24 Sep 2018
Review

รีวิว ViewSonic M1 โปรเจ็คเตอร์ ที่พกพาไปได้ทุกที่ พร้อมแบตเตอรี่ในตัว และ ลำโพงคุณภาพเยี่ยมจาก Harman Kardon


  • TopZaKo

รีวิว ViewSonic M1 โปรเจ็คเตอร์ ที่พกพาไปได้ทุกที่ พร้อมแบตเตอรี่ในตัว 

และ ลำโพงคุณภาพเยี่ยมจาก Harman Kardon

ทุกวันนี้การพักผ่อนหย่อนใจที่คนเรานิยมกันคงจะหนีไม่พ้นการนั่งดูทีวี ดูละคร หรือ ดูหนังสักเรื่องเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานมาทั้งวัน และถ้าหากว่าเราไม่อยากนั่งอยู่เฉพาะบนโซฟาล่ะ อยากนอนดูหนังบนเตียงแบบสบายๆ อยากดูละครบริเวณสวนนอกบ้านของตัวเอง โดยขนาดของจอภาพที่ได้ยังคงมีขนาดที่ใหญ่กว่า หรือ เทียบเท่าทีวีอยู่ล่ะจะดีแค่ไหน วันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับโปรเจ็คเตอร์แบบพกพาจาก ViewSonic รุ่่น M1 ที่จะทำให้ทุกๆ ที่ที่คุณไปเป็นสถานที่่แห่งความบันเทิงอย่างแท้จริง 

สเปกเบื้องต้น

– ใช้แหล่งกำเนิดแสงแบบ LED

– ขาตั้งในตัวสามารถหมุนได้ 360 องศา

– ลำโพงคุณภาพเยี่ยมจาก Harman Kardon

– USB Type-C สำหรับการเชื่อมต่อภาพ และ ชาร์จแบตเตอรี่

– มีแบตเตอรี่ในตัวที่สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 6 ชั่วโมง

– มีความจุในตัวเครื่อง 16 GB สำรับใส่ไฟล์ต่างๆ 

– ราคา 11,900 บาท

ดีไซน์

ตัวเครื่องมาในขนาดเล็กเพียง “ฝ่ามือ” เท่านั้น

การออกแบบของ โปรเจ็คเตอร์แบบพกพา ViewSonic M1 รุ่นนี้ ได้รับรางวัลจากสาขา Design Award 2018 จากสถาบัน iF WORLD DESIGN ซึ่งจากที่ผมได้เห็นแค่แพ็คเกจตัวกล่องครั้งแรกบอกง่ายๆ ได้เลยว่า “ดูแพง” สมกับการได้รับรางวัลจริงๆ ครับ ตัวกล่องมาในโทนสีดำซึ่งดูดีกว่าแพ็คเกจโปรเจ็คเตอร์รุ่นก่อนจาก ViewSonic มาก ถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดีตรงนี้ต้องขอชื่นชมเลยครับ “ปรบมือ !!!”

กล่องมาในโทนสีดำสวยงาม พร้อม โลโก้ ViewSonic ขนาดใหญ่ที่ฐานของตัวเครื่อง

ในส่วนของตัวเครื่อง M1 โดยรวมจะมาในโทนสีเทาตัดกับสีเงินซึ่ง “ดูเรียบหรู ดูพรีเมี่ยม” พอสมควร โดย ด้านหน้า ของตัวเครื่องจะมีโลโก้แบรนด์ ViewSonic เด่นเป็นสง่า มีตัวรับสัญญาณรีโมท เซ็นเซอร์ Eye Protect และ เลนส์ฉายภาพที่เปรียบเสมือนเป็นหัวใจหลักของตัวเครื่องเลยนั่นเองล

ด้านหน้าของตัวเครื่อง

ด้านหลัง จะประกอบไปด้วยปุ่มกดต่างๆ ได้แก่ ปุ่ม เปิด/ปิด เครื่อง, ปุ่ม ลด/เพิ่ม เสียง, ปุ่มย้อนกลับ ซึ่งปุ่มต่างๆ บริเวณนี้สามารถใช้ควบคุมเมนูต่างๆ ของตัวเครื่องได้แบบเบื้องต้น เช่น เวลากดปุ่ม Power 2 ครั้งจะเป็นการปิดเครื่อง กดหนึ่งครั้งจะเป็นการ Enter แล้วใช้ปุ่ม เพิ่ม/ลด เสียงเพื่อทำการขยับ ซ้าย/ขวา แต่ตรงนี้ผมแนะนำว่าให้ใช้รีโมทที่มากับตัวเครื่องจะใช้งานได้สะดวกกว่า บริเวณใต้ปุ่มกดต่างๆ จะมีไฟดวงเล็กๆ เรียงกัน ซึ่งมีไว้เพื่อบอกปริมาณแบตเตอรี่ว่าเหลือเท่าไหร่ ไฟหนึ่งดวงเท่ากับ 20% รวม 5 ดวงจะเท่ากับ 100% ด้านขวาสุดจะเป็นลำโพงคู่ จาก Harman Kardon ที่ให้คุณภาพเสียงที่ดีเกินตัว

ด้านหลังของตัวเครื่อง

ด้านซ้าย ของตัวเครื่อง จะเป็นจุดที่ยึดขาตั้งของตัวเครื่องพร้อมฐานที่มียางแบบเหนียวเล็กน้อยเพื่อช่วยในยึดวางตัวเครื่องไว้กับพื้นผิวที่วางตัวเครื่อง M1 นี้ไว้ให้มั่นคงในทุกๆ พื้นที่ ซึ่งจุดนี้จะมีโลโก้ ViewSonic อีกเช่นกัน โดยขาตั้งนี้สามารถหมุนได้แบบ 360 องศา เวลาไม่ได้ใช้งานตัวเครื่องก็สามารถเลื่อนมาเป็นฝาปิดที่ด้านหน้าตัวเครื่อง เพื่อทำการปิดเครื่องและป้องกันหน้าเลนส์ได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบ แบบ 2 in 1 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่ผมชอบมากครับ

โลโก้ ViewSonic ที่บริเวณฐานรองของตัวเครื่อง

ด้านขวา ของตัวเครื่อง จะมีที่หมุนสำหรับปรับโฟกัส พร้อมที่ดึงสำหรับเปิดฝาช่องต่อต่างๆ แต่หากไม่ได้ใช้งานก็สามารถปิดไว้ให้ตัวเครื่องดูเรียบเนียนสวยงาม

ที่หมุนปรับโฟกัส

ด้านล่าง ของตัวเครื่องจะเป็นช่องสำหรับไว้ติดตั้งกับขาตั้งกล้อง เพื่อการใช้งานที่สะดวก ไม่ต้องมาไขน็อตหลายๆ ตัวให้ยุ่งยากเหมือนกับในโปรเจ็คเตอร์ขนาดใหญ่ทั่วไป

ช่องสำหรับติดตั้งกับเพลทขาตั้งกล้อง
เมื่อใส่เพลทของขาตั้งกล้องเข้าไปแล้วจะเป็นแบบนี้
ติดตั้งบนขาตั้งกล้องเรียบร้อยพร้อมใช้งาน

อุปกรณ์อื่นๆ ที่มีมาให้ในกล่องนั้นได้แก่ อะแดปเตอร์, สายไฟ, USB-C, รีโมท, กระเป๋าสำหรับใส่ตัวเครื่องเพื่อพกพา และ คู่มือการใช้งาน ซึ่งถือว่าให้มาแบบเพียงพอต่อการใช้งานเบื้องต้นครับ

สาย และ อุปกรณ์ต่างๆ ที่มีให้มาในกล่อง

รีโมท ที่มากับตัวเครื่องนั้นมีขนาดเล็กกำลังดี ให้ปุ่มการใช้งานมาแบบครบครัน ได้แก่ ปุ่ม เปิด/ปิด เครื่อง, ปุ่มการตั้งค่า, ปุ่มเข้าหน้าหลักของตัวเครื่อง, ปุ่มปรับโหมดเสียง จาก Harman Kardon, ปุ่มปิดภาพ, ปุ่มปรับสี่เหลี่ยมคางหมู, ปุ่มลูกศรกับปุ่ม Ok, ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่ม Play/Pause, ปุ่ม Mute เสียง และ ปุ่มเพิ่มลดเสียง

รีโมทมาในขนาดเล็กกำลังดี

ช่องต่อ

ช่องต่อต่างๆ ของ M1 เครื่องนี้ให้มาแบบครบครันพอสมควร โดยมี ช่องต่างๆ ดังนี้ 

– Micro SD Card สำหรับใช้ในการเล่นไฟล์ต่างๆ

– DC In ช่องชาร์จไฟแบตเตอรี่

– USB-C ที่รองรับสัญญาณภาพและเสียงได้ รวมถึงสามารถใช้ช่องทางนี้ในการชาร์จไฟให้แบตเตอรี่ได้ด้วยเช่นกัน

– HDMI 1.4 ที่รองรับสัญญาณภาพได้มากสุดที่ 1080p 60Hz กับ ภาพ 3D แบบ 1080p 

– ช่องต่อหูฟัง 3.5 มม. 

– ช่อง USB 2.0 สำหรับใช้ในการเล่นไฟล์ต่างๆ ผ่าน Flash drive หรือ External HDD รองรับสูงสุดที่ 1TB

ช่องต่อต่างๆ ที่อยู่บริเวณด้านขวาของตัวเครื่อง
ทดสอบการต่อ HDMI กับ NoteBook ทั่วไป
USB-C สามารถส่งสัญญาณภาพและเสียงได้ผ่านอุปกรณ์ที่รองรับอย่าง MacBook Pro