15 Jan 2018
Article

ตอบทุกข้อสงสัย HDR10Plus มาตรฐาน High Dynamic Range ล่าสุด ที่จะมาต่อกรกับ Dolby Vision


  • lcdtvthailand

ถึงวันนี้ คงชัดเจนแล้วว่า “HDR” หรือ “High Dynamic Range” จะเป็นมาตรฐานสำหรับการรับชมความบันเทิงด้านภาพในอนาคต แต่ปัญหาคือ HDR ไม่ได้มีแค่มาตรฐานเดียวแต่มีหลากหลาย ทั้ง HDR10, Dolby Vision, HLG, Technicolor HDR และล่าสุด HDR10+ ที่มีศักยภาพโดดเด่น เชื่อว่าจะสามารถต่อกรกับ Dolby Vision ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ

HDR10+ แตกต่างจาก HDR10 อย่างไร?

ตอบ: ที่ผ่านมา HDR10 คือ มาตรฐานหลัก กำหนดโดย UHD Alliance ซึ่งเกิดจากการรวมกลุ่มของผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และผู้ผลิตคอนเทนต์ทั่วโลก เปิดให้ใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์จึงเป็นที่แพร่หลาย ปัจจุบันทีวี โปรเจ็คเตอร์ มอนิเตอร์ เพลเยอร์ เกมคอนโซล ทุกรุ่น ที่แจ้งว่ารองรับการแสดงผล HDR คือ รองรับ HDR10 นี่เอง


อย่างไรก็ดี HDR10 อาศัยการเข้ารหัสข้อมูลแบบ “Static Metadata” ซึ่งยังมีข้อจำกัดอยู่มาก เหตุนี้จึงมีผู้กล้านำเสนอ HDR มาตรฐานใหม่ที่ดีกว่า และ Samsung คือหนึ่งในนั้น โดยนำเสนอมาตรฐาน “HDR10+” ขึ้น จุดเด่น คือ การเข้ารหัสแบบ “Dynamic Metadata”!!

ทำไมต้อง Dynamic (Metadata) HDR?

ตอบ: Dynamic Metadata มีส่วนช่วยให้ผู้ผลิตคอนเทนต์สามารถใส่ข้อมูลรายละเอียดแสงและสีในขั้นตอน Post Production และแสดงผลในขั้นตอนเล่นกลับ (Playback) ได้อย่างเต็มที่ เพราะการเข้ารหัสข้อมูลและประมวลผลจะอ้างอิงแบบฉากต่อฉาก หรือละเอียดถึง “เฟรมต่อเฟรม” เลยทีเดียว ผิดกับ Static Metadata ที่อ้างอิงเข้ารหัสแบบองค์รวมจึงมีข้อมูลบางส่วนที่ขาดตกไป เหตุนี้จึงไม่แปลกที่ Dynamic (Metadata) HDR จะให้คุณภาพของภาพได้ดีกว่า สามารถแสดงความเปรียบต่างของแสงและสีได้อย่างเต็มที่ในทุกช่วงเวลารับชม


ข้อเสียชัดๆ เพียงประการเดียวของ Dynamic Metadata คือ ปริมาณข้อมูลเพิ่มขึ้นมากเป็นภาระต่อการประมวลผลของจอภาพ และศักยภาพของ HDMI 2.0 ก็ไม่เพียงพอต่อการส่งข้อมูลได้อย่างเต็มที่ แต่ประเด็นนี้คงมิใช่ปัญหาเมื่อมาตรฐาน HDMI 2.1 มาถึง

HDR10+ แตกต่างจาก Dolby Vision อย่างไร?

ตอบ: HDR10+ ถูกตั้งเป้าให้เป็นมาตรฐาน HDR ทางเลือก ที่ออกมาเพื่อชนกับ Dolby Vision โดยพื้นฐานจึงนับว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกัน แต่ก็มีจุดที่แตกต่างกัน ดังนี้

  1. Dolby Vision นำเสนอมาได้สักพักใหญ่ๆ โดย Dolby ปัจจุบันแบรนด์ทีวีที่ตอบรับมาตรฐานนี้ ได้แก่ LG, Sony, TCL, Philips, Hisense, Skyworth, Vizio เป็นต้น ส่วน HDR10+ นำเสนอโดย Samsung แบรนด์ทีวีอื่นที่ตอบรับแล้วตอนนี้ คือ Panasonic
  2. แม้ในรายละเอียดจะต่างกันอยู่ลึกๆ แต่กล่าวได้ว่า ทั้ง HDR10+ และ Dolby Vision เข้ารหัสข้อมูลแบบ “Dynamic Metadata” เหมือนกัน การถ่ายทอดรายละเอียดแสงและสีจึงมีความโดดเด่นกว่ามาตรฐาน HDR ที่เข้ารหัสแบบ Static Metadata (อาทิ HDR10, HLG)
  3. จุดแตกต่างสำคัญ คือ HDR10+ รองรับการเข้ารหัสข้อมูล Color Bit Depth สูงสุดที่ 10-bit ในขณะที่ Dolby Vision ได้ถึง 12-bit หากอ้างอิงจาก “สเป็ก” ก็แน่นอนว่า Dolby Vision เหนือกว่าในแง่ของการไล่เฉดสี…

อย่างไรก็ดีข้อมูล Color Bit Depth ที่มากกว่า ก็ต้องการความสามารถของฮาร์ดแวร์สูงกว่ามาตรฐานท้องตลาดทั่วไป ต้องเป็นรุ่นพรีเมียมเท่านั้น ต้นทุนจึงมีราคาสูง ในขณะที่ฝั่งคอนเทนต์ก็ต้องใช้พื้นที่ในการเก็บข้อมูลและต้องการแบนด์วิดธ์สูงกว่า จุดเด่นของ Dolby Vision จึงอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการเผยแพร่อยู่ไม่น้อย

  1. HDR10+ ไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ในการขอใช้มาตรฐาน ผู้ผลิตทั้งฝั่งฮาร์ดแวร์และคอนเทนต์จึงไม่มีภาระต้นทุนเพิ่ม นี่คาดว่าจะเป็นสิ่งจูงใจให้มีการใช้งาน HDR10+ ในวงกว้าง และมีโอกาสแพร่หลายอย่างรวดเร็ว

กระนั้นด้วยอิทธิพลของ Dolby ที่มีในวงการภาพยนตร์ รวมถึงภาพลักษณ์ในมุมมองของผู้ใช้งาน ประเด็นค่าลิขสิทธิ์อาจคุ้มค่าต่อการลงทุนสำหรับผู้ผลิตก็เป็นได้ คงต้องติดตามดูกันยาวๆ

จะหารับชมคอนเทนต์แบบ HDR10+ ได้จากไหนบ้าง?

ตอบ: Amazon ถือเป็นพันธมิตรสำคัญที่ร่วมปั้น HDR10+ มาพร้อมกับ Samsung จึงไม่แปลกที่ในขั้นแรกจะได้ชมคอนเทนต์แบบ HDR10+ ผ่านการสตรีมมิ่ง (Amazon Prime) ส่วนค่ายหนังที่ป้อนภาพยนตร์ให้ คือ 20th Century Fox นั่นเอง

HDR10+ ได้กลายเป็นมาตรฐานหนึ่งของ “Ultra HD Blu-ray Specification” เป็นที่เรียบร้อย และเริ่มทยอยออกมาให้เห็นในรูปแบบ 4K HDR Blu-ray Disc บ้างแล้ว 


ในส่วนของเพลเยอร์ ท่านใดที่ใช้งาน Samsung UHD Blu-ray Player รุ่นปี 2017 สามารถอัพเดทเฟิร์มแวร์รองรับ HDR10+ ได้ทันที ส่วนรุ่นใหม่ที่จะวางจำหน่ายต่อไปในปี 2018 น่าจะพร้อมรองรับ HDR10+ จากโรงงานมาเลย (ที่มีข่าวออกมาแล้ว อาทิ Samsung UBD-N8500, UBD-N7500, UBD-N6500, Panasonic DP-UB9000, DP-UB820 และ DP-UB420)

จะมีทีวีกี่รุ่น ที่รองรับ HDR10+?

ตอบ: เราจะได้เห็นทีวี ที่รองรับ HDR10+ ออกวางจำหน่ายในปี 2018 นี้แน่นอน นำร่องโดย Samsung และ Panasonic


Samsung ในฐานะที่เป็นดั่งผู้ให้กำเนิดมาตรฐาน HDR10+ ย่อมไม่พลาดแน่นอน ข่าวล่าสุด คาดว่า 2018 QLED TV ทั้ง 4 รุ่น ได้แก่ Q9FN Q8CN (Q8FN US only), Q7FN และ Q6FN จะรองรับมาตรฐานี้ เช่นเดียวกับรุ่นรองลงมาอย่าง NU8500 และ NU8000

ส่วน Panasonic ก็จัดเต็มไม่แพ้กัน 4K HDR OLED TV ประจำปี 2018 ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ FZ950 และ FZ800 จะรองรับ HDR10+ เช่นเดียวกับ EZ1000 4K HDR OLED TV (รุ่นเรือธง ที่วางจำหน่ายไปในปีที่แล้ว) ก็สามารถอัพเดทเฟิร์มแวร์ให้รองรับมาตรฐานใหม่นี้ด้วย

นอกจากนี้ 4K HDR LED TV ประจำปี 2018 “ทุกรุ่น” ของ Panasonic ก็รองรับ HDR10+ ได้แก่ FX780, FX740, FX700 และ FX600

สามารถตรวจสอบแบรนด์ทีวี เพลเยอร์ และผู้ผลิตคอนเทนต์ ที่ตอบรับมาตรฐาน HDR10+ เพิ่มเติมได้ ที่นี่

Smartphone ก็รองรับ HDR10+ แล้วนะ!?

ในเมื่อ Samsung เป็นผู้ผลักดันเทคโนโลยี HDR10+ จึงไม่แปลกที่ Smartphone ยี่ห้อนี้เริ่มทยอยรองรับมาตรฐานดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นอานิสงส์จากหน้าจอ AMOLED ที่ให้ความเปรียบต่างของแสงและขอบเขตสีกว้างเป็นพิเศษ

นอกจากนี้ Smartphone บางรุ่นยังรองรับการบันทึกวิดีโอภาพเคลื่อนไหวในรูปแบบของ HDR10+ ได้อีกด้วย การเก็บข้อมูลรายละเอียดของแสงและสีย่อมจะดีกว่ารูปแบบการบันทึกวิดีโอเดิมๆ แบบ SDR ทว่าจะต้องนำไฟล์วิดีโอที่ได้ไปเปิดรับชมกับจอภาพที่รองรับมาตรฐาน HDR10+ เท่านั้น จึงจะแสดงผลได้อย่างถูกต้อง

by ชานม !

Last Update 2020-06