เมื่อวันเสาร์ที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ LCDTVTHAILAND ร่วมกับ Panasonic ประเทศไทย ได้จัดงานเปิดตัว Panasonic OLED TV EZ1000T พร้อมกับการทดสอบแบบถึงพริกถึงขิง โดยตั้งภาพเทียบกันระหว่างพระเอก Panasonic 65EZ1000T ซึ่งเป็น OLED TV ร่วมด้วย 58EX750T, 65EX600T เป็น LED TV และสุดท้าย 65VT20 อดีตราชา Plasma TV ให้แฟนๆ เว็บไซต์ และบุคคลทั่วไปโดยเฉพาะ เชื่อได้เลยว่าใครก็ตามที่ได้ไปร่วมงานคงจะอิ่มหนำ รับความรู้ หิ้วของรางวัลด้วยปีกคู่กลับบ้านตามๆ กันไปอย่างแน่นอน ส่วนใครที่ไม่ได้ไปก็ไม่ต้องเสียใจครับ เรามีภาพบรรยายกาศพร้อมกับผลสรุปผลการทดสอบภายในงานมาฝากกัน
ก่อนจะเริ่มการทดสอบ เราก็มาทำความรู้จัก Panasonic TH-65EZ1000T กันก่อน ว่ามีคุณสมบัติเด่นอะไรบ้าง ทีวีรุ่นนี้เป็นทีวีความละเอียด 4K หรือ 3840 x 2160 และด้วยแหล่งกำเนิดแสงที่เม็ดพิกเซลสามารถเปิด/ปิด ได้ด้วยตัวเองทำให้ระดับสีดำทำได้อยู่ในขั้นดีเยี่ยม รองรับเทคโนโลยี HDR ด้านในประมวลผลภาพด้วยชิป HEXA Chroma Drive Pro ที่ประมวลผลสีถึง 6 สีด้วยกันประกอบด้วยแม่สีหลักและแม่สีรอง RGB + CMY ทำให้สีสันมีความเป็นธรรมชาติและกว้างขวางกว่าทีวีทั่วไป
เริ่มแรกคือการเปรียบเทียบภาพระดับ 1080p กับราชาในอดีตอย่าง Panasonic VT20 โดยฉากที่ใช้เทียบนั้นเป็นใบหน้าของคริส แพรตต์ จากในภาพยนตร์เรื่อง Jurassic World สาเหตุที่ต้องมีการทดสอบนี้ก็เพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังชมคอนเทนท์ความละเอียด Full HD เป็นหลัก ดังนั้นด้วยความสงสัยจึงต้องมานั่งเทียบภาพกันไปเลย ซึ่งผู้เข้าร่วมงานต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า 4K TV สามารถทำรายละเอียดได้ดีกว่า โดยเฉพาะพวกหนวดเครา ความคมชัดของดวงตา นี่ถือเป็นสิ่งที่แสดงความสามารถของชิปประมวลผลบนทีวีรุ่นใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านั้น หากรับชม Plasma TV ในระยะใกล้หน่อย ตัวจอยังมีอาการกระพริบที่เราสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าอีกด้วย และจะเห็นชัดมากขึ้นหากส่องด้วยกล้องจากโทรศัพท์
ยกที่สองมาว่ากันด้วยระดับความดำกันบ้าง หัวข้อสำคัญที่น่าคุยก็คือระหว่าง OLED TV กับ Plasma TV ต่างก็มีโครงสร้างแบบเม็ดพิกเซลให้กำเนิดแสงได้ด้วยตัวเอง ทีนี้อะไรมันจะดำกว่ากันล่ะ? จากในภาพด้านล่าง ไม่ต้องให้ผมบอกก็ทราบได้ครับว่า OLED TV นั้นดำกว่า แถม LED TV ที่มีฟีเจอร์ Local Dimming ในตัวยังจะดูดำกว่าด้วย สาเหตุที่ Plasma TV ดูไม่เป็นสีดำก็เพราะด้วยธรรมชาติของพาเนลครับ ที่แม้ว่าจะปิดทีวีไปแล้วมันก็ยังดูออกเป็นสีเทา ไม่ใช่สีดำสนิท
ในเรื่องของความดำนอกจากจะส่งผลให้ภาพดูดีมีมิติแล้ว ในเรื่องของ HDR ยังส่งผลมากเป็นพิเศษ เพราะสีดำมันจะช่วยขับสีอื่นๆ ให้ยิ่งเด่นชัดขึ้น การทดสอบนี้จะมีเพียงทีวีสามรุ่นเท่านั้นที่ยังติดอยู่ PlasmaTV ภาพจะไม่ขึ้นเพราะรับสัญญาณ 4K ไม่ได้ ด้วยความที่ระดับสีดำของ EX750T กับ EX600T ทำได้ไม่ดีเท่า บวกกับมุมมองของ EZ1000T ที่ทำได้ดีกว่า จึงทำให้ขนะไปได้ค่อนข้างขาด
แน่นอนครับใครๆ ก็ต้องคิดว่าสินค้าของตัวเองน่ะดี แต่ว่าจะให้บอกด้วยตัวเองก็กระไรอยู่ เพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างมาตรฐานภาพให้กับซีรีส์ EZ1000T ทาง Panasonic จึงได้ไปร่วมมือกับ THX สถาบันโรงภาพยนตร์มาตรฐานระดับโลก Hollywood to Your Home ดังนั้นในโหมดภาพอัตโนมัติของซีรีส์ EZ1000T ก็จะมีโหมด THX Brightroom กับ THX Cinema อยู่ด้วย โดย THX Brightroom ก็จะเหมาะกับห้องที่มีแสงแวดล้อมค่อนข้างเยอะ ส่วน THX Cinema ก็จะเหมาะกับห้องที่มืดหน่อย กล่าวได้ว่าใครก็ตามที่ซื้อไป ไม่ต้องไปเดือดร้อนหานักปรับภาพมือฉมัง เพราะรุ่นนี้มีโหมดภาพที่ได้มาตรฐานมาตั้งแต่โรงงานแล้ว
เมื่อภาพมาเหนือขนาดนี้ ด้านเสียงเองก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ลำโพงที่ติดมาพร้อมกับซีรีส์ EZ1000T จะเป็นแบบซาวด์บาร์ ด้านหน้าทำมุมองศาเฉียงขึ้นยิงตรงเข้าสู่ระดับหูของผู้ฟังได้พอดิบพอดี ด้านในซาวด์บาร์ ก็จะประกอบไปด้วย Tweeter x 2, Squaker x 4, Woofer x 8 และ Quad Passive Radiator กำลังขับรวมถึง 80 วัตต์ ส่งพลังเสียงได้ครบทุกย่าน เรียกได้ว่าสามารถข่มทีวีที่อยู่รอบๆ ได้อย่างสบายๆ
ทีวีในปัจจุบันมันไม่ใช่แค่ทีวีที่เอามาดูภาพ ฟังเสียงกันอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นความสามารถในการดูคอนเทนท์สตรีมมิ่งจึงเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ โดย Panasonic EZ1000T ก็มีแอพพลิเคชั่นเด่นๆ อย่าง YouTube, Netflix ติดมาให้พร้อมกับเครื่องอยู่แล้ว และยังมีแอพฯ อื่นๆ อีกมากมายในสโตร์ รวมไปถึงฟีเจอรืการแชร์ภาพ วิดีโอ จากสมาร์ทโฟนขึ้นไปแสดงบนทีวี