วันนี้ทางทีมงาน LCDTV THAILAND อยากจะชวนเพื่อนๆ มาพูดถึงเรื่องที่จะช่วยทำให้มีกำลังใจในการเอาชนะวิกฤติเศรษฐกิจของโลกในขณะนี้ได้ เหมือนอย่างที่ประเทศจีนได้เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส และยืดหยัดผ่านมรสุมเศรษฐกิจถดถอยครั้งสำคัญของโลกได้จนถึงตอนนี้
โดยจะเล่าถึงเรื่องราวในครั้งที่จีนโดนแซงชั่นจากสหรัฐอเมริกา แถมยังมีมาตรการกีดกันทางการค้าต่างๆ มากมาย ที่เข้ามาพร้อมๆ กับวิกฤติดโควิด 19 ซึ่งปัญหาหลักสำคัญคือ การผลิตสินค้าและบริการต่างๆ ของโลกในยุคปัจจุบันนั้น ต้องอาศัยตัวชิปเซมิคอนดักเตอร์เป็นสมองของเครื่องยนต์กลไกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ รถยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าอัจฉริยะต่างๆ ในกลุ่ม IoT แต่เมื่อก่อนจีนยังผลิตซิปเองไม่ได้ ต้องอาศัยยนำเข้าชิปจากประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไต้หวัน เกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ ซึ่งในปี 2019 นั้น ประเทศจีนหมดเงินไปกว่า 18% ของ GDP ประเทศ เพื่อนำเข้าซิปเหล่านี้ และในปี 2020 ยอดนำเข้าก็เพิ่มสูงขึ้นอีก 20% ของปีก่อนหน้า ทำให้ทางทีมรัฐบาลตัดสินใจลงทุนด้วยงบประมาณ 1.1-4.3 พันล้านดอลลาร์ เพื่อให้จีนสามารถผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ได้ ซึ่งตัวชิปจะทำมาจากซิลิกอนคาร์ไบร์และแกลเลียมไนไตร์ต ซึ่งมีขนาด 7 และ 14 นาโนเมตรตามลำดับ
สำหรับชิปขนาด 14 นาโนเมตรนั้น ทางจีนคาดว่าโครงการจะประสบความสำเร็จได้ในปี 2022 นี้ ส่วน 7 นาโนเมตรนั้นยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการพัฒนา โดยในขณะนี้ มีเพียงประเทศไต้หวันเพียงประเทศเดียวที่สามารถผลิตชิปในลักษณะนี้ได้ แต่จีนเองก็ไม่ละความพยายามที่จะเดินหน้าวิจัยโครงการหลักพันล้านดอลลาร์นี้ต่อไป เพื่อที่จีนจะสามารถพึ่งพาตัวเองได้ และลดการนำเข้าชิปเซ็ตจากต่างประเทศ
ซึ่งทางทีมงานก็อยากเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพราะตั้งแต่เกิดวิกฤติโควิดมา ชีวิตของพวกเราก็ไม่เหมือนเดิม รูปแบบการใช้ชีวิต และการทำงานก็ต้องถูกปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการเข้ามาแทนที่แรงงานจากหุ่นยนต์มากขึ้น หากเราจะอยู่รอดต่อไปได้ ก็ต้องปรับตัว และมองหาอาชีพใหม่ๆ มารองรับ ก่อนที่จะถูกดิสรัปโดยหุ่นยนต์โดยสมบูรณ์
