20 Jul 2014
Article

20 เรื่องจริง !!! ของทีวี 3 มิติที่คุณต้องรู้…โดยนายโรมัน


  • lcdtvthailand

ต้องขอบอกก่อนว่าบทความนี้เป็นการแชร์ประสบการณ์และความรู้ของทีวี 3 มิติที่ผมได้รีวิวและรับชมมานะครับ รุ่นที่เราได้ทดสอบนั้นก็มีตั้งแต่ซีรีส์กลางๆ ไปจนถึงตัวท็อป พัฒนาการของทีวีสามมิติตอนสองปีแรกที่เปิดตัวถือว่าพัฒนาเรื่องภาพได้ค่อนข้างดี แต่หลังจากนั้นจะเรียกว่าหยุดนิ่งก็ว่าได้ จนมาในปี 2016 ทีวีสามมิติค่อยๆ เลือนหายไปจากวงการ อย่างในปัจจุบันซัมซุงก็แทบจะไม่ทำทีวีสามมิติแล้ว แต่แอลจียังคงผลักดันเรื่องนี้อยู่ 


1. มิติภาพของ 3D TV ในปัจจุบันมีความเพียบพร้อมทั้งในมิติ “เชิงลึก” และมิติ “เชิงลอย” ซึ่งเทคโนโลยีสามมิติทั้งแบบ Active กับ Passive ต่างก็ให้มิติเหล่านี้แตกต่างกัน ที่จับสังเกตได้เทคโนโลยีแบบ Passive จะมีมิติเชิงลอยมากกว่าแบบ Active ทว่าแบบ Active ก็จะได้ในเรื่องของมิติเชิงลึกมากกว่า  

2. ทุกยี่ห้อใช้หลักการ 3D แบบ “Frame Sequential Method”  คือทีวีส่งเฟรมภาพสำหรับตาซ้ายและตาขวาสลับกัน ทำให้ภาพเหลื่อมซ้อน แล้วเราใส่แว่น 3D Active Shutter Glasses เลนส์ของแว่นซ้ายขวาก็จะเปิดปิดสลับกันเพื่อให้ภาพรวมกันเป็นหนึ่งและมีมิติลอยขึ้นมา

วิธี Frame Sequential Method ทีวีส่งเฟรมภาพให้ตาซ้ายและตาขวาสลับกันอย่างรวดเร็ว
หนัง 3 มิติแท้ๆต้องใช้กล้องแบบนี้ถ่าย 2 เลนส์สำหรับตาซ้ายและขวา
หลักการ 3D แบบโบราณคือใช้แว่น Polarized สีแดงและน้ำเงิน ซึ่งทำให้สีเพี้ยน

3. เทคโนโลยีสามมิติแบบ Active แม้จะใช้หลักการเดียวกันคือส่งภาพเข้าสู่สายตาด้านซ้าย-ขวา แต่ผู้ใช้ก็ไม่สามารถใช้แว่นตาต่างค่ายต่างแบรนด์กันได้ เนื่องจากสัญญาณ Infrared ที่ใช้ Sync ไม่ตรงกันทำให้ลำดับการเปิดปิดเลนส์ซ้ายขวาไม่ตรงกับภาพที่ทีวีส่งออกมาทำให้ดูแล้ว ภาพไม่เป็นสามมิติ ยกเว้นแว่นของ Panasonic ที่ใช้ดู 3D TV ของ Samsung ได้ แต่ต้องใส่แบบกลับหัว !!!

4. ทีวีสามมิติสามารถทำให้คอนเทนท์สองมิติธรรมดาให้กลายเป็นสามมิติได้ เพียงแต่คุณภาพจะไม่เทียบเท่ากับคอนเทนท์สามมิติแท้ๆ

5. มุมมองการรับชมของ 3D TV ได้เต็มที่ประมาณ 120 องศาถึง 150 องศา ไม่งั้นจะไม่เห็นภาพมีมิติ

6. ระยะห่างในการดูส่วนใหญ่ได้ไกลเต็มที่แค่ 6-7 เมตร เนื่องจากจะทำให้สัญญาณ Infrared ของแว่นและทีวีเชื่อมต่อกันไม่ถึง

7. สมัยก่อนเวลานั่งดูต้องพยายามนั่งนิ่งๆเพื่อให้สัญญาณ INFRARED ของแว่นและทีวี Sync หรือเชื่อมต่อกันตลอดเวลา แต่ปัจจุบันจะขยับยังไงก็ได้

8. ถ้าหลับตาดูข้างเดียวภาพจะไม่มีมิติ (ก็แหงละ) แต่จะคมชัดแบบ 2 มิติเหมือนดูหนังไฮเดฟทั่วไป เพราะฉะนั้นผู้พิการทางสายตาเช่น ตาบอดข้างเดียวจะหมดสิทธิ์ดู 3D TV แบบปัจจุบันทันที

ซ้าย = ภาพ 2 มิติ VS ขวา ภาพ 3 มิติ มีการเหลื่อมซ้อนกันของภาพ

9. สามารถสวมแว่นสายตาทับแว่นสามมิติไปได้เลยก็จะสามารถเห็นภาพสามมิติเหมือนกัน (ทั้งแบบ Active และ Passive)

สวมแว่น 3 มิติทับแว่นสายตาแบบนี้เลยครับ

10. เอากล้องถ่ายรูปไปถ่ายลอดแว่น 3 มิติให้ทะลุเห็นภาพ 3 มิติในทีวี ภาพก็ไม่ได้ออกเป็น 3 มิตินะ ลองแล้ว !!! เพราะมันต้องใช้สายตาซ้ายและขวาของเรา แต่กล้องถ่ายรูปมีแค่เลนส์เดียว ถ่ายยังไงก็ไม่ลอย (เลยจะสังเกตุได้ว่าก้องถ่ายรูปที่เป็น 3 มิติเช่น Fuji 3D หรือ Sony Bloggie 3D ก็จะมี 2 เลนส์ซ้ายขวา)

ถ่ายลอดแว่นแล้วภาพไม่ลอยนะจ๊ะ เพราะมันอาศัยการทำงานของตาซ้ายและขวาของเรา