19 Mar 2019
Review

รีวิวทีวี Samsung QLED 65นิ้ว รุ่น Q7FN ภาพสดสบายตา โมชั่นเด่น มาพร้อม FreeSync เหมาะกับทั้งคอหนังและคอเกมส์


  • lcdtvthailand
รีวิวทีวี Samsung QLED 65นิ้ว รุ่น Q7FN(ราคาเปิดตัว 99,990 บาท)
ภาพสดสบายตา โมชั่นเด่น มาพร้อม FreeSync เหมาะกับทั้งคอหนังและคอเกมส์

ปัจจัยสำคัญในการเลือกทีวีสักเครื่องในปัจจุบันนี้ ไม่ได้เลือกกันแค่คุณภาพความคมชัดและสีสันเพียงอย่างเดียว ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ควรพิจารณาถึงความคุ้มค่า ทั้งฟีเจอร์สมาร์ททีวี ช่องเชื่อมต่อ ระบบเสียง และดีไซน์ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในทุกๆ ด้าน ซึ่งครั้งนี้ถึงคราวรีวิวของ Samsung 65Q7FN ทีวีแบรนด์ดังฝั่งเกาหลี เป็นรุ่นกลางประจำ Q Series ของปี 2018 

Samsung 65Q7FN เป็น QLED TV หรืออธิบายง่ายๆ คือ LED TV ที่ใช้เทคโนโลยี Quantum Dot สารเรืองแสงที่มีอนุภาคขนาดเล็ก มีจุดเด่นในการสร้างความสว่างสูงสุด Peak Brightness ได้สูงกว่า LED TV แบบปกติ เมื่อรับชมคอนเท็นต์ประเภท HDR อันเป็นไฮไลต์ของ Q Series อีกจุดเด่นของซีรีส์นี้ยังอยู่กับความหรูหราของดีไซน์การออกแบบ ให้ความเรียบหรู เป็นมิตรกับทุกสไตล์การตกแต่งบ้าน

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีฟีเจอร์แบบ Exclusive ที่มีเฉพาะใน Samsung Q Series เช่น One Invisible Connection ใช้เพียงสายบางๆ เส้นเดียวในการเชื่อมต่อ, Magic Screen ในการเปลี่ยนฉากหลังของทีวีให้กลืนไปกับผนังบ้านในยามที่เราไม่ได้ดูทีวี เป็นต้น โดยรุ่นนี้มาในราคาเปิดตัว 99,990 บาท (ปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณ 7X,XXX บาท) จะมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง สมกับที่เป็นซีรีส์พรีเมี่ยมขนาดไหน รับชมรีวิวที่ส่วนถัดไปเลย…

สเปคเบื้องต้นของ Samsung 65Q7FN

– ความละเอียด 4K (3840 x 2160)

– รองรับ HDR10+ , HLG

– มี One Remote

– ระบบ Tizen OS

– Wireless LAN / Ethernet LAN

– ประกัน 3 ปี

– ราคาเปิดตัว 99,990 บาท

ดีไซน์

Samsung Q7FN ที่จะรีวิวครั้งนี้ เป็นสมาร์ททีวี 4K HDR มาในไซส์ 65 นิ้ว ตัวทีวีมีรูปลักษณ์ที่ดูพรีเมี่ยมให้ความทันสมัย กรอบอะลูมิเนียมบางเฉียบ ทำให้จอภาพดูโดดเด่น ไม่สะดุดตาไปกับกรอบหนาๆ ด้านหลังเป็นวัสดุสังเคราะห์สีดำ มีลักษณะโค้งเล็กน้อย ดูเรียบง่ายแต่สวยงาม พร้อมใช้ขาตั้งอะลูมิเนียมทรงเดี่ยว ปลายฐานเป็นก้านทรงกลม ติดตั้งกึ่งกลางทีวี ช่วยประหยัดพื้นที่ชั้นวางได้มากกว่าขาตั้งทรงกิ่งไม้

ดีไซน์ดูพรีเมี่ยมหรูหรา เข้ากันได้กับทุกการตกแต่งบ้าน
แลดูสวยงาม มีความเป็นศิลปะ แข็งแรงทนทานต่อการติดตั้ง
โลโก้ Samsung อยู่ใต้กลางจอทีวี เป็นตัวรับสัญญาณรีโมทและมีไฟแสดงผล
ขาตั้งสามารถร้อยสาย One Invisible Connection ซ่อนไว้ข้างในได้

นอกเหนือจากขาตั้งทรงเดี่ยวที่ติดมากับชุดนี้แล้ว ยังสามารถอัพเกรดขาตั้งได้ โดยจะแยกจำหน่ายต่างหาก มี 2 แบบด้วยกันคือ แบบ Studio และแบบ Gravity ใช้ได้กับ QLED TV ในขนาด 55 นิ้ว กับ 65 นิ้ว ช่วยเพิ่มสีสันให้ห้องดูมีชีวิตชีวา ประดุจเฟอร์นิเจอร์งานศิลป์ชิ้นหนึ่งเลย

ขนาดตัวโดยรวมหลังใส่ขาตั้งจะอยู่ที่ 1446.1 x 913.4 x 353.4 มม. (กว้าง x สูง x ลึก) ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 26 กก. ช่องต่อขาตั้งด้านหลังนั้น ถูกออกแบบให้ง่ายต่อการติดตั้ง และยังเหมาะสมต่อการติดตั้งแบบแขวนเป็นอย่างยิ่ง ด้วยฟีเจอร์ที่ชื่อ No Gap Wall Mount ช่วยลดช่องว่างระหว่างทีวีและกำแพงสำหรับการติดตั้งแบบแขวน เพื่อความสวยงามเป็นระนาบเดียวกับกำแพงนั่นเอง

ขอบบางเฉียบ เหมาะต่อการติดตั้งแบบแขวนเป็นอย่างยิ่ง

ในซีรีส์ Samsung QLED TV ทุกรุ่น จะได้รีโมทสุดพรีเมี่ยมเพิ่มอีกหนึ่งอัน รีโมทนี้มีชื่อว่า One Remote ความพิเศษจะอยู่ตรงที่ One Remote สามารถค้นหาและจดจำอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับ QLED TV เพื่อให้ควบคุมอุปกรณ์เหล่านั้นทั้งหมดได้ด้วยรีโมทเดียว หมดปัญหาเรื่องรีโมทที่คอยกวนใจสำหรับผู้ที่ใช้เครื่องเล่นเครื่องเสียงหลายอย่างนั่นเอง 

One Remote มีขนาดเล็กกะทัดรัด หยิบจับสะดวก ปุ่มบน One Remote ประกอบไปด้วย ปุ่มปิด/เปิดเครื่อง, ปุ่ม Voice Search, ปุ่มลัดสำหรับเข้าสู่เมนูต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว, ปุ่ม Magic Screen, ปุ่ม Home, ปุ่มหยุด/เล่น, ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่มเปลี่ยนช่องทีวี

ด้านซ้ายเป็นรีโมทของรุ่น Q8FN ด้านขวาเป็นรีโมทของรุ่น Q7FN

ช่องต่อ

ลูกเล่นไฮไลต์ของ Samsung Q7FN ยังอยู่ที่ช่องเชื่อมต่อ ถูกแยกออกมาจากทีวี รวมไว้ที่กล่องเล็กๆ ที่เรียกว่า One Connect ต่อทุกอุปกรณ์เอาไว้ที่กล่องนี้ แล้วโยงสายเล็กๆ จาก One Connect ไปยังทีวีด้วยสาย One Invisible Connection เพียงเส้นเดียว (รวมถึงสายไฟด้วย) สะดวกต่อการเชื่อมต่อหรือซ่อนสาย ดูสะอาดสบายตา ไม่ต้องมีสายโยงใยให้ดูรกรุงรัง

โดยเฉพาะกับผู้ที่ติดตั้งทีวีแบบแขวนนั้นยิ่งตอบโจทย์เป็นอย่างมาก เพราะช่องเชื่อมต่อที่ย้ายจากหลังทีวีมายังกล่อง One Connect สะดวกต่อการเสียบถอดสาย ไม่ต้องวุ่นวายที่ตัวทีวีจนอาจเกิดปัญหากับทีวีหรือขาแขวนได้ ช่องเชื่อมต่อจะรองรับช่องต่อ Analog Composite/Component & Audio In,สายอากาศ Antenna (DVB-T2)OpticalEthernetUSB จำนวน 3 ช่อง และช่องต่อ HDMI จำนวน 4 ช่อง รองรับ HDMI ARC ด้วย ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Wi-Fi และ Bluetooth

ช่องต่อมีให้ครบครัน เพียงพอต่อการใช้งาน
ช่องต่อ USB-Drive จะอยู่ทางด้านข้าง