17 Feb 2020
Article

HDMI ARC VS Optical แบบไหนดีกว่ากัน !!!


  • TopZaKo
สามารถรับชมในรูปแบบคลิปวิดีโอที่ด้านบนได้เลยครับ

หลายคนที่ต้องการต่อเสียงจากทีวีไปเข้าที่ลำโพง Soundbar, AVR กับชุดเครื่องเสียง Home Theater เพื่ออัพเกรดคุณภาพเสียงในการรับรายการทีวีต่างๆ รวมถึงการรับชมภาพยนตร์ ซีรีส์ ผ่านแอปพลิเคชั่นอย่าง Netflix, Apple TV มักจะเจอกับคำถามที่ว่า 2 จะต่อผ่านทาง HDMI ARC หรือ Optical และแบบไหนเป็นอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง ผมจะไขข้อสงสัยให้ครับ

แต่ก่อนที่เรามาทำความรู้จักกับระบบเสียงที่เรามักจะพบเจอในปัจจุบันนี้กันก่อนครับว่ามีอะไรบ้าง โดยจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ดังนี้

  1. ระบบเสียงทั่วไปแบบ ซ้าย/ขวา PCM 2.0 Ch หรือที่เรามักเรียกกันว่า Stereo มักจะเจอได้ในรายการ
    Digital TV ปกติทั่วไป หรือแอปอย่าง YouTube
  2. ระบบเสียงแบบ Dolby Digital, DTS เป็นระบบเสียงรอบทิศทางที่เป็นมาตรฐานในยุคนี้ จะเป็นในรูปแบบ
    เสียง 5.1 Ch พบเจอได้กับแอปพลิเคชั่นสตรีมมิ่งอย่าง Netflix รวมถึงในแผ่น DVD กับเสียงภาคไทยใน
    แผ่น Blu-ray กับ 4K Blu-ray
  3. ระบบเสียงขั้นสูงอย่าง Dolby Digital Plus รวมถึงระบบเสียง 3 มิติ Immersive Sound แบบ
    Dolby Atmos กับ DTS : X มักเจอได้ในแอปพลิเคชั่นสตรีมมิ่งอย่าง Netflix กับ Apple TV
    รวมถึงบนแผ่น Blu-ray กับ 4K Blu-ray

ระบบเสียง Dolby Atmos ในแอปสตรีมมิ่งอย่าง Netflix กับ Apple TV จะเป็นแบบของ Lossy (Dolby Digital Plus) ที่เป็นการบีบอัดสัญญาณเล็กน้อย ซึ่งจะแตกต่างกับ Dolby Atmos, DTS:X บนแผ่น Blu-ray กับ 4K Blu-ray ที่เป็นแบบ Lossless (Dolby TrueHD) ซึ่งไม่มีการบีบอัดสัญญาณแต่อย่างใด

*ระบบเสียงในรูปแบบ Dolby Digital Plus ในบางครั้งก็มาในรูปแบบ 5.1 หรือ 7.1 Ch ได้เช่นเดียวกัน

HDMI ARC

สามารถคลิกอ่านบทความ HDMI ARC แบบละเอียดที่ภาพได้เลยครับ

HDMI ARC เป็นฟีเจอร์การส่งเสียงของทีวีย้อนกลับมาที่เครื่องเสียงของเรา ผ่านทางพอร์ต HDMI ในเวอร์ชั่น 1.4 ขึ้นไป ซึ่งทีวีทั่วไปในท้องตลาดจะมีฟีเจอร์นี้มาให้แทบทุกรุ่นแล้วครับ โดยฟีเจอร์นี้จะเป็นการส่งเสียงจากรายการทีวี จากแอปสตรีมมิ่งอย่าง Netflix, Apple TV, YouTube ไปยังลำโพง Soundbar หรือเครื่องเสียงของเราได้นั่นเอง

ช่อง HDMI ARC ที่ด้านหลังของ TV
ระบบเสียง Immersive Sound อย่าง Dolby Atmos

โดยสเปคด้านเสียงของ HDMI ARC นั้นจะมี Banwidth ของการส่งสัญญาณเสียงที่กว้าง รองรับการส่งสัญญาณเสียงได้หลากหลายแบบไม่ว่าจะเป็น PCM 2.0 Ch แบบปกติ, Dolby Digital, DTS, Dolby Digital Plus รวมถึงระบบเสียง 3 มิติ Immersive Sound ในยุคปัจจุบันอย่าง Dolby Atmos ได้

ช่อง HDMI ARC ที่ด้านหลังลำโพง Soundbar
ช่อง HDMI ARC ด้านหลังเครื่องเสียง AVR

ใน การเชื่อมต่อ ก็ไม่ยากเลยเพียงเสียบสาย HDMI ที่ช่อง HDMI Out ของลำโพง Soundbar หรือ AVR ในช่องที่มีคำว่า ARC กำกับไว้อยู่ ไปยัง HDMI In ของ TV ในช่องทีเขียนกำกับ ARC ไว้เช่นเดียวกัน ก็พร้อมใช้งานแล้วครับ

ตั้งค่า Audio Output ให้เป็น HDMI ARC

เพิ่มเติม : สำหรับทีวีในบางรุ่นอาจจะต้องเข้าไปตั้งค่าในส่วนของ HDMI CEC ให้เป็น On รวมถึงต้องตั้งค่าเลือกเสียงของลำโพง Output จากตัวทีวีให้เป็นลำโพงภายนอกด้วย ซึ่งแต่ละยี่ห้ออาจใช้คำต่างกันเล็กน้อยเช่น External Speaker, HDMI ARC, Audio Out เป็นต้น


โดยรวมเราจะเห็นได้ว่าการใช้งาน HDMI ARC เป็นอะไรที่สะดวกสบายมาก แต่ในความเป็นจริงเนื่องจากเป็นการทำงานแบบ 2 ทาง หรือส่งสัญญาณ ไปมา แบบย้อนกลับ ทำให้บางครั้งอาจมีโอกาสเกิดการ “ผิดพลาดในการส่งสัญญาณ” รวมถึงการไม่เข้ากันของอุปกรณ์ได้ แม้เราจะ Setup ระบบพร้อมใช้งานเรียบร้อยแล้ว แต่ในบางครั้งอาจเจออาการ “เสียงติดๆ ดับ” หรือเสียงไม่ติดเลยก็มี” รวมถึงวันนี้้ใช้ได้ พรุ่งนี้ใช้ไม่ได้ วันถัดมากลับมาใช้ได้ตามปกติ ทำให้เสียอารมณ์ได้บ้างในบางครั้ง ซึ่งผู้ใช้อย่างเราๆ ทำได้แค่เพียงรอให้ผู้ผลิตทีวีเครื่องเสียงออกอัพเดตเฟิร์มแวร์มาแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีความเสถียรมากขึ้น

ระบบเสียง Dolby Atmos และ DTS : X

***ในปัจจุบันเทคโนโลยี ARC ได้มีการพัฒนาขึ้นอีกขั้นมาเป็น eARC ทำให้สามารถส่งสัญญาณเสียง Dolby Atmos และ DTS : X แบบ Lossless ที่ไม่มีการบีบอัดสัญญาณอย่างได้ โดยจะใช้งานร่วมกับ HDMI 2.1 ที่กำลังจะถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายในเร็วๆ นี้***

Optical

Optical เป็นสายการเชื่อมต่อสัญญาณเสียงแบบ Digital ชนิดหนึ่งที่ผู้ผลิตทีวีส่วนใหญ่นิยมเลือกนำมาเป็นช่องต่อ Digital Output จากตัวทีวีมาที่ลำโพง Soundbar รวมถึงเครื่องเสียงต่างๆ โดยสามารถใช้ส่งสัญญาณเสียงจากรายการทีวี หรือจากแอปสตรีมมิ่งต่างๆ อย่าง Netflix ก็ได้เช่นกัน


***ในทีวีบางรุ่นจะใช้สายทีเรียกว่า Coaxial ซึ่งเป็นสายสัญญาณ Digital อีกหนึ่งรูปแบบที่มีคุณสมบัติด้านการส่งสัญญาณเสียงได้เหมือนสาย Optical เลยครับ***

ช่อง Optical Digital Output

สเปค ด้านเสียงนั้นแม้ว่าจะสามารถส่งสัญญาณเสียงแบบ Digital ได้ แต่เนื่องด้วยเป็นเทคโนโลยีที่ออกมาหลายปีแล้วจึงทำให้มี Bandwidth ที่ต่ำกว่า HDMI ARC จึงทำให้ส่งสัญญาณเสียงได้แบบมาตรฐานในยุคก่อนอย่าง PCM 2.0 Ch แบบปกติ, Dolby Digital และ DTS ธรรมดาเท่านั้น ไม่สามารถส่งสัญญาณเสียงขั้นสูงอย่าง Dolby Digital Plus กับระบบเสียง 3 มิติในยุคปัจจุบันอย่าง Dolby Atmos ได้นั่นเอง

ช่อง Optical In ที่ด้านหลังลำโพง Soundbar
ช่อง Optical In ด้านหลัง AVR

ในการเชื่อมต่อ ให้เสียบสาย Optical จากช่อง Digital Audio Out จากตัวทีวี มาเข้าที่ช่อง Digital Audio In ที่ตัวลำโพง Soundbar, AVR หรือเครื่องเสียงของคุณ เท่านี้ก็พร้อมใช้งานแล้ว ซึ่งในทีวีบางเครื่องเมื่อเชื่อมต่อเสร็จแล้วอาจจะต้องเข้าไปตั้งค่าในส่วน Audio Out ของตัวทีวีจากลำโพงทีวีปกติให้เป็น Digital Out หรือ อุปกรณ์ภายนอก (อาจใช้ชื่อเรียกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละแบรนด์) ด้วยครับ


ใน การใช้งานจริง ของสาย Optical หากเราไม่ได้ใช้ทีวีกับเครื่องเสียงที่รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ก็สามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะสามารถรองรับระบบเสียงทั่วไปอย่าง PCM, Dolby Digital รวม DTS ธรรมดาได้ และเนื่องจากเป็นการเชื่อมต่อแบบทางเดียวแถมยังทำหน้าที่ส่งสัญญาณเสียงโดยเฉพาะจึงทำให้แทบจะไม่เจอปัญหาการเข้ากันไม่ได้ของอุปกรณ์ต่างๆ ให้เราหงุดหงิดเลยอีกด้วย

สรุป

สรุประบบเสียงที่รองรับ

ใครที่ต้องการรับฟังเสียงในรูปแบบ Dolby Digital Plus กับ Dolby Atmos จากแอปพลิเคชั่นสตรีมมิ่งอย่าง Netflix และ Apple TV บนทีวี มาที่ชุดเครื่องเสียง หรือ ลำโพง Soundbbar ก็แนะนำให้เลือกใช้การเชื่อมต่อแบบ “HDMI ARC” ซึ่งอาจพบเจออาการ เสียงติดๆ ดับๆ บ้างในบางครั้ง แต่ถ้าหากใครที่ไม้ได้ต้องการระบบเสียงขั้นสูงอย่าง Dolby Digital Plus กับ Dolby Atmos ก็แนะนำให้เลือกใช้งานเป็นสายแบบ Optical ที่มีความเสถียรในการส่งสัญญาณที่ดีกว่า ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีครับ

สามารถรับชมในรูปแบบคลิปวิดีโอที่ด้านบนได้เลยครับ