ดิจิตอลทีวีก็เริ่มมีการทดลองออกอากาศแบบขำๆไปบ้างแล้วในช่วงปี 2013-2013 ที่ผ่าน และในช่วงวันที่ 1 เมษายน 2014 นี้ก็ถึงเวลาทดลองออกอากาศอย่างเป็นทางการ ตามหลักแล้วจะมีช่องรายการให้เลือกชมถึง 48 ช่อง แต่ผู้ชนะการประมูลช่องบางเจ้าก็อาจจะเตรียมรายการไม่ทันตามกำหนดการในต้นเดือนเมษายนนี้ ซึ่งในตอนนี้ก็ยังเปิดรับสมัครพนักงานในตำแหน่งต่างๆเพื่อผลิตรายการทีวีอยู่เลย แต่ทางเราก็เข้าใจว่าของพวกนี้ต้องใช้เวลา เพราะบอกตามตรงว่าคุณภาพของภาพมันดีจากเดิมขึ้นเป็นกอง ครั้นจะรออีกซักนิดเพื่อให้คุณภาพของรายการในช่องต่างๆดีตามไปด้วยก็เป็นเรื่องยอมรับได้
หลายท่านก็ยังกังวลว่า เราจะดูได้อย่างไร ? ต้องซื้อทีวีเครื่องใหม่หรือใหม่ ? หรือซื้อกล่อง Set Top Box ดี ? ผมจึงฟันธงพร้อมแนะนำ 3 วิธีหากท่านต้องการรับชมดิจิตอลทีวีให้ครับ
1. ซื้อทีวีเครื่องใหม่ เป็นดิจิตอลทีวีไปเลย
ในกรณีแรกหากท่านกำลังมีแผนจะซื้อทีวีเครื่องใหม่ในช่วงนี้อยู่แล้ว แนะนำให้ซื้อดิจิตอลทีวีไปเลย ลงทุนครั้งเดียวอยู่กันยาวๆ โดยทีวีแบรนด์ดังอย่าง Aconatic, Mitron, LG, Panasonic, ProVison, Samsung, Skyworth, Sony, รุ่นที่ผลิตในช่วงกลางปี 2013 มาจนถึงปี 2014 จะมีรุ่นที่รองรับดิจิตอลทีวีแบบ DVB-T2 แล้ว สังเกตได้ง่ายๆว่าด้านหลังของเครื่องจะมี “สติ๊กเกอร์ตราครุฑรับรองโดยกสทช.” ติดอยู่ (บังคับ) หรือกระทั่งมีสติ๊กเกอร์ “น้องดูดี” สีเขียวๆ (ไม่บังคับ) แปะอยู่ด้านหน้าตัวเครื่องเพื่อประชาสัมพันธ์ว่าตัวนี้รองรับดิจิตอลทีวีนะ ดังนี้ก็มั่นใจได้เลยว่ามันรองรับดิจิตอลทีวี และรวมถึงรองรับอนาล็อกทีวีแบบเก่าด้วย เรียกว่า 2 In 1 กันไปเลย หรือหากไม่มั่นใจแอบงงๆก่งก๊งก็ให้สอบถามพนักงานขายดูได้
อย่างไรก็ตามข้อพึงควรระวังคือ มีผู้ผลิตและห้างร้านตัวแทนจำหน่ายที่จะติดสติ๊กเกอร์ว่า “ทีวีตัวนี้รองรับดิจิตอลทีวี” แต่ดันมีตัวหนังสือหมายเหตุห้อยท้ายตัวเล็กๆจนแทบเอากล้องจุลทัศน์ไปส่องว่า “ด้วยกล่อง Set Top Box”นั่นหมายถึงทีวีตัวนั้นมันยังไม่ใช่ดิจิตอลทีวี หากเป็นเพียงทีวีรุ่นเก่าหรืออนาล็อกทีวีเท่านั้น ยอมรับว่าก็ถูกของเค้าว่ามันดูผ่านกล่อง Set Top Box ได้ก็จริง แต่ในอีกมุมก็สร้างความสับสนให้กับผู้คนทั่วไปพอสมควรในแบบฉบับของ “ศรีธนญชัย” จนอยากจะตีมือคนคิดเจ้าสติ๊กเกอร์แผ่นนี้ ฉะนั้นศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนซื้อเป็นดีที่สุด
ซื้อดิจิตอลทีวีมาตั้งไว่ในบ้านแล้ว…ต้องทำอย่างไรต่อ ?
วิธีการติดตั้งก็ง่ายมาก ให้ลากสายอากาศที่ปกติแล้วจะโยงมาจากเสาก้างปลาหรือเสาหนวดกุ้ง (พวกนี้รับสัญญาณดิจิตอลทีวีได้) หรือแม้กระทั่งเสาภายในแบบกระทัดรัตที่ถูกผลิตมาเพื่อรับสัญญาณดิจิตอลโดยเฉพาะ แล้วเอาแจ็คสายอากาศเสียบไปในช่อง Antenna In หรือ RF In ของตัวเครื่องทีวี หลังจากนั้นก็ให้กดจูนช่อง (ค้นหาช่อง) แบบดิจิตอล มันจะจูนหาช่องรายการทั้งหมดอย่างอัตโนมัติ กินเวลาไม่กี่นาทีรายการต่างๆก็จะปรากฏขึ้นมาเลยจ้า
(ด้านขวา) เสาหนวดกุ้งแบบเดิมๆ ที่นิยมใช้กัน
จะรับสัญญาณได้แรงกว่าทว่ามีขนาดเล็กกระทัดรัด สนนราคาตั้งแต่ 400 ไปจนถึง 1,000 บาท
2. ซื้อกล่อง Set Top Box สำหรับพวกทีวีรุ่นเก่า
หากท่านมีพวก LED TV, LCD TV, Plasma TV รุ่นเก่าหรือแม้กระทั่ง “จอแก้ว” หรือ “CRT TV” รุ่นดึกดำบรรพ์ ท่านก็ยังดูดิจิตอลทีวีได้ เพียงแค่ซื้อ Set Top Box หรือกล่องรับสัญญาณดิจิตอลทีวี ซึ่งสนนราคาประมาณ 1,000 – 2,000 บาท แล้วแต่ยี่ห้อ, ลูกเล่น และระยะเวลารับประกัน ซึ่งโดยส่วนตัวถือว่าไม่แพง วิธีการคือนำสายอากาศที่โยงมาจากเสาก้างปลาหรือหนวดกุ้งเสียบเข้าช่อง Antenna In หรือ RF In ที่หลังกล่อง Set Top Box หลังจากนั้นถ้าหากทีวีของท่านเป็น LED, LCD , Plasma TV ก็แนะนำให้ชายสาย HDMI เชื่อมต่อที่ช่อง HDMI Out ของกล่อง Set Top Box ไปเข้าช่องต่อ HDMI In ของทีวี เพื่อคุณภาพของภาพที่ดีที่สุด อย่างช่อง HD มันจะส่งความละเอียดระดับ 1080i เราก็จะได้คุณภาพแบบนั้นเต็มๆ กระนั้นถ้าท่านไหนใช้จอแก้ CRT TV ซึ่งไม่มีช่อง HDMI ก็แนะนำให้ใช้สาย AV เหลือง แดง ขาว ในการเชื่อมต่อระหว่างกล่อง Set Top Box กับตัวเครื่องทีวีจอแก้วผ่านช่องต่อ AV แทน (หากทั้งทีวีและ Set Top Box มี Component ก็ใช้สาย Component ก็ได้) คุณภาพของภาพและเสียงถึงแม้สู้สาย HDMI ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าดีเพียงพอสำหรับจอแก้ว CRT TV แถมยังดูช่องพวก HD ได้ด้วยเหมือนกัน หลังจากนั้นก็ทำการจูนหาช่องรายการดิจิตอลทีวีโดยจะทำการจูนผ่านกล่อง Set Top Box แทนทีจะจูนโดยตรงจากทีวี
ในปัจจุบันมีกล่อง Set Top Box ออกมามหลายแบบอย่างยี่ห้อ Aconatic, Leotech, Samart, ProVision เป็นต้น จะมีสติ๊กเกอร์ตราครุฑของกสทช.แปะอยู่บนตัวเครื่องเฉกเช่นกับตัวทีวีเพื่อรับรองว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้รองรับดิจิตอลทีวี ก็ขอให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ ส่วนกล่องของบางเจ้ามีลูกเล่นฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใครอาทิเช่นมีช่องต่อ USB เอาไว้เล่นไฟล์หนังไฮเดฟ หรือรองรับการบันทึกรายการลง USB เป็นต้น ราคาก็จะสูงขึ้นไปตามฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้นมา ท่าานก็สามารถเลือกซื้อให้เหมาะสมกับจุดประสงค์การใช้งาน หรือหากไม่เร่งรีบก็รอเดือนมิถุนายน ซึ่งทาง กสทช. จะแจกคูปองส่วนลด 690 บาทต่อ 1 ครัวเรือน
3. หากติดพวกจานดาวเทียมหรือเคเบิ้ลทีวี ดูได้เลย ไม่ต้องทำอะไรเลย (แต่มีข้อแม้)
หลายบ้านมีติดจานดาวเทียมหลากสีไม่ว่าจะเป็น True Visions, GMMZ, IPM, SunBox, DTV, CTH และอื่นๆอีกมากมาย รวมถึงระะบเคบิ้ลทีวีด้วย โดยกสทชมีข้ำกำหนดที่เรียกว่า “Must Carry” กล่าวคือช่องรายการดิจิตอลทีวีทั้ง 48 ช่อง จะถูกผนวกลงไปในก่องของผู้ให้บริการเหล่านั้นอย่างอัตโนมัติ ตามหลักแล้วช่อง 1-48 ของผู้ให้บริการทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวี “จะถูกจัดเรียงช่องใหม่” เพื่อให้เป็นช่องรายการของดิจิตอลทีวีช่อง 1-48 และหลังจากนั้นช่อง 49, 50, 51… ก็จะเป็นช่องอะไรก็แล้วแต่ผู้ให้บริการ อย่างไรก็ตามในภาพปฎิบัติจริงตอนนี้ผู้ให้บริการทีวีดาวเทียมหลายเจ้าจะเริ่มช่องดิจิตอลทีวีที่ช่อง 11 เป็นต้นไปแทน เพื่อเก็บช่อง 1-10 ไว้สำหรับช่องรายการหลักของตัวเอง ดังนี้เมื่อช่องรายการทั้ง 48 ช่องของดิจิตอลทีวีเริ่มออกอากาศ ท่านก็จะรับช่องรายการดิจิตอลทีวีได้ทั้งหมดไปโดยปริยาย (จะต้องทำการถอดปลั๊กและเสียบใหม่เพื่อทำการ OTA กล่องทีวีดาวเทียมเสียก่อน เหมือนเป็นการอัพเกรดตัวกล่องว่างั้นเหอะ) ตอนนี้ข้อมูลบอกว่าอาจจะรับชมความละเอียดสูงสุดได้แค่ Standard Definition อย่างเดียว กระนั้นผู้ทดสอบดูช่อง ThaiPBS HD ผ่านกล่องทีวีดาเทียมก็ยังให้ความคมชัดในระดับที่น่าพอใจอยู่ครับ
หมายเหตุ
– กล่องต้องรองรับการถอดรหัส Bisskey ด้วย (ตอนนี้บางกล่องก็ยังทำไม่ได้โปรดตรวจสอบกับผู้ให้บริการ)
– การเรียงช่องในช่วงแรกอาจจะขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวีก่อน
– อาจจะต้องรอผู้ให้บริการทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวีอัพเดทหรือปรับเปลี่ยนช่องซักระยะถึงดูได้ (TrueVisions เริ่มปรับช่องให่หมดแล้ว)
– หากกล่องไหนยังไม่รองรับ เดี๋ยวผู้ให้บริการเคบิ้ลทีวีและทีวีดาวเทียมจะออกกล่องรุ่นใหม่ที่รองรับและสามารถแสดงช่องรายการทีวีดิจิตอลได้
สรุป
เชื่อว่า 3 วิธีข้างต้นที่แนะนำไปจะทำให้ท่านมีความเข้าใจใน “ภาคปฏิบัติว่าจะรับชมดิจิตอลทีวีได้อย่างไร ?” มากขึ้น ผมบอกได้เลยว่าคุณภาพของภาพและเสียงที่ได้จากกการออกอากศแบบดิจิตอลดีกว่าการออกอากาศแบบอนาล็อกขึ้นเป็นกอง ถึงแม้ประเทศไทยจะปรับเปลี่ยนจากอนาล็อกเป็นดิจิตอลทีวีช้ากว่าประเทศอื่น แต่ก็ประจวบเหมาะได้เวลามาตรฐาน DVB-T2 ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่ดีกว่าพอดิบพอดี เรียกว่าถึงจะมาช้าแต่มาถูกจังหวะว่างั้นเหอะ สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านได้รับชมรายการใหม่ ช่องใหม่ ในคุณภาพที่ดีขึ้นจากกการออกอากาศแบบดิจิตอลอย่างมีความสุขครับ
คำถามที่พบบ่อยในช่วงนี้
ดิจิตอลทีวี “ดูฟุตบอลโลกได้หรือไม่” ?
คำตอบคือดูได้ครับ ฟุตบอลโลกที่จะถ่ายทอดสดและออกอากาศในระบบดิจิตอล 22 แมตช์สำคัญ (จาก 64 แมตช์) ผ่านฟรีทีวีช่อง 7 และช่อง 8 (ของ RS) คุณภาพที่ได้ก็จะชัดกว่าการออกอากาศแบบอนาล็อกเป็นอย่างมาก ฉะนั้นท่านไหนยังใช้การรับชมแบบอนาล็อกอยู่ก็ขอแนะนำให้เปลี่ยนเป็นการรับชมแบบดิจิตอลตาม 3 วิธีข้างต้นดู รับประกันความคมชัดครับ
หรืออีกทางก็ทำใจไปซื้อ “กล่องบอลโลก” ของ RS (กล่อง Sunbox นั่นแหละ) ก็จะได้รับชมกันเต็มอิ่มถึง 64 แมตช์กันไปเลย ราคาก็ประมาณ 1,590 บาท คนไทยก็ทำใจหน่อยว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่เราต้องเสียเงินเพื่อซื้อกล่องเพื่อดูมหกรรมกีฬาเพื่อมวลมนุษยชาติ เพราะกสทช.เค้าออกกฏแล้วว่าพวกกีฬาฟุตบอลและโอลิมปิกว่าคนไทยทุกคนต้องได้ดูฟรีโดยมิต้องซื้อกล่องต่างๆของบรรดานายทุนกันอีกต่อไป จริงๆเราดูฟรีกันมาทุกครั้ง จนมีกรณีของ GMMZ กล่องดูบอลยูโร และ RS กล่องดูบอลโลกมา ทำให้เราต้องเสียตังค์เพื่อรับชมมหกรรมฟุตบอลซะงั้น
ส่วนราคาก็ 1,590 บาท
