29 Dec 2018
Article

OLED TV และ QLED TV ต่างกันอย่างไร ? ต้องเลือกแบบไหน ?


  • lcdtvthailand
รับชมคลิป OLED vs QLED vs ULED ได้ที่บนนี้เลยครับ
โครงสร้าง OLED ด้านขวา ตัวพิกเซลสามารถเปล่งแสงเองได้ หรือ Self-Lighting เวลาแสดงสีดำก็ดับไฟปิดพิกเซลได้เลย ทำให้แสดงสีดำได้ดำสนิท 100%

OLED TV  ย่อมาจาก Organic Light Emitting Diode เป็นเทคโนโลยีการแสดงผลภาพใหม่ล่าสุด เม็ดพิกเซลสามารถเปล่งแสงสีออกมาได้ด้วยตัวเอง ให้ระดับสีดำที่ดำสนิท 100% ให้ระดับคอนทราสต์สูงมาก พร้อมสีสันที่สดอิ่มแวววับ ภาพมีมิติลุ่มลึก คุณภาพของภาพดีที่สุด” ในนาทีนี้ !!!

ในอดีตอาจมีข้อจำกัดเรื่องการเบิร์นอินหรือภาพค้างติดหน้าจอหากเปิดภาพนิ่งไว้เป็นเวลานานอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้ OLED TV รุ่นใหม่สามารถจัดการปัญหานี้ได้ดีขึ้นมากแล้ว หากใช้งานทีวีแบบปกติทั่วไป เช่นดูหนังหรือดูรายการทีวี ปัญหานี้ก็แทบจะไม่เกิดขึ้น

OLED TV เหมาะกับ …..??

1) ท่านที่จริงจังกับคุณภาพของภาพแบบ ไปให้สุด แถมให้มุมมองรับชมที่กว้าง ดูเฉียงๆภาพยังสีสด
2) ดูหนังในห้องมืด เพราะสร้างระดับความดำได้ 100% พื้นหลังดำสนิทอย่างแท้ทรู ส่งผลให้แสงสีดูป็อปอัพเจิดจรัสมาก 
3) ห้องสว่างแบบปกติก็ให้ภาพที่สวยโดดเด้ง ไม่ว่าจะดูหนังหรือรายการทีวีทั่วไป
4) เล่นเกมคอนโซลที่มีภาพเคลื่อนไหวและสลับฉากอยู่เป็นช่วงๆ

OLED TV ไม่เหมาะกับ ….???

1) ต่อกับคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊คแล้วใช้เป็นจอมอนิเตอร์ทำงานหรือเล่นเกมส์ เช่นเปิด Powerpoint หรือหน้า Desktop ค้างไว้
2) เป็นจอ Display แสดงผลภาพนิ่งเป็นระยะเวลานาน เช่น จอแสดงตารางการบินในสนามบินหรือจอแสดงเมนูในร้านอาหาร

โครงสร้างของ Quantum Dot เป็นชั้นพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาระหว่างหลอดไฟแบ็คไลท์กับชั้นพิกเซลที่หน้าจอ
ช่วยบูสท์สีสันและความสว่างให้สูงขึ้น ปัจจุบัน QLED TV ส่วนใหญ่ใช้โครงสร้างแบบรูปที่ 3

QLED TV ย่อมาจาก Quantum Dot Light Emitting Diode TV โดยพื้นฐานเป็นจอ LED LCD TV แต่อัพเกรดประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี Quantum Dot ที่ช่วยส่งผลให้สีสันและความสว่างเหนือชั้นกว่า LED TV ทั่วไป ให้ภาพที่สดรุกเร้า โดยระดับสว่างสูงสุดของรุ่นท็อปๆก็มักทะลุเกิน 2000 nits(อัพเดทรุ่นท็อปๆปี 2019 สว่างเกิน 3000 nits ไปแล้ว)


ซึ่งถือว่าสว่างสุดฤทธิ์หากเทียบกับ LED TV ทั่วไปซึ่งจะอยู่ราว 300-1000 nits และ OLED TV ที่สว่างสุดประมาณ 700 nits จุดเด่นนอกเหนือจากความสว่างอันซูซ่าคือไม่มีปัญหาเรื่องเบิร์นอินจึงสามารถใช้งานทีวีได้ “ยืดหยุ่นทุกรูปแบบ” อย่างไม่ต้องกังวลใจ 100% Worry Free

QLED TV เหมาะกับ ….?

1) ดูในห้องสว่างมากเช่นไม่มีผ้าม่านคุมแสงและห้องสว่างปกติ สู้ได้ทุกสภาพแสง แถมให้ค่าปริมาตรสีหรือ Color Volume ที่สูง เร่งแสงสว่างมากสีก็ยังสดอยู่
2) ห้องมืดสนิทหรือห้องแสงสลัวก็ยังใช้ได้ดี แม้โครงสร้างหลอดไฟแบ็คไลท์จะเป็น Edge LED หรือ Full LED ก็ดี แต่ก็ยังมีฟีเจอร์ Local Dimming ที่ช่วยเปิด-ปิด-หรี่ หลอดไฟเป็นโซน สามารถถ่ายทอดระดับความดำอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ แต่ก็ยังไม่ถึงขึ้นดำสนิท 100% (รุ่นท็อปในตอนนี้ดิมหลอดไฟได้ดำสนิทขึ้นมาก)
3) เล่นเกมส์คอนโซลและเกมส์คอมพิวเตอร์ทุกรูปแบบ เปิดค้างคืนไว้ยังได้ 
4) ต่อเป็นมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์ เพราะเปิดภาพนิ่งหรือสไลด์โชว์แช่ไว้นานแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัวเบิร์นอิน

ข้อจำกัดของ QLED TV

1) โครงสร้างพื้นฐานยังเป็นจอ LED LCD จึงต้องใช้หลอดไฟ LED Backlight ในการกำเนิดแสงสว่างให้แต่ละเม็ดพิกเซล 
2) มุมมองการรับชมกว้างขึ้นก็จริงแต่ก็ยังมีองศาที่จำกัดอยู่ เจอมุมเฉียงโหดๆก็มีสีซีดให้เห็น
– อัพเดท QLEDรุ่นท็อปๆปี 2019 มีการปรับปรุงให้มุมมองรับชมด้านข้างให้กว้างขึ้นจากเดิมมาก แต่รุนเริ่มต้นมุมมองด้านข้างก็ยังจำกัดเหมือนเดิม

สรุป

OLED TV และ QLED TV เป็นจอภาพที่ใช้เทคโนโลยีที่ต่างกัน มีจุดเด่นและข้อจำกัดคนละแบบ ฉะนั้นขอให้ใช้ข้อมูลข้างต้นในการเลือกชนิดทีวีให้ “เหมาะกับลักษณะการใช้งาน” ของท่านที่สุด และพร้อมเรียนรู้ที่จะใช้ทีวีแต่ละชนิดให้ “ถูกทาง” เพื่อบรรลุจุดหมายปลายทางของการใช้ทีวีนั่นก็คือ “ความสุขอย่างยั่งยืน” ในการรับชมคอนเทนต์โปรดนั่นเอง !

อ่านบทความ : จอ VA และ IPS ต่างกันอย่างไร ? เลือกอย่างไหนดี ?