13 Dec 2018
Review

พรีวิว Sony BVM-X300 4K OLED Professional Monitor คุณภาพส่งตรงจากสตูดิโอตัดต่อภาพยนตร์ !!?


  • ชานม

พรีวิว Sony BVM-X300, 4K OLED Studio Monitor

คุณภาพส่งตรง
จากสตูดิโอตัดต่อภาพยนตร์ !!?

หลายท่านคงได้ยินคำพรรณนาถึงความยอดเยี่ยมของทีวีบ่อยๆ ว่า “ทีวีรุ่นนั้นรุ่นนี้ให้ภาพดีสมจริง เหมือนส่งตรงจากสตูดิโอตัดต่อภาพยนตร์” ฟังดูเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ยากจะอธิบายให้เห็นภาพว่าภาพที่สตูดิโอตัดต่อภาพยนตร์เห็นเป็นอย่างไร…?? เนื่องในโอกาสที่ทีมงาน LCDTVTHAILAND ได้สัมผัสใช้งานสตูดิโอมอนิเตอร์ระดับอ้างอิงในตำนาน คือ Sony BVM-X300 จึงขอมาเล่าสู่กันฟังครับ

ก่อนพูดถึงรายละเอียดของ BVM-X300 เชื่อว่าหลายท่านคงสงสัยเป็นแน่ว่า หมวดหมู่จอภาพของ Sony คือ TRIMASTER Series กับ BRAVIA Series มีความแตกต่างกันอย่างไร ผมทำตารางเปรียบเทียบสรุปคุณสมบัติคร่าวๆ ไว้ดังนี้ครับ

อย่างที่เราๆ ท่านๆ คุ้นเคยกัน BRAVIA Series เป็น “ทีวีสไตล์คอนซูเมอร์” เน้นจอภาพขนาดใหญ่เพื่อสร้างความบันเทิง ออกแบบให้มีความสวยงามกลมกลืนเหมาะกับการติดตั้งใช้งานในบ้านพักอาศัย พร้อมลูกเล่นฟีเจอร์เสริม Android Smart TV เพิ่มประโยชน์ใช้สอยที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ เท่าทันตามยุคสมัย จากข้อมูลนี้ย่อมชัดเจนว่า หากเป็นการใช้งานในบ้านนั้น BRAVIA Series ดูจะเข้าทางกว่า

ขณะที่ TRIMASTER Series เป็นสินค้าจอภาพในกลุ่มโปรเฟสชันนัลที่มีคุณสมบัติแบบ “มอนิเตอร์เต็มร้อย” กล่าวคือ มีหน้าที่ไว้แสดงสัญญาณภาพแบบตรงไปตรงมาเท่านั้น ไม่สนเรื่องลูกเล่นฟีเจอร์โหมดภาพสีสดคมชัด หรือนุ่มนวลสบายตาแฟนซีใดๆ ไม่มีแม้แต่รีโมตคอนโทรล ช่องต่อรับสัญญาณภาพก็เป็นมาตรฐานที่พบได้กับงานโปรเฟสชันนัลอย่าง 3G/HD-SDI (BVM-X300 รุ่นอัพเกรด V2 จะมีช่องต่อ HDMI 2.0 เพิ่มเข้ามา) รูปลักษณ์ก็ไม่หวือหวา ไม่เน้นความหรูหรา แต่ให้ใช้งานได้จริง ยกเคลื่อนย้ายสะดวก มีพัดลมระบายความร้อนในตัวเผื่อสำหรับใช้งานนอกสถานที่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันกว่าทีวี

BVM-X300 มาพร้อม RGB OLED Panel ขนาดหน้าจอ 30 นิ้ว ความละเอียด “DCI 4K” (4096 x 2160 pixels) ซึ่งเป็นอัตราส่วนจอภาพแบบ 17:9 โดยประมาณ หากนำไปเปิดรับชมกับคอนเทนต์คอนซูเมอร์ทั่วไปตามที่เราๆ ท่านๆ คุ้นเคยกันผ่านทีวี อิงมาตรฐาน 16:9 ก็จะเห็นแถบดำ หรือ Black Bars ด้านข้างเล็กน้อย ตามภาพ
ด้านหลังดูเรียบๆ ดิบๆ แต่ก็บึกบึนสมกับเป็นโปรเฟสชันนัลมอนิเตอร์ ด้านบนมีมือจับ 2 ข้าง ให้ยกได้สะดวก มีพัดลมระบายความร้อนถึง 3 ตัว ระยะยาวน่าจะช่วยยืดอายุการใช้งานในสภาพสมบุกสมบันได้เป็นอย่างดี
BVM-X300 เครื่องนี้เป็นเจนเนอเรชั่นแรกที่วางจำหน่าย อินพุตช่องต่อรับสัญญาณจึงมีเฉพาะ 3G/HD-SDI (BNC) เท่านั้น รองรับความละเอียดภาพสูงสุดที่ 4096 x 2160/60p 4:2:2 10-bit หรือ 4096 x 2160/30p 4:4:4 12-bit (via 3G-SDI Quad Link) ขณะเดียวกันก็มี Output เชื่อมต่อไปยังมอนิเตอร์หรืออุปกรณ์อื่น (หากเป็น BVM-X300 V2 จะติดตั้ง HDMI 2.0 with HDCP 2.2 มาพร้อมจากโรงงานเลย)

สามารถเชื่อมต่อ Headphones หรือ Active Speakers ที่ช่อง 3.5 mm Stereo Audio Mini Jack ทั้งที่ด้านหน้าและด้านหลังจอภาพ ส่วน LAN 10/100 มีไว้สำหรับเชื่อมต่อกับ Monitor Control Unit อุปกรณ์เสริมของ Sony และสุดท้ายสายไฟมาตรฐาน IEC สามารถถอดเปลี่ยนสายได้

BVM-X300 ไม่มีรีโมตควบคุมแบบไร้สาย ดังนั้นการกำหนดตั้งค่าต่างๆ จึงต้องอาศัยใช้งานผ่านปุ่มปรับที่ส่วนล่างของจอภาพ จุดที่สำคัญจะเป็นปุ่มแบบปรับหมุนซึ่งการให้น้ำหนักเวลาปรับเพิ่มลดค่า RGB Balance แบบปรับหมุนนี้ มีความละเอียดเที่ยงตรงดีกว่าการกดปุ่มรีโมตไร้สายของทีวีมากๆ
เมนูตั้งค่าต่างๆ ของ BVM-X300 มีไว้สำหรับปรับมาตรฐานการแสดงผลของมอนิเตอร์ให้แม็ตช์กับรูปแบบการบันทึกสัญญาณของคอนเทนต์เท่านั้น ไม่มีโหมดการปรับแต่งเพิ่มความสดอิ่มของสีตามรสนิยมความชอบส่วนบุคคล และไม่มีตัวเลือกฟังก์ชั่นอัพสเกลชดเชยแก้ไขรายละเอียดจุดบกพร่องของคอนเทนต์คุณภาพต่ำใดๆ ทั้งสิ้น แต่ก็เปิดโอกาสให้ไฟน์จูน White Balance (2-point) ได้ กรณีที่เกิด Color Shift ตามอายุการใช้งาน (ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ของจอภาพทุกชนิด)

BVM-X300 ภาพดีกว่า “ทีวี” จริงไหม?

จากการทดลองใช้งานช่วงเวลาสั้นๆ พอจะสรุปได้ว่า BVM-X300 มีศักยภาพฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวเนื่องไปถึงการแสดงภาพ “เหนือกว่า” ทีวี จริงครับ! ประการสำคัญ คือ RGB OLED Panel จูนสีจากโรงงานให้ดุลสีเที่ยงตรง แทบจะปราศจาก Vertical Banding รบกวนไม่ว่าจะเช็คจากแพทเทิร์นทดสอบหรือเมื่อรับชมคอนเทนต์จริง การตอบสนอง (Response Time) ก็รวดเร็วกว่า สามารถแยกแยะรายละเอียดในฉากที่มีการเคลื่อนไหวเร็วๆ ได้คมชัดกว่าทีวีเล็กน้อย เช่นเดียวกับ Input Lag ที่ต่ำระดับ 10 ms นิดๆ

แต่ปัจจัยข้างต้นไม่ได้หมายความว่า BVM-X300 เมื่อรับชมกับคอนเทนต์มาตรฐานคอนซูเมอร์แล้ว ภาพจะดูดีกว่าทีวีเสมอไป กรณีรับชมคอนเทนต์คุณภาพต่ำ มันจะเห็นจุดบกพร่องชัดมากเนื่องจากมอนิเตอร์ไม่มีระบบชดเชยประนีประนอมลดทอนใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งจุดนี้หลายท่านที่เก็บหนังไว้ตั้งแต่ยุควีซีดี ดีวีดี หรือดูฟรีทีวีช่อง SD ดูเว็บหนังออนไลน์ที่บีบอัดข้อมูลสูง ก็คงจะไม่ปลื้มกับภาพที่ได้

BVM-X300 ไม่มีระบบแทรกเฟรม MotionFlow ถึงแม้การถ่ายทอดภาพเคลื่อนไหวของ BVM-X300 เป็นแบบตรงไปตรงมาดูเป็นธรรมชาติดีมาก แต่บางท่านที่เคยชินกับการแทรกเฟรมภาพเยอะๆ ดูแล้วลื่นปื้ดๆ ของทีวี ก็อาจจะไม่ชอบต้นฉบับได้เหมือนกัน

BVM-X300 จำเป็นต้องปรับภาพไหม?

ความเที่ยงตรงจากโรงงานนับเป็นจุดเด่นที่สุดของ BVM-X300 ที่เหนือกว่าทีวีหลายๆ รุ่น อย่างไรก็ดี มอนิเตอร์ระดับนี้ก็ยังจำเป็นต้องได้รับการปรับภาพสอบเทียบมาตรฐานให้เที่ยงตรงอยู่เสมอเพื่อชดเชยความเปลี่ยนแปลงของฮาร์ดแวร์ตามอายุการใช้งาน แต่เนื่องจากพื้นฐานฮาร์ดแวร์ระดับสตูดิโอมอนิเตอร์ที่คุมเรื่องคุณภาพการแสดงผลและจูนสีมาได้ดีแต่ต้นอยู่แล้ว ขั้นตอนปรับภาพจึงดำเนินการไม่นานและไม่ยุ่งยากครับ

Sony BVM-X300 TRIMASTER Series Monitor เชื่อมต่อรับสัญญาณภาพจาก F55 CineAlta Super 35mm 4K Camera เพื่อใช้เป็นจอภาพอ้างอิงขณะถ่ายทำภาพยนตร์
(ภาพประกอบจาก adfcine.org)

ใครควรจะใช้งาน BVM-X300?

หากเงินไม่ใช่ปัญหา จะซื้อ BVM-X300 มาใช้ที่บ้านก็คงไม่มีใครว่า อย่างไรก็ดีวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของรุ่นนี้เน้นเป็นมอนิเตอร์สำหรับงานเฉพาะทางเพื่อใช้ “ประเมินคุณภาพ” ในกระบวนการถ่ายทำ (Pre Production) ไปจนถึงงานเกรดดิ้ง (Post Production) รายการภาพยนตร์หรือวิดีโอต่างๆ

แต่หากท่านไม่ได้ซีเรียสแบบสตูดิโอ การใช้งาน “ทีวี” น่าจะตอบสนองได้ยืดหยุ่นกว่า ปัจจุบัน BRAVIA TV “Master Series” ของ Sony เอง ก็ให้ความเที่ยงตรงของสีสันได้ใกล้เคียงสตูดิโอมอนิเตอร์มากยิ่งขึ้นแล้ว ซึ่งด้วยจอภาพขนาดใหญ่จึงดูได้เต็มตาเหมาะกับลักษณะการรับชมในบ้าน ที่สำคัญคือระบบ Android Smart TV เอื้อต่อการใช้งานเพื่อสร้างความบันเทิงในชีวิตประจำวัน เท่าทันยุคสมัยได้ดีกว่าครับ

Sony BVM-X300 4K OLED Professional Monitor

ราคาปัจจุบัน (V2) โดยประมาณ 35,000USD