12 Sep 2019
Article

ศึกสตรีมมิ่ง Netflix VS. Disney Plus VS. Apple TV Plus VS. Amazon Prime ใครแจ๋วใครเจ๋งมาดูกัน!!!!


  • tormoo

มาถึงตอนนี้ก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าตลาดของบริการสตรีมมิ่งนั้นได้ร้อนระอุที่สุดเท่าที่เคยมีมาก็ว่าได้เพราะทั้งเจ้าตลาดเดิมอย่าง Netflix ที่กำลังจะมีคู่แข่งคนสำคัญจากยักษ์ใหญ่หลายเจ้าเข้ามาท้าชิงตำแหน่งเจ้าแห่งบริการสตรีมมิ่ง ไม่ว่าจะเป็น Disney+ จาก Disney, Apple TV+ จาก Apple และ Amazon Prime Video จาก Amazon ซึ่งในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าแต่ละบริการนั้นมีจุดเด่น-จุดอ่อนอะไรกันบ้าง เดี๋ยวเรามาดูกันได้เลย

Netflix

บริการสตรีมมิ่งเจ้าตลาดในปัจจุบันอย่าง Netflix ที่มีจุดเด่นอยู่ที่บริการดังกล่าวนั้นมีการทำตลาดมาอย่างยาวนานหลายปีก่อนเจ้าอื่นๆ โดยมีคอนเทนท์อย่าง Original Netflix ที่มีทั้งซีรีส์และภาพยนตร์หลากหลายเรื่องที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง

จุดเด่น

  • เป็นบริการสตรีมมิ่งเจ้าแรกๆ ที่เปิดให้บริการมีจำนวนคอนเทนท์มหาศาลมากเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆ
  • มี Original Netflix ซึ่งเป็นคอนเทนท์แบบ Exclusive บน Netflix ไม่สามารถรับชมที่อื่นได้
  • รองรับความละเอียดสูงสุดถึง 4K HDR, Dolby Vision
  • รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
  • สามารถรับชมได้หลากหลายอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็น Smart TV, Smartphone, Tablet, PC, Chromecast, Android Box, Apple TV ก็สามารถรับชมได้
  • เป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตทีวีหลายเจ้า จนถึงขนาดที่ Smart TV รุ่นใหม่ๆ ถึงกับมีปุ่มลัดสำหรับเข้า Netflix มาให้เลย
  • บัญชี Netflix 1 บัญชีสามารถเข้าใช้งานพร้อมกันได้สูงสุดมากถึง 4 User
  • มีคอนเทนท์ภาษาท้องถิ่นเยอะกว่าเจ้าอื่นๆ ในตอนนี้
  • มีคอนเทนท์หมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนในทุกๆ เดือน
  • เนื้อหาของคอนเทนท์หลากหลายครบทุกช่วงวัยตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงเนื้อหาที่มีความรุนแรงสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น
  • มีซับไตเติ้ลภาษาไทย รวมไปถึงพากษ์ไทย

จุดอ่อน

  • แม้ว่า Original Netflix จะสามารถรับชมได้ที่ Netflix เพียงที่เดียวแต่คุณภาพของ Original Netflix นั้นก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมเสมอไปมีหลากหลายเรื่องที่ไม่ได้รับความนิยมด้วยเช่นกัน
  • ราคาเริ่มต้นแพ็คเกจที่ 280 บาท แพงกว่าเจ้าอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Disney+ หรือ Apple TV+ ที่เป็นคู่แข่งรายสำคัญ
  • คอนเทนท์ที่ไม่ใช่ของ Netflix มีวันหมดอายุและเมื่อหมดอายุคอนเทนท์เหล่านั้นจะถูกถอดออกไปจาก Netflix
  • มีการตัดจบคอนเทนท์บางเรื่องที่มีต้นทุนการสร้างที่ไม่คุ้มทุนแม้ว่าคอนเทนท์นั้นๆ จะได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจากสมาชิกของ Netflix ก็ตาม

Disney+ 

บริการน้องใหม่จาก Disney ค่ายภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่จาก Hollywood เจ้าของแฟรนไชส์ภาพยนตร์ระดับตำนานอย่าง Star Wars รวมไปถึง Marvel ที่กำลังได้รับความนิยมจนเป็นกระแสของ Pop Culture ในปัจจุบัน ซึ่งแม้ว่าจะมาช้ากว่าเจ้าอื่นๆ แต่ Disney+ ยังมีทีเด็ดในการต่อกรกับเจ้าตลาดอย่าง Netflix อยู่อีกเพียบ

จุดเด่น

  • เนื้อหาของ Disney+ จะมาจากแฟรนไชส์ภาพยนตร์ระดับ AAA ไม่ว่าจะเป็น Star Wars, Marvel, Disney, Pixar หรือแม้แต่ National Geograpic เอง โดยจะมีทั้งภาพยนตร์และซีรีส์, สารคดีให้รับชมกันแบบจุใจ
  • ราคาค่าสมาชิกเริ่มต้นที่ $7 ซึ่งถือว่าถูก Netflix ที่เป็นเจ้าตลาดในขณะนี้
  • มีแพ็คเกจแบบเหมาจ่ายรายปีที่ $70 ซึ่งก็ถูกกว่าการจ่ายแบบรายเดือนปกติไปอีกถึง 2 เดือนเต็มๆ
  • มีแพ็คเพจพ่วงบริการ Hulu และ ESPN+ ในราคา $14 ต่อเดือน (เฉพาะในอเมริกา)
  • ความละเอียดสูงสุดถึง 4K HDR
  • 1 บัญชีผู้ใช้งานสามารถสร้าง User ได้มากถึง 7 โปรไฟล์ รับชมสูงสุดได้ 4 อุปกรณ์พร้อมกัน
  • สามารถรับชมได้หลากหลายอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็น Smart TV, Smartphone, Tablet, PC, Chromecast, Android Box, Apple TV ก็สามารถรับชมได้
  • คาดว่าเมื่อเปิดบริการจะมีคอนเทนท์ที่มีซับไตเติ้ลภาษาไทยและพากษ์ไทยให้บริการ

จุดอ่อน

  • เปิดให้บริการในภูมิภาคอื่นๆ นอกจากสหรัฐและยุโรปในปี 2020 ซึ่งถือว่าช้ากว่าคู่แข่งเจ้าที่เหลือ
  • ไม่มีคอนเทนท์เนื้อหาที่รุนแรงกว่าเรท PG-13
  • มีคอนเทนท์เฉพาะจากค่าย Disney และค่ายภาพยนตร์ในเครือเท่านั้น

Apple TV+

อีกหนึ่งผู้ท้าชิงในตลาดสตรีมมิ่งรายล่าสุดอย่าง Apple ที่ส่งบริการ Apple TV+ ที่มุ่งเน้นคอนเทนท์แบบคุณภาพจากนักแสดงและผู้กำกับชื่อดังจาก Hollywood ร่วมด้วยกับราคาค่าบริการที่ถูกมากผิดกับวิสัยของ Apple

จุดเด่น

  • คอนเทนท์ระดับคุณภาพจากดารานักแสดง – ผู้กำกับชั้นนำจาก Hollywood
  • ราคาสมาชิกต่อเดือนที่ $4 หรือ 99 บาทต่อเดือนเท่านั้น ถูกที่สุดใน
  • 1 บัญชีสามารถใช้งานได้สูงสุดที่มากถึง 6 User
  • สามารถรับชมได้หลากหลายอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็น Smart TV (เฉพาะบางรุ่น) , iPhone, iPad , PC, Mac Apple TV ก็สามารถรับชมได้ *อุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมในตอนนี้ แต่คาดว่าน่าจะรับชมได้ผ่านเบราเซอร์หรือแอปในภายหลัง
  • มีโปรโมชั่นสำหรับ iPhone / iPad / iPod Touch / Mac หรือ Apple TV เครื่องใหม่ ในช่วงเปิดให้บริการ วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป รับฟรี แพ็คเกจใช้งาน Apple TV+ ฟรี 1 ปี
  • ความละเอียดสูงสุด 4K HDR รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
  • เปิดให้บริการพร้อมกว่ากันทั่วโลก 100 ประเทศ
  • คาดว่าเมื่อเปิดบริการจะมีคอนเทนท์ที่มีซับไตเติ้ลภาษาไทยและพากษ์ไทยให้บริการ

จุดอ่อน

  • เนื้อหาคอนเทนท์ยังมีน้อยอยู่เมื่อเทียบกับบริการอื่นๆ ในปัจจุบัน
  • มีเนื้อหาคอนเทนท์เฉพาะของ Apple TV+ เท่านั้น
  • มีข้อจำกัดในรับชมได้เฉพาะบางอุปกรณ์เท่านั้น

Amazon Prime Video 

อีกหนึ่งบริการสตรีมมิ่งที่ได้รับความนิยมและกระแสตอบรับที่ดีจากแฟนๆ อย่าง Amazon Prime Video โดย Prime Video นั้นมีเนื้อหาทั้ง Original Prime Video และคอนเทนท์อื่นๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบแถมคุณภาพก็ถือว่าเป็นที่น่าจับตาซะด้วย

จุดเด่น

  • Orginal Prime Video มีคุณภาพสูงที่มีเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ชมรวมไปถึงนักวิจารณ์
  • มีคอนเทนท์นอกเหนือจาก Original Prime Video หลากหลายรูปแบบทั้งภาพยนตร์และซีรีส์ที่มีให้เลือกชมอย่างหลากหลายเรื่อง
  • รองรับความละเอียด 4K HDR โดยรองรับ HDR10+
  • สามารถรับชมได้หลากหลายอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็น Smart TV, Smartphone, Tablet, PC, Chromecast, Android Box, Apple TV, Fire TV ก็สามารถรับชมได้
  • เป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตทีวีหลายเจ้า จนถึงขนาดที่ Smart TV รุ่นใหม่ๆ ถึงกับมีปุ่มลัดสำหรับเข้า Amazon Prime Video มาให้ด้วยเช่นกัน
  • มีคอนเทนท์ที่มีซับไตเติ้ลภาษาไทยให้บริการอยู่บ้าง
  • มีคอนเทนท์ใหม่หมุนเวียนให้รับชมกันทุนเดือน

จุดอ่อน

  • ค่าบริการ $5.99 ต่อเดือนถือว่ามีราคาที่ไม่ได้ถูกหรือแพงเท่าไหร่เมื่อเทียบกับ Netflix ที่มีเนื้อหาคอนเทนท์ใกล้เคียงกัน แต่แพงเมื่อเทียบ Disney+ และ Apple TV+
  • 1 บัญชีผู้ใช้งานสามารถรับชมพร้อมกันได้ 3 อุปกรณ์ และรับชมคอนเทนท์เดียวกันพร้อมกันได้สูงสุดที่ 2 อุปกรณ์เท่านั้น
  • คอนเทนท์ที่มีซับไตเติ้ลภาษาไทยมีจำนวนน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับที่ Prime Video นั้นเปิดบริการแบบเต็มรูปแบบในประเทศไทยแล้ว
  • คอนเทนท์ที่ไม่ใช่ของ Prime Video มีวันหมดอายุและเมื่อหมดอายุคอนเทนท์เหล่านั้นจะถูกถอดออกไปจาก Prime Video