30 Jan 2019
Article

แนะนำแอพฯฟังเพลงสตรีมมิ่ง เจ้าไหนน่าใช้ที่สุด!?


  • lcdtvthailand

แนะนำแอพฯฟังเพลง Music Streaming เจ้าไหนน่าใช้ที่สุด!?


ต้องยอมรับว่าปัจจุบันนี้กระแสการฟังเพลงบนแอพฯ บริการฟังเพลงสตรีมมิ่ง (Music Streaming) นั้นมาแรงจริงๆ มีหลายเจ้าออกมาให้เลือกใช้งานมากมาย ทั้งในรูปแบบฟรีและเสียค่าสมาชิกรายเดือน แต่เพราะว่ามีเยอะมากมายหลายเจ้า บางท่านจึงอาจตัดสินใจไม่ได้ว่าผู้ให้บริการแบรนด์ไหน จะตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด บทความนี้จึงรวบรวมข้อมูลของแอพฯ สตรีมมิ่งต่างๆ เอาไว้ เจ้าไหนมาจุดเด่นอะไรบ้าง มาดูกันเลย!

Deezer

Deezer เป็นผู้ให้บริการสตรีมมิ่งสัญชาติฝรั่งเศส มีผู้ใช้ทั่วโลกเกินกว่า 14 ล้านคน สามารถใช้งานแบบฟรีได้ แต่จะมีโฆษณามาคั่นเพลง หน้าตาอินเทอร์เฟสใช้งานง่าย ไม่รกสายตา จัดลำดับเพลงสะดวก พร้อมรองรับภาษาไทย มีแพ็คเกจรายเดือนให้เลือกใช้หลากหลาย ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 65 บาท/เดือน สำหรับนักศึกษา และ 129 บาท/เดือน สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป หรือจะใช้งานแบบครอบครัวก็ทำได้ รองรับสูงสุดที่ 6 โปรไฟล์ ในราคา 199 บาท/เดือน

ด้านจำนวนเพลงของ Deezer นั้น มีมากกว่า 53 ล้านเพลง ตอบโจทย์ผู้ฟังเพลงไทยและเพลงสากลได้ดีเลยทีเดียว เพราะเพลงสากลไม่ว่าจะจากญี่ปุ่น ยุโรป หรืออเมริกา ก็มีให้ฟังกันค่อนข้างครอบคลุม เพลงไทยก็เช่นกัน ค่ายเล็กน้อยใหญ่ขนมากันเพียบ มีครบถ้วนยกเว้นเพลงจากค่าย GMM Grammy

คุณภาพเสียงที่ได้จากแพ็คเกจรายเดือน จะให้ความละเอียดเสียงอยู่ที่ MP3 320kbps สามารถอัพเกรดความละเอียดสูงสุด ให้สตรีมมิ่งได้ในรูปแบบ FLAC 16bit/44.1kHz ส่วนผู้ใช้แบบฟรีจะได้ความละเอียดเพียง 128kbps เท่านั้น และสามารถดาวน์โหลดเพลงเก็บไว้ฟังแบบออฟไลน์ได้ รองรับการ Cast จากตัวแอพฯ ด้วย

Spotify

Spotify น่าจะเป็นผู้ให้บริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไทย ณ ขณะนี้ แม้จะเปิดตลาดในไทยได้ไม่นาน ด้วยจุดเด่นที่ AI ที่มาช่วยจัดเพลย์ลิสต์ให้ลื่นไหล ตรงตามสไตล์การฟัง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปิดเพลงฟังแบบไหลไปเรื่อยๆ หรือค้นหาเพลงใหม่ที่ตรงประเภทความชื่นชอบ จำนวนเพลงก็มากมาย โดยในส่วนของเพลงไทย มีให้ครบทุกค่ายเพลงให้เลือกฟังกันตามสะดวก

การฟังแบบฟรีจะให้ความละเอียดเสียงอยู่ที่ 160kbps ส่วนแพ็คเกจรายเดือนจะเพิ่มความละเอียดมาเป็น OOG 320kbps แต่ Spotify ยังไม่มีแพ็คเกจคุณภาพเสียงระดับ Lossless เหมือนเจ้าอื่นๆ ซึ่งชดเชยด้วยการมีฟีเจอร์ประหยัดอินเทอร์เน็ต ที่จะสตรีมมิ่งในความละเอียดต่ำ สามารถดาวน์โหลดเพลงไว้ฟังแบบออฟไลน์ได้ ยังมีฟีเจอร์ Spotify Connect ช่วยให้สตรีมอย่างรวดเร็วในทุกๆ อุปกรณ์

เปิดให้ใช้งานแบบฟรีได้ แต่จะมีโฆษณาคั่น และเป็นการเล่นเพลงแบบสุ่ม ราคาแพ็คเกจรายเดือนจะอยู่ที่ 129 บาท/เดือน หรือแพ็คเกจแบบครอบครัว ราคาอยู่ที่ 199 บาท/เดือน ใช้งานได้สูงสุด 5 โปรไฟล์

Tidal

บริการสตรีมมิ่งที่มี Jay-Z นักร้องแรปเปอร์ชื่อดังเป็นเจ้าของ สร้างชื่อจากการเป็นสตรีมมิ่งเจ้าแรกที่ให้สตรีมเพลงคุณภาพเสียงระดับ CD Quality ในฟอร์แมตเสียง FLAC 16bit/44.1kHz ตอบโจทย์ผู้ที่นิยมฟังเพลงความละเอียดสูง ซึ่งการฟังเพลงประเภทจะมีจุดสังเกตในเรื่องของเสียงร้อง รายละเอียด การแยกชิ้นเครื่องดนตรีที่ชัดเจน เทียบเท่ากับการฟังผ่านแผ่นซีดี เพลงส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปทางต่างประเทศ เพลงไทยมีน้อยมากๆ จึงเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบฟังเพลงสากลเป็นหลัก

แต่แน่นอนว่าคุณภาพการฟังสูงขนาดนี้ ราคาค่าบริการก็ย่อมสูงตาม ทั้งยังมีจุดดีมากที่ความสามารถสตรีมในหลายฟอร์แมต ไม่ว่าจะเป็น AAC, FLAC, ALAC และ MQA เพื่อได้ศักยภาพสูงสุดตามความเหมาะสมของแต่ละอุปกรณ์ โดยแพ็คเกจ Tidal HiFi สำหรับสตรีมมิ่งที่ความละเอียด 16bit/44.1kHz ได้ทั้งฟอร์แมต FLAC และ ALAC ราคาอยู่ที่ 258 บาท/เดือน หรือแบบครอบครัวอยู่ที่ 387 บาท/เดือน

ส่วนแพ็คเกจรายเดือนในราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 129 บาท/เดือน ได้บิตเรทอยู่ที่ 320kbps ในฟอร์แมต AAC และล่าสุดนี้ Tidal ได้เพิ่มการรองรับรหัสเสียง MQA ที่เป็นรหัสใหม่ล่าสุด เป็นฟอร์มแมตที่ใช้บิตเรทต่ำ แต่ได้คุณภาพความละเอียดสูงระดับเดียวกับสตูดิโอ ซึ่งการจะฟังในฟอร์แมตนี้ได้ อุปกรณ์ที่ใช้งานต้องรองรับการถอดรหัส MQA ด้วยนะ

Apple Music

ถึงจะชื่อ Apple Music แต่ก็สามารถใช้งานได้ทั้งฝั่ง iOS และ Android นะ มีคลังเพลงมากถึง 50 ล้านเพลง สามารถดาวน์โหลดไว้ฟังแบบออฟไลน์ได้เช่นกัน ตอบโจทย์เป็นอย่างมากกับผู้ใช้งาน iPhone และ iTunes เพราะซิงก์บัญชีเพื่อใช้งานร่วมกันกับเพลงภายในเครื่องได้ อีกทั้งมักจะมีคอนเท็นต์ Exclusive ที่สามารถรับฟังได้เฉพาะผู้ใช้งาน Apple Music เท่านั้นเสมอ

บิตเรตของการสตรีมมิ่งจะอยู่ที่ 256kbps ในฟอร์แมต AAC ซึ่งปัจจุบันมีอุปกรณ์ที่รองรับ Apple Music ที่แพร่หลาย ช่วยให้สตรีมมิ่งไปยังอุปกรณ์นั้นๆ ได้แบบตรงๆ เพื่อคุณภาพเสียงที่ดีกว่าการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth ใช้งานร่วมกับผู้ช่วยอัจริยะ Siri บน iPhone รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ของ Apple เช่น Apple Watch ได้

ค่าบริการรายเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 69 บาท/เดือน สำหรับนักศึกษา ส่วนแพ็คเกจบุคคลอยู่ที่ 129 บาท/เดือน และแพ็คเกจครอบครัวอยู่ที่ 199 บาท/เดือน ใช้ร่วมกันสูงสุดได้ถึง 6 คน แม้จะไม่มีการฟังแพ็คเกจฟรี แต่สามารถทดลองใช้งานฟรีก่อน 3 เดือนเลยทีเดียว

Joox

Joox แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งลูกครึ่งไทย-จีน เป็นผู้ให้บริการที่มีเพลงไทยเยอะมากที่สุดในบรรดาสตรีมมิ่งทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่ายเพลงเล็กใหญ่ จนเป็นจุดเด่นสำคัญของ Joox ส่วนเพลงสากลก็มีค่อนข้างเยอะไม่น้อยหน้าเจ้าอื่นๆ และยังมีการจัดเพลย์ลิสต์แนะนำตามความนิยม หรือประเภทดนตรีตามความชอบที่ลื่นไหล ใครที่ชื่นชอบการฟังเพลงไทย รับรองว่าไม่ผิดหวัง

ฟอร์แมตในการฟังเพลงจะมี 2 ฟอร์แมตด้วยกันคือ MP3 สำหรับการฟังแบบฟรี ความละเอียดจะอยู่ที่ 160kbps ส่วนผู้ที่เสียค่าสมาชิกรายเดือน จะได้อัพเกรดคุณภาพเสียง สุงสุดที่ความละเอียดระดับ Hi-Fi ให้บิตเรต 1411kbps แต่เพลงประเภท Hi-Fi นี้ จะไม่ได้ให้มีให้ทุกเพลง ซึ่งเพลงอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นระดับ Hi-Fi จะปล่อยให้สตรีมมิ่งอยู่ที่บิตเรตสูงสุด 320kbps

สามารถฟังได้ฟรี แต่จะมีโฆษณาคั่นและจำกัดเพลงให้เฉพาะแก่ผู้ใช้ที่เสียค่าสมาชิก (ส่วนใหญ่เป็นเพลงใหม่หรือเพลงฮิต) ซึ่งทาง Joox ก็มักจะมีกิจกรรมหรือโปรโมชั่นพิเศษมาให้แก่ผู้ใช้งานฟรีบ่อยๆ เพื่อข้ามข้อจำกัดเหล่านี้ ส่วนค่าสมาชิกรายเดือนจะอยู่ที่ 129 บาท/เดือน

สรุป

ผู้ให้บริการหลายๆ เจ้าในตอนนี้ ต่างก็งัดลูกเล่นและปรับราคาให้ใกล้เคียงกัน จนแทบจะไม่ต่างกันมากนัก จึงขึ้นอยู่กับความชื่นชอบในเรื่องของหน้าตา User Interface มากกว่า ว่าจะตอบโจทย์ความยากง่ายในการใช้งานมากเพียงใด ปัจจัยการพิจารณาต่อคงหนีไม่พ้นเรื่องราคา จะสังเกตได้ว่าบางรายมีแพ็คเกจแบบครอบครัว สามารถหาเพื่อนๆ มาช่วยกันแชร์ค่าบริการให้เหลือเพียงหลักสิบต่อเดือนได้ เพื่อเป็นการประหยัดโดยที่ยังอุดหนุนการฟังเพลงแบบถูกลิขสิทธิ์

ส่วนที่เหลือให้ต้องพิจารณาก็คือประเภทเพลงที่นิยมฟัง และคุณภาพเสียง เช่น นิยมฟังเพลงไทย ก็คงหนีไม่พ้น Joox, Spotify หรือ Apple Music แต่ถ้านิยมฟังเพลงสากล มีเพลงไทยฮิตๆ แซมบ้าง เน้นหนักไปทางคุณภาพเสียง Deezer, Apple Music หรือ Tidal ก็ตอบเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมเลย แนะนำว่าให้ทดลองใช้ฟรีก่อน จะได้เพลิดเพลินกับเสียงเพลงได้อย่างมีความสุข