05 Apr 2019
Review

รีวิวหนัง Shazam! ชาแซม!


  • lcdtvthailand

ตั้งแต่Man of Steel ในปี 2013 ผ่านมา 6 ปี ค่ายDCได้เข็นหนังซูเปอร์ฮีโร่มาชนกับMarvelแล้วถึง 6 เรื่อง แม้ว่าเส้นทางจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่DCก็สามารถประคองจักรวาลหนังของตัวเองให้ยืนหยัดอยู่ได้ และหลังจากเข็นฮีโร่ตัวท็อปๆมาขึ้นจอใหญ่กันแล้ว คราวนี้เป็นคิวของซูเปอร์ฮีโร่ตัวใหญ่ใจเด็กอย่างShazam ที่ได้มาออกโรงกับเขาเสียที

Shazam! ว่าด้วยเรื่องของบิลลี่ แบทสัน (Asher Angel)  เด็กกำพร้าที่ได้รับเลือกจากพ่อมดชาแซม (Djimon Honsu ให้สืบทอดพลังจากผู้กล้าในตำนานทั้งเจ็ด เพื่อเป็นยอดมนุษย์(Zackary Levi)ที่ปกป้องโลกจากความชั่วร้าย แต่บิลลี่ที่ยังเด็กอยู่จะสามารถรับมือกับภัยร้ายจากDoctor Sivana (Mark Strong) ได้หรือไม่

ต่างจากหนังฮีโร่เรื่องก่อนๆของDCที่มาในโทนอีพิคอลังการงานสร้าง Shazam!กลับเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่สเกลเล็กเบาสมอง ที่ขณะเดียวกันก็มีอารมณ์ดราม่าแทรกอยู่พักๆ

เราจะได้เห็นการเติบโตของบิลลี่ แบทสัน จากเด็กมีปัญหา กลายมาเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบในตัวเองมากขึ้นในการที่ต้องสวมบทบาทฮีโร่คอยช่วยเหลือประชาชน ในช่วงแรกๆบทบาทของเขาในร่างยอดมนุษย์ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าการโชว์ออฟเรียกคนดูเท่านั้น (Zachary Levi เล่นเป็นเด็กในร่างผู้ใหญ่ได้เปิ่นและบันเทิงมาก) แต่การมาถึงของDr. Sivana ก็กลายเป็นบททดสอบให้เขาต้องพิสูจน์ตัวเอง ในฐานะของฮีโร่ และในฐานะของหนึ่งในพี่น้องในครอบครัวใหม่ของเขาด้วย

ทางด้านครอบครัวอุปถัมภ์ที่บิลลี่พยายามผลักไสออกห่างเองก็กลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขาพัฒนาตัวเองมากขึ้น ทำให้เขาตระหนักถึงความเป็นครอบครัว แม้ว่าในทีแรกความสุดขั้วของบรรดาพี่น้องจะทำให้เรารู้สึกถึงความแปลกแยกกับคนเหล่านี้เช่นเดียวกับบิลลี่ (จนน่าหวาดเสียวว่าตัวละครพวกนี้จะน่ารำคาญหรือเปล่า) แต่เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ เราก็จะได้เห็นมุมอื่นๆของพี่น้องกลุ่มนี้มากขึ้น มุมที่แคร์และห่วงใยซึ่งกันและกัน แม้กระทั่งกับสมาชิกใหม่อย่างบิลลี่ และเราก็เปิดใจรับพวกเขามากขึ้น เช่นเดียวกันกับบิลลี่ที่ค่อยๆเปิดใจรับครอบครัวใหม่ของเขา

ด้านโปรดักชั่น แอ็คชั่นหรือดนตรีประกอบ Shazam! อาจจะยังสู้หนังDCเรื่องก่อนๆไม่ได้ แต่ก็พอเข้าใจได้ด้วยบริบทของหนังที่เหมือนอยากเน้นไปที่การเติบโตของบิลลี่มากกว่าและไม่ได้เน้นตรงนี้มากนัก เลยพอทดแทนข้อเสียตรงนี้ได้

สรุป แล้วShazam!เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ครบเครื่องอยู่เหมือนกัน ทั้งตลกและซึ้ง มันอาจไม่ได้เน้นขายแอ็คชั่นมากนัก แต่ก็ทดแทนด้วยเนื้อเรื่องที่แน่น และความเฮฮาเบาสมองที่ทำให้หนังออกมาบันเทิงใช้ได้เลยทีเดียว

คะแนน 8/10