04 Jun 2014
Article

ก่อนเลือกซื้อทีวี !!! มาดูกันว่า Panel แต่ละชนิด มีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร ที่นี่เลย !!!


  • lcdtvthailand

สำหรับหน้าจอทีวีในปัจจุบันนี้ทั้ง LCD TV และ LED TV ก็จะใช้ Panel ที่ไม่เหมือนกัน หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วเจ้า “Panel” แต่ละชนิด มันมีข้อแตกต่างกันอย่างไร รวมไปถึงข้อดี ข้อเสีย และสุดท้ายแล้วเราควรจะเลือกใช้แบบใดกันแน่ แต่ไม่ต้องห่วงครับ!! บทความนี้จะพาท่านไปรู้จักกับ Panel ทั้ง 3 แบบที่ใช้กันในปัจจุบันคือ  IPS , VA และ TN 

1. Panel แบบ IPS ( In-Plane Switching )  
หน้าจอแบบ IPS นี้ ผมคิดว่าน่าจะคุ้นหูคุ้นตากันมากที่สุด เพราะส่วนมากเวลาเราไปเดินตามห้างก็จะเห็นคำนี้แปะอยู่บนทีวีหลายๆยี่ห้อ สำหรับข้อดีของ IPS ที่เด่นชัดที่สุดก็คือ “มุมมองที่กว้างขวาง” ถึง 178 องศา ที่ช่วยให้หน้าจอชนิดนี้ได้เปรียบกว่าหน้าจอชนิดอื่นๆในด้านตำแหน่งการรับชม ที่ไม่ว่าจะนั่งมุมไหน อัตราการผิดเพี้ยนของสี ก็จะน้อยมาก  แต่พูดข้อเสียของ IPS ก็คือในด้านการแสดงผล ”สีดำ”  ( black-level ) อาจจะยังไม่ดีเท่าหน้าจอแบบ S-PVA

ภาพเปรียบเทียบมุมมองด้านข้าง ระหว่างหน้าจอ IPS กับ VA
จอ IPS จะนิยมเรียกกันว่าจอแข็ง ( Hard Panel ) ส่วนตระกูล VA จะเรียกว่าจออ่อน หรือ ( Soft Panel )
ถ้าลองเอานิ้วลูบหน้าจอ VA จะขึ้นเป็นลายน้ำชัดเจนครับ

ชนิดของ Panel IPS ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยบริษัทต่างๆ

– Super-IPS ( S-IPS )  
ให้กำเนิดในปี 1998 โดยบริษัท Hitachi ซึ่งมีจุดมุ่งหมายคือพัฒนาคุณภาพของหน้าจอให้ดียิ่งขึ้นกว่าหน้าจอ IPS แบบเดิมทั้งในด้าน Response Time ที่ต่ำลงและการแสดงสีสัน ในปัจจุบันถูกผลิตโดยสองบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการจอภาพคือ LG และ Philips ซึ่งทาง LG ก็ได้ใช้หน้าจอนี้กับทีวีของตัวเองโดยมีจุดขายที่มุมมองการใช้งานกว้างขวางอีกด้วย 

มาดูภาพของพิกเซลหน้าจอ S-IPS กันครับ 
จะเห็นว่าตัวพิกเซลซ้อนกันเป็นบั้ง ช่วยในเรื่องมุมมองด้านข้างได้ดีครับ
– Horizontal IPS ( H-IPS ) เป็นอีกหนึ่งชนิดของหน้าจอ IPS ที่ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อแก้ไขในเรื่องของแสงรั่วตามขอบจอทั้งในมุมข้างและมุมตรง รวมทั้งแก้ไขภาพติดโทนม่วงในมุมมองด้านข้างและช่วยลด Noise อีกด้วย แต่ทั้งหมดนี้ก็ทำให้ตัวหน้าจอ H-IPS มีมุมมองที่แคบลงอีก

– IPS-alpha ( Panasonic ) 
Panel แบบ IPS-alpha นี้ จริงๆถูกพัฒนาขึ้นมาจาก Panel ที่เรียกกันว่า IPS-Pro นั่นเอง โดยในปัจจุบันนั้นทาง Panasonic ได้นำมาใช้กับ LCD TV / LED TV ของตนเอง ข้อดีของ Panel ชนิดนี้จะมีในเรื่องของ Contrast Ratio ที่สูง และ Color Space หรือช่องว่างของสีที่กว้าง ส่งผลให้สามารถแสดงสีออกมาได้ครบถ้วนและเป็นธรรมชาติมากขึ้น เปรียบเสมือนการนำเอา Panel PVA และ ASV มารวมกัน โดยปราศจากข้อเสียในด้านของมุมมองที่แคบ

2. หน้าจอ Vertical Alignment (VA) 
ถ้าเปรียบเทียบหน้าจอ IPS , TN และ VA นั้น จุดเด่นที่สุดของ VA ก็คือสีดำที่ดำสนิท หรือให้ค่า Contrast Ratio ที่สูง สำหรับหน้าจอ VA นี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของมุมมองที่น้อยกว่าแบบ IPS แต่ก็ถือว่ายังดีกว่าแบบ TN ยกตัวอย่างเช่นในฉากที่มืด จะทำให้เห็นรายละเอียดน้อยลงไปด้วย ถ้าไม่ได้นั่งอยู่ตำแหน่งตรงกลางจอภาพ แต่เรื่องสีสันก็ถือว่าออกแนวสว่าง สดใส 

ลองเปรียบเทียบความต่างของ Panel VA และ TN นะครับ ด้านซ้าย VA จะแสดงสีดำได้ดำสนิทกว่าทาง TN ทางด้านขวา

– S-PVA ( Super Patterned Vertical Alignment )
Panel แบบ S-PVA ก็เป็นอีกหนึ่งแบบที่นิยมใช้กัน ( พัฒนาขึ้นมาจาก Panel แบบ MVA ) ซึ่งในปัจจุบันมีทั้ง Samsung และ Sony ที่ใช้ทำตลาดอยู่ โดยเป็น Panel 8 Bit ขึ้นไป ( 8 bit ช่วยให้แสดงสีได้ 256 ระดับใน 1 แม่สี ส่วนถ้าเป็น 10 Bit ก็จะแสดงผลได้มากกว่านั้น 4 เท่าคือ 1024 ระดับใน 1 แม่สี ) ข้อดีของ S-PVA คือการแสดงสีดำ ที่ให้ความดำมีมิติ และถูกพัฒนาให้มี Response Time ที่ต่ำลงเรื่อยๆ

พิกเซลแบบ S-PVA ( จาก Samsung C7000 )

– ASV ( Axially Symmetric Vertical Alignment )
Panel ชนิดนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย Sharp 
โดยมีการเคลมไว้ว่าเป็นหน้าจอที่มีมุมมองกว้างขวางเช่นเดียวกัน ซึ่งทำตลาดภายใต้ชื่อเรียกว่า “Advance Super View” แต่โดยพื้นฐานก็ถูกพัฒนามาจากหน้าจอประเภท VA นั่นเองครับ 

ตัวอย่างพิกเซลใน Panel ASV ( ตัวนี้อยู่ใน Philips PFL9704 )

3. Panel แบบ TN ( Twisted Nematic )
มาถึง Panel แบบ TN หรือ Twisted Nematic ที่จะครองส่วนแบ่งในตลาดมากที่สุด  ด้วยข้อดี 2 ข้อที่ถือเป็นตัวตัดสินใจในการเลือกซื้อจอของผู้บริโภคนั่นคือ “ราคาถูก” และ  “มีค่า Response Time ที่ต่ำ“ ซึ่งในด้านราคานั้นก็ถือเป็นปัจจัยหลักเลย โดยส่วนมากจะพบเห็นได้ใน LCD TV รุ่นล่างไปจนถึงรุ่นกลาง ส่วนค่า Response Time ที่ต่ำก็จะทำให้ภาพเคลื่อนไหวไม่มีอาการกระตุกให้เห็น แต่ทั้งหมดนั้นแลกมากับข้อเสียอันใหญ่หลวงก็คือ มุมมองการรับชมที่แคบ และอัตราการผิดเพี้ยนของสีสูงกว่าหน้าจอแบบ IPS และ VA  ซึ่งมุมมองในแนวนอนทำได้เพียง 170 องศา และในแนวตั้งได้เพียง 160 องศาเท่านั้น 

ยี่ห้อ
ประเภทของ Panel ที่ใช้ ( เป็นส่วนมาก )

LGS-IPS

Panasonic
IPS-Alpha

Samsung
S-PVA

SharpASV

Toshiba
VA

Sony
S-PVA

PhilipsTBC

สรุป
หลังจากทำความรู้จักกับ Panel แต่ละชนิดกันแล้ว ทำให้เรารู้ถึงข้อดีและข้อเสียที่ต่างกันออกไป ผมขอสรุปอย่างสั้นๆว่าประเภทแรกคือ Panel TN ราคาถูกที่สุดเหมาะกับการใช้งานทั่วไปเช่นดูฟรีทีวีหรือดูภาพยนตร์ที่มีภาพเคลื่อนไหวรวดเร็วเพราะมี Response Time ต่ำ ถัดมาคือ Panel IPS เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการมุมมองที่กว้างขวางและต้องการความแม่นยำของสีในการแสดงผลให้ไม่ผิดเพี้ยน และสุดท้ายคือ  Panel VA เป็น Panel ที่มีจุดเด่นในด้านการแสดงสีดำมีค่า Contrast Ratio สูงแสดงรายละเอียดในที่มืดได้ดี และสุดท้ายนี้ไม่ว่าจะเป็น Panel ชนิดไหนก็ควรเลือกให้เหมาะสมตามความต้องการใช้งานของเราเองดีที่สุดครับ