้ถ้าจับกับลำโพงเสียงจัดๆ สดๆ มันก็จะสด และหนักจนสะใจไปเลย ถามว่าดีมั๊ย ก็ดีครับ เพราะ pre multi channels เค้าก็สร้างมาไว้ดูหนังอยู่แล้ว
จะมีใครหา Pre เสียงนุ่มๆฟังสบายมั๊ย  ก็คงมีครับ  ดังนั้นตัวนี้มันก็จะไม่เหมาะกับคนที่เป็นสายฟังสบายๆทั้งหลายแหล่ เพราะในบางครั้งถ้าเราแมทชิ่งมันกับ power ที่เสียงจัดมากๆ เสียงมันก็อาจจะจัดและสดมากจนแสบหูและไม่ถูกใจกับคนชอบซิสเต็มแนวนุ่มๆได้ครับ   แต่ยืนยันว่าเสียง Pre anthem avm60 ถ้าจับคู่กับ Power anthem เองแล้วนั้น เหมาะที่สุดแล้ว ไม่สดจนเกินไปและเสียงดีมากๆ  เสียงออกมากำลังดี  ฟังสบายและหนัก ดูหนังสนุก




2. ราคา ก็แน่นอนจ้า ราคานั้นก็สูงกว่าคู่แข่งพอสมควร  บางครั้งก็ทำใจยากที่จะจ่ายเพื่อ pre แค่ตัวเดียวราคาแสนกลางๆ และยังต้องเจียดเงินไปหา Power มาขับอีก ถ้าจะให้เสียงดีแน่ๆ ก็ต้อง power ของมัน แต่ Power ของมันราคาก็ไม่ใช่เล่นๆเช่นกันครับ

3. การ Setup
ตัวนี้การ set พวก distance อะไรทำได้ไม่ค่อยละเอียดเหมือนฝากฝั่งญี่ปุ่นนัก คือเวลาดึง distance มันดึงทีกระโดดทีละ 0.3 เมตรเลย เช่น 1.0 ดึงทีก็ไป 1.3 และไป 1.6 เลย  ทำให้คนเซ็ทหลายคนเปลี่ยนมาดึงเป็นฟุตแทน
ส่วนการเซ็ทอัพอื่นๆก็ดีตามมาตรฐาน ก็มีพวก Bass Management และก็มี EQ
และมีไมค์ที่ดูแล้วน่าจะมีคุณภาพสูงพอสมควรติดมาให้ด้วย และแถมขาตั้งไมค์มาให้ด้วยนะ โอโหไฮโซน่าดู ไม่ต้องใช้กระดาษแข๊งพับๆแบบพวก avr

4. ไม่มีบลูทูธ
แน่นอนว่าสไตล์อเมริกันก็ต้องไม่แคร์ผู้ใช้งาน ตัวนี้ก็เน้นดูหนัง ไม่ให้บลูทูธมา เน้นเสียงอย่างเดียว ฟังก์ชั่นอาจจะไม่ได้เยอะเหมือนของฝั่งญี่ปุ่น ถ้าใครคิดจะซื้อ pre ราคาแสนห้าและเอาไปบลูทูธฟังเพลงกับโทรศัพท์ ตัวนี้ทำไม่ได้นะครับ
ส่วนใครชอบฟังก์ชั่นเยอะๆ แนะนำให้ไปเล่นฝั่งญี่ปุ่น

5. Power PVA
ตัวนี้เสียงดีครับ  แต่ขอตินิดนึง ตอนเปิดครั้งแรกสวิทซ์ข้างหลังมันจะมีหลายสเตป มันจะมี trigger / manual / อะไรอีกอันผมจำไม่ได้
ถ้าไม่ได้โยกไปที่ manual  และคามันไว้ที่ trigger แม้จะกดเปิดสวิทซ์เครื่อง power แล้ว มันก็จะไม่ติดครับ ไฟมันจะสีแดงๆ  ซึ่งเราก็จะมึนๆว่าตกลงมันติดยังว่ะ (ไปสับสนกับ audyn ที่ไฟแดงแปลว่าติดแล้ว) ตัวนี้เราลองแล้วเสียงไม่มา เราก็งมโข่งหากันอยู่นานว่าต่ออะไรผิด หรือ pre เสีย หรือ Power เสีย เกือบจะหนีกันออกมาจากบ้านลูกค้าแล้วกลับบ้านนอนแล้ว อิอิ  สุดท้ายต้องโยกสวิทซ์ข้างหลังไปที่ manual ถึงจะใช้ได้

ซึ่งตัวนี้ถ้าไม่ได้ใช้สาย trigger  แต่ด้านหลังยังโยกสวิทซ์ไว้ที่ trigger ตัว Power ก็จะไม่ทำงานครับ ต้องโยกมาที่ Manual ก่อน ซึ่งถ้ามือใหม่ใช้ครั้งแรกอาจจะงง และพาลคิดว่า power เสีย



 

สรุป  ชุดของลูกค้าซึ่งประกอบไปด้วย Kef R-Series และ Pre Anthem AVM60 ให้เสียงที่โดดเด่นในด้าน รายละเอียดที่พรั่งพรู ชัดเจน และบ่งบอกตำแหน่งของเสียงได้ดีเยี่ยม   ทั้งในด้านบรรยากาศและนำหนักเสียงเบสทำได้ดีสมราคา และไม่ผิดหวัง
ส่วนตัวตอนแรกคิดว่ามันแพงไป  แต่พอได้มีเวลานั่งฟังน้ำเสียงของมันแล้ว ก็อยากจะวิ่งไปถอย Anthem AVM60 มาใช้โชว์แทน AVR แก่ๆตัวเดิมมันซะเดี๋ยวนี้เลย

เอาจริงๆ AVM60 ตัวนี้ถูกจริตและสไตล์การดูหนังผมมากที่สุดแล้ว แต่ที่ผ่านๆมาไม่เคยสนใจ และไม่เคยฟังมาก่อนเพราะเรื่องราคาของมัน และก็เมืองไทยหาคนเล่นน้อย  แต่ยอมรับว่าถ้าได้ฟังแล้วติดใจจริงๆ เพราะเสียงดีมากแบบก้าวกระโดดจากการเล่น avr และ pre ในระดับหลักหมื่นเลยจริงๆ

วันนั้นเสร็จงานจากบ้านลูกค้าร่วม 4 ทุ่มกว่าๆครับ ดึกดื่นๆนั่งดูหนังกันจนพอใจ ทำให้รู้ว่า ซิสเต็มและเสียงที่ได้วันนี้มีจุดเด่นอะไร (รายละเอียด บรรยากาศการดูหนังที่หนักแน่นสะใจ)  และข้อเสียคืออะไร (การเซ็ทอัพ และความสดที่อาจจะไม่ถูกใจหากใครที่ไม่ชอบซิสเต็มเสียงสไตล์สดๆ เน้นดูหนังแบบนี้)

เราออกจากบ้านกันมาถึงตอนนี้ที่เขียนรีวิว เสียงยังก้องอยู่ในหูอยู่เลยครับ ผมรู้สึกว่านานแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงที่มีสเกลใหญ่โต และดูอลังการ ดูยิ่งใหญ่ เสียงมันๆแบบนี้
ตอนนี้ผมรีบมาปั่นรีวิวนี้เพราะกลัวจะลืมความรู้สึกนี่้ซะก่อน  และแน่นอนว่าตอนนี้ผมต้องหยุดดูหนังฟังเพลงที่ห้องของผมไปสักระยะ เพื่อชำระล้างและแก้อาการหูเสียจากซิสเต็มชุดนี้ให้หายสนิทสัก 1-2 อาทิตย์ครับ



 

Anthem AVM60 VS. Marantz 8802A


ซึ่งถ้าให้เทียบกับ Marantz 8802A จากคนที่เคยฟังทั้งคู่นั้น  รายละเอียดของทั้งคู่ดีไม่แพ้กัน เพียงแต่ความนุ่มนวลและฟังสบายตัว Marantz จะฟังสบายหูกว่า

ส่วน AVM60 จะให้เสียงที่สด ชัดเจน เบส และน้ำหนักเสียงที่มากกว่าพอสมควรครับดังนั้น AVM60 จะเหมาะกับคอดูหนังแบบฮาร์ดคอร์มากกว่าครับ  เพราะเสียงมันหนัก   เหมาะกับคนที่ต้องการความบันเทิงจากการดูหนังมันๆ รายละเอียดยุบยับเต็มห้องไปหมด ชอบอะไรตื่้นตาตื่นหู เบสมา มีเนื้อมีหนังสะใจๆ ถ้าใครชอบแนวนี้แนะนำครับ
ส่วน Marantz ผมว่าได้ในเรื่องรายละเอียดไม่แพ้กัน แต่อาจจะฟังสบายหูและฟังได้นาน ฟังทั้งครอบครัวมากกว่า

ปล. เรื่อง Pre เรื่อง Power เนี่ยเราอยากให้ใช้วิจารณญาณในการอ่าน การตัดสินใจกันให้ดีนะครับ  เพราะอย่างที่รู้กันอยู่ว่า การเล่น pre-pro บ้านเรามันยังอยู่ในวงแคบ และร้านค้าที่ให้คำแนะนำในด้านนี้จริงๆนั้น มันมีน้อย  ส่วนใหญ่แอมป์ที่ดี power ที่ดี pre ที่ดีมันจึงตกไปอยู่ที่แรงเชียร์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือบุคคลใดบุคคลนึงซะมาก
หลายร้านโจมตียี่ห้อนึงว่าไม่ได้ ไม่ดี บางทีให้ลองพิจารณาและตัดสินใจให้ดีครับว่าจริงๆแล้วยี่ห้อนั้นมันไม่ดี หรือมาร์จินให้ร้านค้าไม่ดี ข้อตกลงให้ร้านนั้นไม่ดี ก็เลยไม่เชียร์กันแน่


 

เล่นอย่างมีสติ ทุกถ้อยคำในบทความนี้ทดสอบและทดลองด้วยตนเอง ไม่เชียร์ ไม่อวย อะไรดีว่าดี อะไรแย่ก็ติไป  ไม่เก่ง ไม่มีความรู้เยอะ และรสนิยมความชอบคนเรามันไม่เหมือนกัน   แต่เขียนตามสิ่งที่ได้สัมผัสและได้ประสบพบเจอมาจริงๆ หากทำให้ใครเสียหายหรือไม่ตรงกับความรู้สึกท่านใด หรือผมเข้าใจผิดสิ่งใดที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง  ก็ต้องกราบขออภัยมาณ. ที่นี้ด้วยครับ

ขอบคุณที่ติดตาม

























































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 31, 2016, 11:13:14 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์



บรรยากาศจัดส่งชุดดูหนังตัวใหญ่ๆรุ่นท๊อป Klipsch Reference Premier และ Klipsch RC-64 ii
 
 
จัดส่งชุดดูหนัง Klipsch Reference Premier รุ่นท๊อป Klipsch RP-280F, Klipsch RP-250S และ Klipsch RC-64 ii ไปให้ลูกค้าแถวรามคำแหงครับ
 
ลูกค้าท่านนี้อยากจะปรับปรุงชุดดูหนัง ชุดเดิมลูกค้าใช้ชุด Kef Q และ Kef R และลำโพงเซอราวด์ Klipsch RB-41 ii ตัวเล็ก ตอนนี้ชุดลูกค้าปรับปรุงใหม่หมด โดยประกอบด้วยดังนี้

--------------------------------------------------
อ่านทบความนี้เต็มๆได้ที่นี่: https://goo.gl/mPxB2A
--------------------------------------------------

--------------------------------------------------------
 - Klipsch RP-280F
  - Klipsch RC-64 ii
  - Klipsch RP-250S
  - Power Parasound A23 (ขับ 2 แชนแนลหน้า)
  - AVR Onkyo 5010 (Pre และขับแชนแนลที่เหลือ)

--------------------------------------------------------


 
  
ซึ่งโจทย์ลูกค้าคือดูหนัง จึงเลือกลำโพงเน้นไปทางด้านนี้แบบจริงจัง ซึ่งถ้าเป็นลำโพงบ้าน เราก็ไม่รู้ว่าจะมียี่ห้อไหนที่เน้นเรื่องการดูหนังไปมากกว่า Klipsch อีกแล้ว ของแบบนี้มันได้อย่างเสียอย่างนะครับ หลายคนเกลียด Klipsch เข้าไส้ เพราะเสียงมันสดมากกก ไม่หวาน ไม่นุ่ม เหมือนลำโพงบ้านทั่วๆไป แต่มันก็สไตล์ลำโพงดูหนังละครับ จะให้หวานๆใสๆก็ไมไ่ด้ ไม่งั้นก็จะดูหนังไม่สนุกไปอีก

แต่ถึงกระนั้นมันก็ออกแบบมาให้ฟังเพลงได้ ในแบบที่มันเป็น เช่นเพลงมีจังหวะ เพลงเร็ว ลูกทุ่ง เพลงร๊อค แรป เพลงที่เป็นทางอเมริกันอะไรพวกนี้ ตอนลูกค้าต่อทดสอบก็ค่อนข้างพอใจกับเสียงที่ดูหนังมันกว่าเดิมหลายเท่า แตกต่างกับชุดเดิมแบบก้าวกระโดด (ในรูปยังไม่จบ ตอนหลังจะเอาจอทีวีออก เอาจอ pjt มาลงแทน) ไว้มีโอกาสจะนำรูปสวยๆมาฝากกัน
 


 
ส่วนลำโพงเซ็นเตอร์นั้นลูกค้าอยากได้ลำโพงที่เสียงสดๆ ดอกใหญ่ๆ เสียงดูหนังมันๆ (เซ็นเตอร์เป็นลำโพงที่สำคัญมากๆในระบบดูหนัง เพราะเสียงกว่า 60-70% นั้นล้วนออกจากลำโพงหลักตัวนี้ เช่นเสียงพูดของตัวละคร เสียงเอฟเฟค เสียงปืน เสียงอะไรทั้งหลายแหล่ ส่วนเสียงเพลง เสียงเอฟเฟคด้านข้างจึงจะเกิดที่ลำโพงคู่หน้า)
ดังนั้นหวยจึงตกมาออกที่ Klispch RC-64 ii ลำโพงเซ็นเตอร์คุณภาพสูง ผลิต Made in USA ให้เสียงดูหนังสด สะใจที่สุดของ Klipsch ในซีรี่ย์ลำโพงบ้าน (ไมนับซีรี่ย์ THX) และเป็นเซ็นเตอร์ที่ดีที่สุดตัวหนึ่งในงบประมาณไม่เกิน 40,000 บาทแล้ว
 
และไม่ต้องถามหาความนุ่มนวล ผ่อนคลายจาก RC-64 ii นะครับ หากคุณชอบอะไรนุ่มๆ ชวนฝัน เสียงใสๆ เบสบางๆ ฉุยๆ เบาๆ เสียงอิ่มอุ่นๆ เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี ภรรยานั่งถักกระเป๋าไปด้วยคุยกันไปดูหนังไป ตัวนี้ตอบโจทย์คุณไม่ได้......

Klipsch RC-64 II ให้คุณได้เพียงเสียงเอ็กเฟคกระชากใจที่อาจพาให้เด็กเล็กร้องไห้ และกระจองอแงตกใจยามเอกเฟคในหนังลง และให้เสียงเสียง dialogue สนทนาที่ชัดมาก ชัดยันได้ยินแก้วเสียง เกรนเสียงยิบๆในลำคอ และข้อสำคัญที่เหมาะกับคนใช้จอใหญ่ๆหรือจอ Pjt คือลำโพง RC-64 ii ออกแบบมาใช้ลำโพงขนาด 6.5 นิ้วสี่ดอก ยาวตลอดขนานไปกับจอ ทำให้เสียงหลังจากเซ็ทอัพแล้ว เสียงที่ได้เกาะไปกับจอ และดูใหญ่โตอลังการ อารมณ์เสมือนไปดูในโรงหนังครับ
 


 
ส่วน RP280F นั้นขอไม่ต้องบรรยายอะไรมากมาย เพราะตัวนี้เราก็ใช้โชว์ในห้องของเราอยู่ เสียงถ้าไม่ติดว่าหน้าตามันเป็นลำโพงบ้านแล้วละก็ มันเป็นลำโพงที่ให้เสียงดูหนังได้น้องๆลำโพง THX เลยละครับ (เน้นว่าดูหนังนะครับ ไม่เอาเรื่องฟังเพลง)
 
ส่วนเซอราวด์ลูกค้าเลือกใช้ลำโพงไบโพลตัวใหญ่สุด Klipsch RP-250S ตัวนี้เสียงดี กระจายเสียงเซอราวด์ดีมาก ดีกว่าบุ๊คเชลฟ์ในแง่ของการกระจายเสียงไปรอบๆ และให้อารมณ์กว้างและสมจริงกว่า เสียงไม่พุ่งตรงเข้าหู แต่ได้อารมณ์และบ่งบอกตำแหน่งที่เกิดเสียงได้กว้างสมจริง และเสียงยังชัดมากอีกด้วย
 


 
ราคา Klipsch RP-280F: http://www.whatthatsound.com/category/5/klipsch/klipsch-reference-ii-series
 
ราคา Klipsch RC-64 ii: http://www.whatthatsound.com/product/22/klipsch-reference-rc-64-ii-black
 
ราคา Klipsch RP-250S: http://www.whatthatsound.com/product/21/klipsch-reference-premier-rp-250s
 

























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 05, 2016, 07:06:16 am โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์


บรรยากาศจัดส่ง SVS SB2000 ซับตู้ปิดที่สะอาดทั้งเสียงและรูปลักษณ์หน้าตา

 
วันนี้เอารูปสวยๆ ของซับวูฟเฟอร์ตู้ปิดของ SVS มาฝากกัน นั่นคือ SVS SB2000  ซึ่งเราได้ไปส่งซับตัวนี้ให้ลูกค้าสองท่าน (จามจุรีสแควร์ และกาญจนบุรี)

ที่กาญจนบุรีนั้น ได้ขับรถไปส่งด้วยตัวเอง (อีกแล้ว) เลยได้มีโอกาศแกะกล่องและลองเทสกับลูกค้าอยู่แปปนึง

ตัวกล่องนั้นน้ำหนักประมาณ 23-25 กิโลกรัม แกะออกมาก็เช่นเคยครับ กล่องสองชั้นแน่นหนา แน่นปึ๊กปลอดภัย  เอาตัวซับออกมาแล้วบอกเลยว่าหายเหนื่อย เพราะผิวตู้ Piano balck ไฮกลอส เงาและมันวับชนิดที่เห็นแล้วสวยจับใจ เอาไปวางที่ไหนก็เป็นเครื่องประดับอีกชิ้นนึงของห้องได้เลย

รูปทรงตังตู้เป็นสี่เหลี่ยมลบมุม โค้งมน ดูเนียนตา น่าใช้มากๆ และที่สำคัญคือ รุ่นนี้เล็กกระทัดรัดกำลังดีครับ เหมาะเอาไปใช้ในบ้านที่ขนาดไม่ใหญ่มาก ห้องเล็กๆ ห้องนอน คอนโด วางแอบๆมุมห้อง ใครเดินผ่านไปผ่านมา หรือมาเยี่ยมห้องสังเกตเห็นก็เป็นต้องสะดุดตา




และน้ำหนักตัวก็ไม่มากเกินไปที่จะยก (คนเดียว) ตัวนี้ตัวตู้คล้ายๆกับรุ่นพี่อย่าง SVS SB13 Ultra เลย แต่ต่างกันตรงที่รุ่นพี่ SB13 นั้นจะไม่มีไฟ led สีฟ้าที่ด้านหน้า และการปรับเซ็ทของ SB2000 จะเป็นแบบ analog ใช้ปุ่มหมุน   ส่วน SB13 Ultra จะเป็น digital มีหน้าปัดที่ด้านหลังสามารถกดเซ็ทบนจอได้เลย
 

แนวเสียงของ SVS SB2000 นั้น ต้องบอกว่า เป็นซับตู้ปิดที่ราคาย่อมเยาว์ที่สุดตัวนึงที่เคยเจอมา เพราะด้วยราคาหย่อนๆ 30,000 บาท แถมได้ผิวเปียโนไฮกลอสด้วย ก็ดูเกินราคาไปพอสมควร 
และถ้ามาดูแนวเสียงจะพบว่า SVS SB2000 เป็นซับตู้ปิดอีกตัวนึงที่ให้เสียงสะอาด เก็บตัวเร็ว กระชับ คล่องแคล่วว่องไว และไม่ครางเลย

ถ้า Velodyn แนวเสียงเช่นไร ตัว SVS SB2000 ก็ให้แนวเสียงไปในทางตรงกันข้าม เพราะมันกระชับ เก็บตัวเร็ว เบสออกมาสะอาด อึกอักๆ แล้วหยุด ไม่แผ่เหมือน velodyn ไม่เหมือน paradigm  ถ้าใครชอบเบสสะอาด เก็บตัวดีๆ หรือห้องมีปัญหาอคูสติก อยากได้ซับตู้ปิดที่เล่นง่ายๆ วางง่ายๆ ไม่ต้องกลัวเรื่องบวมเบลอมากเหมือนซับตู้เปิดที่ต้องแคร์เรื่องตำแหน่ง เรื่องอคูสติกมากหน่อย   ตัวนี้จะเหมาะกับคุณมากครับ ยิ่งถ้าคุณเอาไปฟังเพลงด้วยแล้วยิ่งเลิศ เพราะเบสมันเร็ว ตามคู่หน้าทัน ไม่ใช่เบสออก 5 ลูก แต่ได้ยินรวมกันเป็น 3 ลูก   แต่ตัวนี้เบสออกกี่ลูกก็ได้ยินตามนั้น




แต่ข้อเสียเดียวที่พึงระวังคือ ด้วยความที่เป็นตู้ปิด ดังนั้นปริมาณเบสจึงไม่ได้บ้าพลังหรือโหด[^_^]มมากเหมือนตู้เปิด  หากใครหิวกระหาย อยากรับประทานเบสเยอะๆ อยากอิ่ม ชุ่มเบสมากๆ หรือมีห้องที่ใหญ่มากๆ  ตัวนี้อาจไม่ตอบโจทย์ แนวเสียงอาจจะไม่สะใจขาโหดมาก

แต่ถ้าห้องไม่ใหญ่ ห้องเล็กๆ แล้วใช้ตัวนี้ ขอบอกครับว่าคุ้มค่าสุดๆ ได้ทั้งเบสสะอาดๆ กระชับ เร็ว และหนักฮุคออกมาเป็นลูกๆได้แบบกำลังดีเลยทีเดียว แถมยังจัดวางได้ง่าย จะซ่อนก็สะดวก จะโชว์ก็สวยครับ

เราแนะนำให้หามาลองดู  สำหรับใครที่ไม่เคยสัมผัสเสียงจากซับตู้ปิด เพราะไม่แน่หากคุณได้ยินเสียงซับตู้ปิดแบบ SVS สักครั้ง ได้ใช้เวลากับมันสักระยะ เซ็ทอัพนิดๆหน่อยๆให้พอเหมาะ ห้องขนาดกำลังดีๆ  คุณอาจจะหลงรักมันจนไม่อาจกลับไปทนฟังเสียงจากซับตู้เปิดได้อีกเลย ......


 


ราคา SVS SB2000: http://www.whatthatsound.com/product/319/svs-sb-2000













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 06, 2016, 05:08:03 pm โดย keamglad »