ในการประกาศรางวัล Best of The Best TV Award ปี 2024 – 2025 ทาง Samsung ได้คว้ารางวัลใหญ่ที่สุดไปครอง ซึ่งรุ่นที่ทำให้ทาง Samsung คว้ารางวัลนี้ไปได้นั่นคือ Samsung S95D ทีวีซีรีส์ท็อป เคลือบจอแบบผิวด้าน ที่ปลุกกระแสการดูหนังแบบ “ฟิล์มลุค” ขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากรางวัลใหญ่สุดแล้ว ในหมวดทีวี Samsung ยังคว้าไปอีก 3 รางวัล ส่วนในหมวดซาวด์บาร์ก็คว้าไปได้ 2 รางวัล สมกับแบรนด์ใหญ่เบอร์ 1 ในเวลานี้
คำตัดสินรางวัล : Samsung OLED S95D กับพาแนล QD-OLED โดดเด่นเรื่องการให้ขอบเขตสีกว้างใกล้เคียงมาตรฐาน Rec.2020 ส่งผลให้ภาพมีความสดอิ่มโดดเด้ง ขับแสงสีจากต้นฉบับภาพยนตร์ 4K HDR ได้หมดจดขึ้น พร้อมการเคลือบผิวจอ Glare-Free แบบ Matte Black ดำด้าน ขจัดแสงรบกวนและเงาสะท้อนได้โดดเด่น จึงเป็น OLED Panel ที่ให้ความรู้สึกคล้ายจอผืนผ้าใบแบบโรงภาพยนตร์ ด้านภาพนอกจากความสดสว่าง ยังดูกลมกล่อมสบายตา ลงตัวเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร มีกล่อง One Connect แยกจัดวางศูนย์รวมช่องต่อออกมาจากจอทีวีได้ ช่วยให้เชื่อมต่อง่ายและจัดระเบียบสายสัญญาณได้สะดวกขึ้น พร้อม HDMI 2.1 จำนวน 4 ช่อง รีโมทเป็น Solar Cell ชาร์จแบตเตอรี่ได้ด้วยตัวเอง นี่จึงเป็น “OLED ฟีลโรงหนัง” ที่ให้ผลการทดสอบค่าภาพดีเลิศทั้งแสงและสี ด้วยคุณภาพระดับท็อปคลาส
คำตัดสินรางวัล : Editor’s Choice Award : Samsung S90D รุ่นนี้ขอนิยามว่า “เพชรเม็ดงาม…ที่คนยังไม่ค่อยรู้” เพราะเป็นรุ่นที่พลังภาพโดดเด่นเกินเบอร์ เหนือกว่า LED TV ทุกตัว ในราคาขายที่สมเหตุสมผล เพียงแต่ผู้ใช้งานบ้านเราอาจจะยังไม่ค่อยรู้จักรุ่นนี้เท่าไหร่นัก เพราะการประชาสัมพันธ์จะไปเน้น Neo QLED และ OLED ตัวท็อปเป็นหลัก โดย S90D ใช้จอดำเงา Glossy ขับภาพออกมาได้ฉ่ำวาว ขนาดจอ 65” และ 55” ใช้พาแนล QD-OLED ภาพสีสันสดอิ่มแนว Vibrant Look ส่วนขนาด 83”, 77” และ 48” จะใช้พาแนล W-OLED ให้ภาพสวยเป็นธรรมชาติ Natural Look เป็น OLED ที่ให้ระดับความสว่างสูงสุดเกิน 1000 nits ให้ภาพสว่างเจิดจรัสเกินหน้าเกินตา OLED ทั่วไป ให้คุณภาพของภาพในเกณฑ์ยอดเยี่ยม ขับภาพ HDR ได้เปล่งประกาย แถมให้ HDMI 2.1 x 4 ช่องรองรับเกมมิ่ง 144Hz รีโมท SolarCell ชาร์จแบตได้ด้วยตัวเอง พ่วงด้วยแอปดูหนังและซีรีส์ครบครันใน Tizen OS | Samsung S90D จึงเป็น “เพชรเม็ดงาม” ที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นในปีนี้ จึงขอเชียร์ให้เป็น “ตัวจบ” พร้อมมอบรางวัลทีวีขวัญใจทีมงาน Editor’s Choice ให้ไปครอง
คำตัดสินรางวัล : Best 8K LED TV Award : Samsung QN900D รางวัลทีวี 8K แห่งปี ตกเป็นของ Neo QLED 8K รุ่น QN900D จาก Samsung คุณสมบัติเด่นอย่าง Mini LED Backlight ขนาดเล็กจำนวนมากจัดวางเต็มผืนด้านหลังจอ Quantum Dot LCD Panel นอกจากให้ค่าความสว่างสูงกว่า 2000 nits แล้ว ยังคุมโซนดิมแสงได้ละเอียด ให้ระดับความดำใกล้เคียง OLED ขึ้นไปอีกขั้น ทางด้านคอนเทนต์ 8K อาจยังไม่แพร่หลาย ทว่าตัวชิป AI มีความเก่งกาจช่วยอัพสเกลคอนเทนต์ 4K และ HD เพื่อแสดงผลบนจอ 8K ได้คมชัดแบบจับต้องได้ เหนืออื่นใด คือ คุณสมบัติพิเศษด้านการเล่นเกมกับ PC จะรองรับสัญญาณ 8K 60Hz ไปจนถึง 4K 240Hz (ผ่านเทคโนโลยี DSC) เป็นอัตรารีเฟรชเรทสูงที่สุดในตลาดเกมมิ่งทีวีเวลานี้ ตัวเครื่องมีดีไซน์ไร้ขอบที่แท้ทรู ดูสวยมากเหมือนภาพลอยบนอากาศปราศจากกรอบขวางกั้น เป็นรุ่นที่โชว์ความแกรนด์ทั้งความสวยของตัวเครื่อง กับขนาดใหญ่โตของหน้าจอ และความละเอียดของภาพได้อย่างพร้อมเพรียง
คำตัดสินรางวัล : Best Budget 4K LED TV : Samsung Q70D ใครงบจำกัด แต่อยากได้สเปคคุ้มค่าแบบครบ ๆ คือตัวเลือกที่น่าสนใจ มีให้เลือกหลากหลายไซส์ ใหญ่สุดถึง 85 นิ้ว ใช้ Quantum Dot VA Panel จึงให้ขอบเขตสีกว้าง และถ่ายทอดระดับคอนทราสต์ดีเมื่อรับชมมุมตรง ในส่วนของ Dual Edge LED Backlight ช่วยให้ได้อุณหภูมิสีที่แม่นยำขึ้น และยังอัพเกรดความสว่างสูงกว่ารุ่นปีที่แล้วเล็กน้อย ได้ HDMI 2.1 ครบทั้ง 4 ช่อง รองรับ 4K 120Hz VRR ระบบ Tizen OS มีการอัพเกรดแอปฯ ล่าสุด อย่าง HBO MAX, Monomax, TrueVisions Now และ Samsung TV Plus มีรีโมท SolarCell จึงนับเป็นทีวีตัวประหยัด ราคาสบายกระเป๋า มือใหม่เล่นได้ ให้สเปครองรับอนาคตครบ ๆ
คำตัดสินรางวัล : Editor’s Choice Soundbar Award : Samsung HW-Q990D ซาวด์บาร์รุ่นท็อปที่สเปกครบถ้วนรอบด้านบวกคุณภาพเสียงเหนือชั้นเกินราคา จึงไม่แปลกที่ Samsung จะเป็นขวัญใจยืนหนึ่งมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง HW-Q990D รุ่นใหม่ประจำปี 2024 แม้อิงการออกแบบจากรุ่นก่อน แต่ก็อัปเดทเพิ่มเติมคุณสมบัติใหม่ อาทิ HDMI 2.1 Input x 2 / Output x 1 สามารถ Passthrough 4K 120Hz เชื่อมต่อสัญญาณจากเครื่องเกมตรงเข้ากับซาวด์บาร์ได้ ไปจนถึงลูกเล่น Sound Grouping ใช้งานตัวบาร์หลัก และลำโพงเซอร์ราวด์ไร้สายเพื่อกระจายเสียงครอบคลุมในจุดต่าง ๆ ในบ้าน หรือ Private Rear Sound สลับหน้าที่ลำโพงเซอร์ราวด์ แยกไปใช้งานเป็นลำโพงสเตอริโอไร้สายอิสระ เป็นการเพิ่มอรรถประโยชน์เป็นอย่างดี ส่วนคุณสมบัติหลักอย่างการถ่ายเสียงรอบทิศแบบ 360 องศา มาครบทั้งภาคถอดรหัสเสียง Dolby Atmos และ DTS:X และส่งผ่านไปยังตัวขับเสียงหน้า-หลัง และซับวูฟเฟอร์ไร้สาย จำนวนรวม 11.1.4 Ch จึงได้เสียงโอบล้อมรอบทิศทางแบบโหดเกินค่าตัว ทั้งหมดนี้หากจะหาตัวเทียบเคียงแบบครบ ๆ ในงบเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องง่าย !
คำตัดสินรางวัล : Best Value Soundbar Award : Samsung Ultra Slim Soundbar HW-S800D (สีดำ) / 801D (สีขาว) ด้วยดีไซน์เก๋ไก๋แบบสลิมบางประหยัดพื้นที่ และมีให้เลือก 2 สี ดำ และ ขาว ใครที่เป็นสายตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล ต้องถูกใจอย่างแน่นอน แถมยังมาพร้อมคุณภาพเสียงที่ดีเกินขนาดไปเยอะ กับประสิทธิภาพในแบบ 3.1.2 Ch มีตัวขับเสียงที่ยิงขึ้นสะท้อนเพดานเพื่อการถ่ายทอดเสียง Dolby Atmos พร้อมซับวูฟเฟอร์ไร้สายเติมเต็มเสียงให้กับบาร์หลักขนาดเล็กให้ครอบคลุมครบย่าน โดยเฉพาะเบส ซึ่งจำเป็นต่อการดูหนังฟังเพลงหลากหลายแนว ได้ทั้งความสนุกครบรส ทว่าไม่กินพื้นที่จัดวาง รองรับการสตรีมมิ่งเพลงไร้สายอย่าง Spotify Connect, Tidal Connect, AirPlay รวมถึง Chromecast กรณีใช้งานร่วมกับทีวีของ Samsung จะเปิดใช้ Q-Symphony ผนึกกำลังเสียงซาวด์บาร์รวมกับลำโพงทีวีได้ และรองรับการเชื่อมต่อสัญญาณ Dolby Atmos แบบไร้สายได้ด้วย นอกเหนือจากช่อง HDMI eARC ที่มีให้ เหนืออื่นใดคือราคาเป็นมิตรมาก ๆ และราคาขายจริงที่ต่ำกว่าราคาตั้งพอสมควร ซึ่งในเรนจ์ราคานี้ เมื่อนำคุณสมบัติรอบด้านทั้งรูปลักษณ์ ยันคุณภาพเสียง จึงเหมาะสมกับรางวัลนี้