Filmmaker Mode เกิดมาจากความต้องการของกลุ่มผู้คร่ำหวอดในแวดวงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และทีวี ที่รู้จักกันในชื่อ UHD Alliance ซึ่งมีสมาชิกชั้นนำเป็นที่รู้จักกันดี เช่น Samsung, Sony, LG, Panasonic, Hisense, TCL, Dolby, technicolor, Universal, Warner Bros, Onkyo เป็นต้น
โดยจุดประสงค์ของ Filmmaker Mode นั้นคือมีความต้องการที่อยากจะให้ทีวีในปัจจุบันสามารถถ่ายทอดภาพที่มีความถูกต้อง เที่ยงตรงอย่างที่ผู้กำกับต้องการมากที่สุด ดังนั้น Filmmaker Mode ก็คือโหมดภาพพิเศษโหมดหนึ่งบนทีวี ที่มีการตั้งค่าเซทบนทีวีหลักๆ ดังนี้
เมื่อใช้ Filmmaker Mode จะเปลี่ยนการตั้งค่าทีวีดังนี้
– ปิดฟีเจอร์ Motion (ตัวช่วยเรื่องภาพเคลื่อนไหว)
– ปิดฟีเจอร์ Noise Reduction (ตัวลดสัญญาณรบกวน) , Sharpness (เพิ่มความคมชัดของขอบภาพ) และฟีเจอร์อื่นๆ ที่ส่งผลกับภาพ
– ปรับอัตราส่วนภาพให้ตรงกับคอนเทนท์
– ปิดฟีเจอร์ Overscan (ขยายภาพ)
– ปรับจุดสมดุลแสงขาวให้เท่ากับมาตรฐาน D65
โหมดภาพ Filmmaker Mode ไม่ได้จำกัดใส่อยู่ในแบรนด์ทีวีแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง แต่จะใส่เข้าไปในทีวีหลายๆ แบรนด์ เพื่อให้เป็นมาตรฐานในวงกว้าง ในช่วงเริ่มต้นจะนำไปเพิ่มในแบรนด์ทีวีของสมาชิก UHD Alliance ก่อน และเชื่อว่าในช่วงปี 2020 นี้เราก็จะได้เห็น Filmmaker Mode บนทีวีกัน ซึ่งในแง่ของการใช้งานจริง ถ้าทำ Filmmaker Mode มาใส่แล้ว เรายังสามารถ “ปรับแต่งค่าเพิ่มเติม” เองได้ ถือว่าเป็นเรื่องดีที่สุด เพราะนอกจากจะได้อุณภูมิสีที่ดีตรงกับต้นฉบับแล้ว ยังสามารถเปิดพวกฟีเจอร์โมชั่นได้ด้วย เสริมเรื่องภาพเคลื่อนไหวขึ้นมา เพราะทีวีบางรุ่นก็มีข้อจำกัดเรื่องภาพเคลื่อนไหวในบางฉาก แต่ถ้าเกิดล็อกไม่ให้ปรับแต่งได้ คิดว่าคงจะมีการใช้งานน้อยแน่ๆ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางแบรนด์ชั้นนำอย่าง Panasonic หรือ LG ก็มีโหมดภาพที่ให้อุณภูมิสี รวมไปถึงมีการปรับภาพให้ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์อยู่แล้ว อย่าง THX Cinema, ISF Expert (Bright Room) หรือ ISF Expert (Dark Room) จึงน่าจับตามองว่าในปีนี้โหมดภาพดังกล่าวจะถูกถอดออกไป แล้วใส่ Filmmaker Mode มาแทน หรือว่าจะเพิ่มเข้าไปเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภค
