06 Nov 2018
Review

รีวิว Homestay หนังครอบครัว ที่เหล่าบรรดาโอตะไม่ควรพลาด


  • lcdtvthailand

เรื่องย่อ

“มึงได้รางวัลนะ” ผู้ชายท่าทางลึกลับที่เรียกตัวเองว่า ผู้คุม (นพชัย ชัยนาม) บอกผม ในขณะที่เรายืนประจันหน้ากันบนผนังตึกของโรงพยาบาลที่หมุนพลิกราวกับแรงโน้มถ่วงกลับด้าน! ผู้คุมไม่รอให้ผมปะติดปะต่อเรื่องราวในหัว เขากระชากคอเสื้อผมให้มาฟังคำอธิบายถึงรางวัลที่วิญญาณเร่ร่อนอย่างผมได้รับ นั่นก็คือการได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของเด็กม.ปลายที่ชื่อ มิน (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) ที่นอนนิ่งอยู่ในตู้เก็บศพของโรงพยาบาลแห่งนี้ จะว่าไปการได้มาอยู่ในร่างใหม่ ก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่โฮมสเตย์ คืออยู่ได้แค่ชั่วคราว แถมยังไม่ได้อยู่ฟรีๆ เพราะผมต้องหาคำตอบให้ได้ภายใน 100 วัน ว่า “มินตายเพราะใคร” ถ้าตอบไม่ได้ ผมจะต้องตายและจากร่างโฮมสเตย์นี้ไปตลอดกาล

เอาเข้าจริงๆ ผมก็ไม่คิดว่าจะอินกับการอยู่ในร่างโฮมสเตย์นี้ซักเท่าไหร่ การมีครอบครัวใหม่ มีเพื่อนใหม่ ก็ไม่ทำให้หัวใจเต้นแรงเท่าการได้มีความรักครั้งใหม่ ผมได้รู้จักกับ พาย (เฌอปราง อารีย์กุล) พี่รหัสของมิน ผู้หญิงที่ทำให้ผมอยากอยู่ในร่างโฮมสเตย์นี้ตลอดไป แต่เวลา ชีวิต และความรัก เป็นเหมือนรางวัลที่สวรรค์ให้ผมมาแค่ชั่วคราว ผมจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อตอบคำถามผู้คุมให้ได้ว่า “มินตายเพราะใคร” ก่อนที่เวลาชีวิตในร่างโฮมสเตย์ของผมจะหมดลง..

บทวิจารณ์

จะเรียกได้ว่า gdh ใช้พล๊อตที่คนไทยอ่อนไหวมาเล่นอีกแล้ว เพราะอย่างที่รู้กันว่าคนไทยมีนิสัยอยากรู้อยากเห็น ดังที่เคยมีกระแส “ใครฆ่านานะ” และ “ใครฆ่าประเสริฐ” ที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองมาแล้ว วันนี้ทางค่ายก็ใช้มุกเดิม แต่เปลี่ยนตัวละครใหม่ มาเล่าเรื่องว่า “ใครฆ่ามิน” แทน ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังผีเชิงสืบสวน แต่ก็มีเรื่องราวของความรักความห่วงใยในครอบครัว และสถานการณ์ต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นจริงได้ในชีวิตจริง รวมถึงปัญหาสังคมในรั้วโรงเรียน แน่นอนว่า Homestay เป็นมากกว่าหนังสยองขวัญ เอาจริงๆ เราว่า Homestay ไม่ควรถูกจัดให้อยู่ในหมวดหนังผีด้วยซ้ำ เพราะเราว่ามันน่าจะเป็นหนังครอบครัวซะมากกว่า ซึ่งต้องยอมรับว่าภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะกำลังสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมจริงให้ถูกนำมาพูดถึงจนกลายเป็นประเด็นที่ถูกตีแผ่ เพื่อที่จะมีโอกาสได้รับการสะสางและแก้ไขอย่างจริงจังเสียที

นอกจากนี้ยังมีมุมมองดีๆ เกี่ยวกับการมองตัวเองมานำเสนอ เพราะปัจจุบันเราสนใจแต่เรื่องของคนอื่น จนลืมมองมาที่ตัวของเราเอง บางครั้งปัญหาที่เกิดขึ้น มันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตอะไร แต่ถ้าเราไม่พูดคุยกันตรงๆ และปิดปังมันไว้เป็นความลับในมุมมืด ไม่เพียงแต่มันจะทำให้เราไม่สบายใจที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ สิ่งเหล่านั้นเอาไว้ แต่มันอาจจะทำร้ายคนรอบข้างที่ไม่เข้าใจถึงเหตุผลของการกระทำของเราก็เป็นได้ ทางที่ดี เราเปิดใจพูดกับคนที่เราอย่างตรงไปตรงมา น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะถ้าหากว่าทุกฝ่ายเข้าใจกัน มันก็สามารถก้าวข้ามปัญหาต่อไปได้ แต่ถ้าคำตอบคือไม่ ทุกคนก็จะได้จบความสัมพันธ์ลงด้วยความเข้าใจ ไม่มีอะไรติดค้างและค้างคาจนลุกลามกลายเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต

หนังเรื่องจะนี้จะว่าดีมากๆ ก็ได้ แต่นักแสดงเล่นค่อนข้างแข็งและไม่เป็นธรรมชาติ ถึงจะสามารถพูดได้ว่าทำออกมาได้ดีแล้ว แต่มันก็ยังไม่สุด อารมณ์มันแค่ปริ่มๆ จะดีใจก็ลังเล จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ถ้าแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้ Homestay น่าจะไปได้ไกลกว่านี้

สรุป

Homestay เป็นหนังไทยที่อยู่ในเกณฑ์ดี การเล่าเรื่องอาจจะไม่สมบูรณ์ 100% แต่ก็ทำออกมาได้อย่างน่าสนใจ ซีนอารมณ์ตัวละครอาจจะเล่นไม่ถึงพริกถึงขิง แต่ก็ไม่ได้ถือว่าแย่ ส่วนพล๊อตของเรื่องค่อนข้างน่าสนใจ แต่ก็พอจะเดาออกก่อนที่เรื่องจะจบ จริงๆ เรื่องนี้จะคะแนนมากกว่า ถ้าช่วงกลางถึงปลายเรื่องไม่มี dead air มากจนเกินไปนัก ส่วนตอนจบก็ว่าใช้ได้ แต่ขอเตือนเหล่าบรรดาโอตะนิดนึงว่าทำใจกันหน่อย เพราะเรื่องนี้เฌอปรางค์ค่อนข้างจะเปลืองตัวมากๆ และมันไม่ได้จบแค่จูบแน่นอน

คะแนน

8/10