12 Sep 2022
News

เฮดเซ็ท VR มาแรง HTC เผยโฉม Vive Focus 3 ตรวจจับการเคลื่อนไหวของใบหน้าและดวงตาได้


  • lcdtvthailand

ดูเหมือนว่าตอนนี้หลายๆ บริษัททยอยเปิดตัวสินค้าใหม่ออกมาต้อนรับไตรมาสสุดท้ายของปีกันอย่างต่อเนื่อง โดย HTC เองก็ส่งสินค้าตัวใหม่อย่างเฮดเซ็ท Vive Focus 3 ที่มาพร้อมคุณสมบัติในการตรวจจับการเคลื่อนไหวของดวงตาและใบหน้า ผ่านเซนเซอร์ที่ติดตั้งเอาไว้ด้านใน ช่วยให้สามารถตรวจจับสายตาของผู้สวมใส่ได้ว่ามองหรือจดจ้องไปยังตำแหน่งใด ซึ่งเครื่อง Facial Tracker สนนราคาอยู่ที 99 ดอลลาร์ มาพร้อมกล้องเพียงตัวเดียว แต่สามารถตรวจกับสีหน้าการแสดงอารมณ์จากริมฝีปาก คาง แก้ม ขากรรไกร ฟัน และลิ้นได้ เพื่อจะได้สร้างการเคลื่อนไหวของริมฝีปากและการแสดงสีหน้าของตัวละครอวตาร์ได้อย่างสมจริงแบบเรียลไทม์ ซึ่งมีอัตราความเร็วในการตรวจจับอยู่ที่ 60Hz และยังทำงานสอดประสานไปพร้อมๆ กันกับเสียงขยับริมฝีปากเบาๆ ได้ด้วย ทั้งหมดนี้ใช้เวลาในการประมวลผลต่ำกว่า 10 มิลลิวินาที หนัก 11.6 กรัม ชาร์จผ่านพอร์ต USB-C ได้ เรียกว่าเป็นอุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหวส่วนบุคคลราวกับคุกเคลื่อนที่ เพื่อที่จะเตรียมพร้อมการควบคุมผู้คนสู่สังคมสมาร์ทซิตี้ในอนาคตอย่าเต็มรูปแบบ ในแบบที่ไม่ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกตื่นกลัวมากจนเกินไป แถมผู้ใช้งานยังต้องซื้ออุปกรณ์มาคุมขังความเป็นส่วนตัวของตัวเองด้วยตนเองเสียอีก

สำหรับเครื่อง Eye Tracker ราคาสูงขึ้นมาที่ 249 ดอลลาร์ มาพร้อมกล้องคู่ที่จะคอยติดตามการเคลื่อนไหวของดวงตาทั้งสองข้างของคุณราวกับเป็นดวงตาเซารอนที่คุณไม่รู้ตัวว่ามันแอบจ้องติดตามพฤติกรรมของคุณอยู่ แม้ว่าคุณจะแค่กระพริบตา หรือหรี่ตา มันก็สามารถล่วงรู้ได้ และแน่นอน ไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่ดวงตาขนาดเล็กของเด็ก เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ก็สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวได้ไม่ต่างจากดวงตาของผู้ใหญ่ มาพร้อมน้ำหนักเพียง 54 กรัม ที่ยึดโยงกับเฮดเซ็ตด้วยแม่เหล็ก ตรวจจับทุกอย่างเคลื่อนไหวของดวงตาคุณได้อย่างสมจริง แม้คำพูดที่ไม่มีเสียงอย่างภาษากาย เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ก็สามารถตรวจจับทุกความเป็นส่วนตัวของสายตา อารมณ์ และทุกความเคลื่อนไหวในชีวิตของคุณได้ในขณะสวมใส่มัน โดยจะสื่อสารข้อมูลไปผสานกับระบบ VR อีกที และแน่นอนว่าข้อมูลส่วนตัวของคุณก็จะถูกเก็บนำไปใช้ในการทำวิจัยด้านการตรวจจับความเคลื่อนไหวของลูกตาอย่างไม่มีทางขัดขืน เพราะไม่มีออปชั่นอื่นให้เลือก

นอกจากนี้ HTC กำลังจะส่งอุปกรณ์เสริมมาช่วยตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกายคุณเพิ่มเติม โดยคุณจะต้องสวมใส่มันไว้ที่ข้อมือในต้นปีหน้า ซึ่งมันจะช่วยเก็บข้อมูลในชีวิตประจำวันของคุณได้มากขึ้น และละเอียดขึ้น แถมยังนำข้อมูลไปผสานรวมกันกับข้อมูลจากอุปกรณ์อื่นอย่างตัวตรวจจับลูกตาและสีหน้า เพื่อสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาทำนายการตัดสินใจของพวกคุณได้อย่างดีมากขึ้นในอนาคต และจะมีผลต่อการตั้งกฎเกณฑ์ต่างๆ ในสังคม VR ในอนาคต รวมไปถึงการจัดกิจกรรมต่างๆ การประชุมทางไกล และการไปพบปะกับผู้คนอื่นๆ รอบตัวคุณ ราวกับว่าคุณเป็นสัตว์ทดลองในห้องแลป ที่พวกเขาพร้อมจะติดตามและเก็บข้อมูลของคุณให้มากที่สุด จนแทบจะหาคำว่าเป็นส่วนตัวไม่มีเลยในชีวิต

บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เราคิดว่ามันช่วยให้ชีวิตเราสบายขึ้น และสะดวกขึ้น แต่ต้องแลกมาด้วยอิสรภาพและความเป็นส่วนตัวของเรานั้นเป็นราคาที่คุ้มค่าที่จะแลกหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ก็อยู่ที่ตัวของคุณแล้ว ว่าจะเลือกเส้นทางไหนให้กับชีวิตของคุณ

ที่มา : engadget