25 Mar 2018
Review

รีวิวหนัง Pacific Rim Uprising แปซิฟิค ริม ปฏิวัติพลิกโลก


  • lcdtvthailand

เรื่องย่อ :  จอห์น โบเยกา (Star Wars: The Force Awakens) นำแสดงในบท เจค เพนท์คอสต์ ชายหนุ่มหัวรั้น ผู้เคยเป็นผู้บังคับเยเกอร์อนาคตไกล ผู้ซึ่งพ่อผู้โด่งดังของเขาสละชีวิตเพื่อชัยชนะของมนุษยชาติเหนือสัตว์ประหลาด “ไคจู” นับตั้งแต่นั้นมา เจคก็เลิกฝึกฝนและเข้าไปพัวพันกับโลกอาชญากรรม แต่เมื่อภัยคุกคามที่ร้ายแรงยิ่งกว่าถูกปลดปล่อยออกมา เพื่อทำลายเมืองและสร้างความสิ้นหวังให้กับโลกใบนี้ เขาก็ได้รับโอกาสสุดท้ายในการสานต่อปณิธานของพ่อเขาจากน้องสาวผู้หายตัวไปนานของเขา มาโกะ โมริ (รินโกะ คิคุจิ) ผู้นำพลขับผู้กล้าหาญรุ่นใหม่ ผู้เติบโตภายใต้เงาสงคราม ในตอนที่พวกเขาแสวงหาความยุติธรรมให้กับผู้ที่ล่วงลับ ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขาคือ การรวมใจเป็นหนึ่งในการลุกฮือของคนทั่วโลกเพื่อต่อต้านกองกำลังที่หมายจะกำจัดพวกเขาให้สูญสิ้นเผ่าพันธุ์

เจคได้ร่วมมือกับแลมเบิร์ต (สก็อตต์ อีสต์วูดจาก Fast & Furious 8) นักบินที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ผู้เป็นคู่แข่งของเขา และแฮ็กเกอร์ เยเกอร์วัย 15 ปี อมารา (ไคลี สเปนีย์ นักแสดงหน้าใหม่) และบรรดาวีรบุรุษจากกองกำลังปกป้องภาคพื้นแปซิฟิค ก็กลายเป็นครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ของเขา ในการก้าวไปสู่การเป็นกองกำลังป้องกันที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยปรากฏขึ้นบนผืนโลก พวกเขาจะสร้างปรากฏการณ์การผจญภัยสุดตระการตามันส์ระทึกโลกให้เป็นที่ประจักษ์

บทวิจารณ์ : ถ้าจะให้พูดกันตามตรงแล้ว หนังเรื่อง Pacific Rim Uprising แปซิฟิค ริม ปฏิวัติพลิกโลก ก็ไม่ได้มีอะไรเลวร้าย เพียงแต่โชคไม่ค่อยดีนัก ที่ดันมาออกฉายใกล้ๆ กับหนังที่พลิกประวัติศาสตร์ของวงการภาพยนตร์ Hollywood อย่าง Black Panther ทำให้คนดูคาดหวังกับ Pacific Rim Uprising แปซิฟิค ริม ปฏิวัติพลิกโลก เอาไว้มาก และพอได้รู้ว่านักแสดงนำจะเป็นชาวผิวสี ก็ทำให้หลายคนเริ่มที่จะลองเปลี่ยนแนวมาชมหนังในสไตล์แบบนี้บ้าง สังเกตได้ง่ายๆ เลยว่า ปกติแล้วหนังแอคชั่นไซไฟแบบนี้ ส่วนใหญ่คนดูมักจะเป็นผู้ชาย แต่งานนี้กลับมีผู้หญิงมาดูอยู่ไม่น้อย และแน่นอนว่าเราอุตส่าห์เลิกโรงหนังที่อยู่ห่างไกล ในวันเวลาที่ไม่น่าจะมีใครมาดูหนังกันสักเท่าไหร่ แต่กลับมาคนตีตั๋วเข้ามาชม Pacific Rim Uprising แปซิฟิค ริม ปฏิวัติพลิกโลก กันอย่างหนาตาเลยทีเดียว

คุณเริ่มคิดแล้วใช่ไหมว่า แบบนี้มันน่าจะเป็นผลดีสิ แล้วมันจะแย่ได้ยังไง? ประเด็นก็คือ Pacific Rim Uprising แปซิฟิค ริม ปฏิวัติพลิกโลก ไม่ได้ดีเทียบเท่ากับ Black Panther น่ะสิ แถมยังทำเหมือนคนผิวสีเป็นตัวตลกเหมือนอย่างหนังเรื่องอื่นๆ อีกด้วย จะเอาการเอางานก็แต่เฉพาะเวลาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เท่านั้น ทำให้พระเอกของเรื่องดูเหมือนกับคนที่จะพยายามหนีปัญหามากกว่าเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง และการที่เขาได้เป็นฮีโร่ช่วยโลกในครั้งนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นก็เป็นได้

ในส่วนของการเดินเรื่อง บอกได้เลยว่าน่าเบื่อมาก คิดว่าตอนเด็กที่ดูอุลตร้าแมนยังสนุกกกว่าอีก แต่ยังดีหน่อยที่ตอนท้ายเรื่องมีการหักมุม ใครจะไปคาดคิดว่าเอเลี่ยนจะสะกดจิตนักวิทยาศาสตร์ตัวฉมังให้ทำงานให้พวกมันมาโดยตลอด และยังมีการเฉลยปริศนาต่างๆ ที่เคยวางเอาไว้ในภาพยนตร์ภาคแรก อย่างเช่นเรื่องการทำปฏิกิริยาเคมีของเลือด ที่ดูเหมือนว่าคนเขียนพล๊อตจะมีจินตนาการที่ดูลึกล้ำดี ตรงนี้ก็อยากจะขอชม ว่าพล๊อตเรื่องน่าสนใจจริงๆ

ข้อดีอีกอย่างนึงของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ มีการทำนายอย่างเป็นนัยๆ ว่า ในอนาคต เราอาจจะมีหุ่นยนต์มาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรต่างๆ มากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าในทางปฏิบัติ และสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน หุ่นยนต์กับคนต้องได้ทำงานร่วมกันแน่ เพียงแต่เราคิดว่าหุ่นยนต์คงจะไม่ตัวใหญ่ไซส์บิ๊กแบบในหนัง เพราะว่ามันคงจะพังตึกรามบ้านช่องจนเสียหายเป็นอันมาก อีกอย่าง สัตว์ประหลาดจากต่างมิติจะโผล่มาจากธารแมกม่าใต้โลกให้ได้ยังไงโดยไม่โดนเผาจนหลอมละลาย ก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่เหมือนกันนะเออ

สรุป : Pacific Rim Uprising แปซิฟิค ริม ปฏิวัติพลิกโลก เหมือนจะดี แต่ก็ยังดีไม่สุด มีจุดเด่นที่พล๊อต ซึ่งก็ดีล่ะ แต่ถ้าคิดตามจริงๆ ก็ยังมีข้อขัดแย้งในอีกหลายๆ ประเด็นนั่นเอง

คะแนน : 6.5 /10