24 Jun 2021
News

เบ็นคิว เสริมแกร่งธุรกิจ พร้อมชู Blended Learning Solution


  • Dear_Sir

บริษัท เบ็นคิว (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยความสำเร็จของจอภาพ Interactive Flat Panel (IFP) หรือกระดานอัจฉริยะ ในไตรมาสที่ 1 แข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ ภายใต้ Blended Learning Solution เพื่อการเรียนรู้แบบผสมผสานตอบสนองยุคแห่งอนาคต

นายวัชรพงษ์ วงษ์มา รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ ได้เผยภาพรวมการตลาดของ BenQ ในช่วงที่ผ่านมา ว่า “ การรับมือในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นไปได้ยาก และอุตสาหกรรมโปรเจคเตอร์นั้นก็ได้รับผลกระทบด้วยสภาพตลาดที่ตกลงอย่างหนักเพราะผลกระทบของโควิด-19 ในปี 2020 นั้นอุตสาหกรรมโปรเจคเตอร์มีการหดตัวลงมาที่ 50,400 เครื่องหรือ 19.87% ทว่าทาง เบ็นคิว ยังสามารถประคองส่วนแบ่งทางการตลาดปี 2020 ของธุรกิจโปรเจคเตอร์ที่ 7.64% จัดเป็นอันดับที่ 4 เมื่อเทียบกับคู่แข่งทางการค้าทั้งหมด 15 แบรนด์ และโตขึ้น 6.11% เมื่อเทียบกับปี 2019 ” 

“เบ็นคิวได้ปรับกลยุทธ์ที่เน้นการขายโปรเจคเตอร์แบบโซลูชั่นห้องประชุม และจับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอาหารแช่แข็งส่งออก, กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์, กลุ่มธุรกิจประกันภัย, กลุ่มธุรกิจการแพทย์และโรงพยาบาล, กลุ่มธุรกิจบริษัทเอกชนที่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ Top-50 แรกที่มีมูลค่าหุ้นและการเติบโตดีในช่วงปี 2020 รวมถึง เบ็นคิว ยังมีพันธมิตรทางธุรกิจที่ให้การสนับสนุนด้วยการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โปรเจคเตอร์ทั้งแบบเช่าซื้อหรือเช่าใช้ด้วย ” 

“ในส่วนของ Smart Projector ในรุ่น E600-Series ที่เราได้ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android, Wi-Fi, Bluetooth เข้าไปในตัวเครื่อง ไม่จำเป็นต้องมีการเดินสายเคเบิล หรือสาย HDMI จากตัวเครื่องบนเพดานสู่โต๊ะประชุมแบบเดิม แต่สามารถ Mirror ภาพขึ้นไปได้โดยง่าย ผู้ใช้จึงสามารถนำเสนอข้อมูลที่เก็บไว้ใน Cloud แล้วฉายออกจากตัวเครื่องโปรเจคเตอร์ได้เลย โดยในปี 2019 เบ็นคิว มีการจำหน่าย Smart Projector ในตลาดที่ 45 เครื่อง แต่ในปี 2020 มีการจำหน่าย Smart Projector ออกสู่ตลาดทั้งหมด 408 เครื่อง และได้เน้นกลุ่มลูกค้าที่ใช้เพื่อการสันทนาการและความบันเทิงภายในบ้านประเภท 4K หรือ Laser TV โปรเจคเตอร์แทน จึงทำให้เรายังสามารถโตได้ในสภาวะวิกฤติที่หนักในปี 2020 เมื่อเทียบกับ 2019 ที่ผ่านมา ”

นอกจากนี้ นายวัชรพงษ์ ยังได้กล่าวถึงความสำเร็จของจอภาพ Interactive Flat Panel (IFP) ว่า  “ผลิตภัณฑ์กลุ่ม IFP หรือจอภาพแบบทัชสกรีน ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทางเบ็นคิวประเทศไทยได้เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2016 และในปี 2017 มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 2.72% จนกระทั้งในปี 2020 มีส่วนแบ่งทางการตลาดของจอภาพ IFP 9.51% ครองอันดับที่ 4 ซึ่งถือว่าเติบโตแบบก้าวกระโดดจากปีก่อน และจากการปรับกลยุทธ์เพิ่มช่องทางการจำหน่ายรวมถึงจับมือกับพันธมิตรทางการค้าเปิดช่องการจำหน่ายแบบเช่าซื้อและเช่าใช้ ทั้งโซลูชั่นห้องเรียนทางไกลแบบผสมผสาน จึงส่งผลให้ในไตรมาสแรกของปี 2021 จอภาพ IFP ของเบ็นคิว ขึ้นครองแชมป์อันดับ 2 รองจากแบรนด์คู่แข่งด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 18.52% เติบโตกว่า 400% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2020 ที่ผ่านมา”

“แนวคิด Blended Learning Solution มีรูปแบบโมเดลที่เหมาะกับสถาบันการศึกษาในยุคนี้ ที่ช่วยลดความแอดอัดของจำนวนนักเรียนในแต่ละห้องเรียน เนื่องจากเป็นการผสมผสานการเรียนแบบออนไลน์และแบบออนไซต์ ครูผู้สอนจะทำการสอนผ่านจอภาพ IFP ของเบ็นคิวให้กับเด็กในห้องเรียนและเด็กนักเรียนที่เรียนที่บ้านได้แบบเรียลไทม์ หรือที่เรียกว่าโซลูชั่น 50:50 Distance Learning ดังนั้นเด็กนักเรียนทุกคนก็จะได้รับเนื้อหาเดียวกันพร้อมกัน และยังให้ประสิทธิภาพในเรื่องของการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนกับนักเรียน ” 

“ พร้อมกันนี้ในปี 2021 ทางเบ็นคิว ประเทศไทย ได้นำเข้าผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ จอภาพอัจฉริยะ IFP รุ่น RE9802 ขนาดหน้าจอ 98 นิ้ว เปิดตัวในราคา 499,000 บาท และ รุ่น CP6501K ขนาดหน้าจอ 65 นิ้ว เปิดตัวในราคา 299,000 บาท เพื่อรองรับกลุ่มธุรกิจสถานศึกษาโดยมุ่งเน้นโรงเรียนนานาชาติเป็นหลัก และกลุ่มธุรกิจภาคเอกชน และรัฐบาล รองลงมา ” นายวัชรพงษ์ กล่าวปิดท้าย

cp6501k
CP6501K
RE9801

ที่มา : ข่าวฝากประชาสัมพันธ์