ช่วงนี้ข่าวกระแสคริปโตเคอเรนซีนั้นเป็นอีกข่าวหนึ่งที่มาแรงแซงทุกกระแสเอามากๆ เพราะมีผู้เสียหายจากการลงทุนเพื่อเก็งกำไรจากเงินสกุลใหม่เหล่านี้เป็นจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เริ่มมีเหตุการณ์เหมืองแตก เพราะเจ้ามือดันโยกย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปสู่สินทรัพย์ใหม่ๆ ทำให้เหล่าบรรดาผู้ลงทุนรายย่อยพลอยฟ้าพลอยฝนสูญเงินไปจำนวนมหาศาล เนื่องจากไม่สามารถถอนเงินลงทุนในเหรียญคริปโตนั้นๆ ได้ ซึ่งเหตุการณ์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในเอเชียเหมือนเหรียญ Squid Game และเหรียญ Luna เท่านั้น แต่ปรากฏการณ์นี้มันลามระบาดไปทั่วทั้งโลกเลยก็ว่าได้
ล่าสุดมีเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ด้านคริปโตเคอเรนซี่มากถึง 3 บริษัทถูกฟ้องล้มละลาย ไม่ว่าจะเป็น Arrows Capital (3AC) ที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ในปี 2012 โดย Kyle Davis และ Su Zhu โดนฟ้องล้มละลายตามมาตรา 15 ตามคำตัดสินของศาล Southern District New York เนื่องจากยอดบริหารทรัพย์สินที่มีในเดือนมีนาคมที่ 10,000 ล้านดอลลาร์ ลดลงเหลือเพียง 3,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนต่อมา รวมไปถึงเดือนพฤษภาคม ทางบริษัทยังสูญเงินไปว่า 200 ล้านดอลลาร์จากการลงทุนใน Luna อีกด้วย โดยจะนำทรัพย์สินที่ทางบริษัทมีไปประมูลขายทอดตลาดในสหรัฐ ตามที่ทาง Bloomberg และ CNBC ได้ออกมารายงานก่อนหน้านี้ และอาทิตย์ก่อน 3AC ก็เพิ่งผิดชำระหนี้จำนวน 670 ล้านดอลลาร์ให้กับทาง Voyager Digital บริษัทตัวกลางที่คอยช่วยเทรด ตลอดจนให้บริการฝากและถอนเงินคริปโตเคอเรนซีไปหมาดๆ ทำให้ศาล British Virgin Islands ได้ออกคำสั่งให้ทาง และบริษัทที่ปรึกษาอย่าง Teneo ต้องมาติดร่างแหตามไปด้วย
เอาเป็นว่าช่วงนี้ เทรนด์เหรียญคริปโตเคอเรนซีเริ่มแผ่ว และคนที่ลงทุนไปก็ก็อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะถอนออกมาตอนนี้ก็ขาดทุน จะเก็บไว้ก็กลัวราคาจะร่วงเพิ่ม ก็เลยอยากให้เพื่อนๆ ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนให้รอบคอบกว่าเดิม เพราะช่วงนี้เงินมันหายาก แถมสหรัฐก็ยอมรับแล้วว่าตอนนี้เศรษฐกิจโลกถดถอย และจะอยู่ในสภาพประมาณนี้ไปอีกหลายปีเลยทีเดียว
ที่มา : theverge
