12 Jun 2017
Review

รีวิว Pioneer SBX-D201 ฉีกดีไซน์เพิ่มพื้นที่ จัดจ้านแต่ไม่ทิ้งความหนักแน่น มี HDMI ARC


  • lcdtvthailand

Sound Speaker Bar

Pioneer SBX-D201

ราคา 11,900 บาท

ลำโพงซาวด์บาร์กลายเป็นกระแสยอดนิยมไปทั่วโลก ถูกยอมรับในด้านเสียงที่พัฒนามาไกลมาก หากเทียบกับซาวด์บาร์รุ่นปีแรกๆ ทั้งยังประหยัดพื้นที่ติดตั้ง และใช้งานได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านเครื่องเสียง หรือไม่ต้องการความยุ่งยากในการติดตั้ง ซึ่งลำโพงที่จะมารีวิวครั้งนี้ จะเรียกซาวด์บาร์ก็เรียกได้ไม่เต็มปาก หรือเรียกชุดลำโพงมันก็ยังไงอยู่ เพราะ Pioneer SBX-D201 ลำโพงรุ่นที่จะรีวิวกันนั้น ได้ฉีกรูปแบบเดิมๆ ของลำโพงโฮมออดิโอขนาดกะทัดรัดอย่างสิ้นเชิง

ต้องบอกเลยว่า ครั้งแรกที่ได้เห็นรูปลักษณ์ของ Pioneer SBX-D201 ก็เกิดความฉงนในทันใด ด้วยรูปลักษณ์ที่คล้ายกับซาวด์บาร์ทั่วไป มีลักษณะเป็นทรงกระบอกยาว แต่แยกออกเป็น 3 ส่วน ชวนสงสัยว่ามันจะใช้งานอย่างไร รีวิวนี้จะมาทำการทดสอบให้รู้ไปเลย ว่าเจ้าลำโพงดีไซน์แปลกมีลูกเล่นทีเด็ดอะไรบ้าง และจะมาปฏิวัตินิยามของคำว่าซาวด์บาร์หรือไม่ มาร่วมชมไปพร้อมๆ กันเลย….

Design – การออกแบบ

อย่างที่เห็นๆ กันเลย ตัวลำโพงจะแบ่งออกเป็น 3 ชิ้น ทั้งหมดมีรูปร่างเป็นทรงกระบอก โดยลำโพงส่วนที่ยาวที่สุดนั้น จากตอนแรกที่เดาไว้ว่าเป็นตัวลำโพงแบบซาวด์บาร์ทั่วไป อีก 2 ส่วนที่สั้นกว่าเป็นลำโพงเซอร์ราวด์ กลับไม่ใช่อย่างที่คิด แต่มันคือซับวูฟเฟอร์…! ใช่ครับ อ่านไม่ผิด นี่คือซับวูฟเฟอร์ทรงกระบอกเหมือนซาวด์บาร์นั่นเอง และลำโพงอีก 2 ชิ้นที่เหลือเป็นคู่ลำโพงซ้าย-ขวา ไว้ประกบข้างกับซับวูฟเฟอร์แบบ 2.1 แชนแนล

โฉมหน้าเต็มๆ ของ SBX-D201 เห็นครั้งแรกเป็นต้องเข้าใจผิดแน่นอน

Pioneer SBX-D201 ใช้วัสดุเป็นพลาสติกสีดำมันวาวสไตล์ Glossy มาเริ่มดูกันที่ซับวูฟเฟอร์ทรงกระบอกยาว 66 ซม. สูงเกือบ 10 ซม. มีขนาดกะทัดรัดเหมือนซาวด์บาร์ แต่ต่างตรงที่ถูกออกแบบมาเพื่อติดตั้งด้านหลังทีวี ตรงจุดนี้ก็ทำให้รู้สึกประหลาดใจอีกแล้ว ในคู่มือได้เขียนแนะนำแบบนี้จริงๆ ตัวซับวูฟเฟอร์รับบทเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อและควบคุมการใช้งาน

ฉีกกฏการออกแบบของซับวูฟเฟอร์จริงๆ แล้วเสียงล่ะ จะเทียบกับแบบทั่วไปได้หรือไม่?

ปลายเครื่องของซับวูฟเฟอร์เป็นตะแกรงอะลูมิเนียม ภายในบรรจุดอกลำโพงขนาด 75 มม. ทั้ง 2 ฝั่งซ้าย-ขวา กำลังขับอยู่ที่ 40W ตัวเครื่องมีน้ำหนักประมาณ 3 กก. ด้านล่างตัวเครื่องจะมีฐานรองเป็นยาง วางตั้งได้อย่างมั่นคง ด้านหน้าราบเรียบ ไม่มีจอแสดงผลใดๆ ส่วนด้านบนจะมีปุ่มปิด-เปิดเครื่อง หากเปิดอยุ่จะมี LEDสีแดงแสดงขึ้นมา และมีไฟไว้แสดงสถานะการเชื่อมต่อ Bluetooth และการใช้โหมดเสียงเซอร์ราวด์

รุ่นนี้จะไม่มีจอแสดงผล มีแค่แสดงสถานะดังที่เห็นตามรูป

ต่อกันที่ด้านหลังตัวเครื่อง บริเวณตรงกลางจะมีช่องคายเสียงเบส ด้านล่างจะเป็นส่วนของช่องต่อต่างๆ ได้แก่ ช่องต่อสายไฟ, ช่องต่อสาย AUX, ช่องต่อสาย IRเพื่อรับสัญญาณจากรีโมท (หากไม่เชื่อมต่อ จะไม่สามารถใช้รีโมทได้), ช่องต่อสายลำโพงแบบหนีบ, ช่องต่ออินพุต HDMI และช่องต่อ HDMI ARC

เชื่อมต่อทีวีง่ายๆ ด้วยสายเส้นเด้นผ่าน HDMI ARC แต่สังเกตเห็นกันไหม ว่าขาดช่องต่ออะไร?
***ห้ามลืมต่อเด็ดขาด เพราะจะทำให้รับสัญาณรีโมทไม่ได้

มาดูคู่ลำโพงซ้าย-ขวาที่แยกออกมากันบ้าง เป็นทรงกระบอกเช่นกัน แต่จะมีระแนงยื่นออกมาเป็นฐาน หน้ากว้างอยู่ที่ 15 ซม. ตรงส่วนของระแนงนั้น มองเข้าไปจะเห็นเป็นช่องขับเสียงของลำโพง ภายในลำโพงแต่ละฝั่งบรรจุดอกลำโพงขนาด 33 มม. และ 55 มม. ให้กำลังขับ 20W ด้านหลังจะมีสายลำโพงความยาวประมาณ 1 ม. สำหรับเชื่อมต่อเข้ากับซับวูฟเฟอร์

ออกแบบให้สามารถวางในรูปแบบแนวนอน หรือวางลำโพงในแนวตั้งก็ได้

รีโมทของ Pioneer SBX-D201 มีขนาดเล็กกะทัดรัดเหมือนซาวด์บาร์ทั่วไป ต้องขอย้ำอีกครั้งว่า หากไม่ต่อสาย IR จะไม่สามารถใช้งานรีโมทได้ ปุ่มคำสั่งต่างๆ จะมีดังนี้ ปุ่มปิด-เปิดเครื่อง (สองปุ่มนี้จะแยกกัน), ปุ่ม Bluetooth, ปุ่มปิดเสียง, ปุ่มโหมดเสียงต่างๆ (Music/Clear Voice/Cinema), ปุ่มช่องต่อ (AUX/อินพุต HDMI/HDMI TV) และเพิ่ม-ลดระดับเสียง

รีโมทมีขนาดเล็กใช้งานง่าย ปุ่มต่างๆ แยกกันชัดเจน

Features – ลูกเล่น

ลูกเล่นของ Pioneer SBX-D201 มีให้ครบถ้วนเฉกเช่นกับซาวด์บาร์ในระดับราคาเดียวกัน อย่างการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth สำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ หรือช่องต่อที่มีให้ทั้ง AUX และ HDMI ARC เชื่อมต่อจากทีวีด้วยสายเส้นเดียว แต่ไม่มี Optical เพราะ HDMI ARC เป็นทางเลือกที่ดีกว่าอยู่แล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีช่องต่ออินพุต HDMI มาให้ด้วย แต่ไม่รองรับ 4K Passtrough สามารถถอดรหัสเสียง Dolby Digital

ช่องขับเสียงปกปิดด้วยตะแกรงอะลูมิเนียม มีฐานเป็นยางอย่างดี ไม่มีสะเทือน

ซึ่งลูกเล่นอันเป็นไฮไลต์ของ Pioneer SBX-D201 แท้จริงแล้วไม่ใช่อะไรอื่นไกล แต่เป็นดีไซน์รูปทรง เรียกได้ว่าปฏิวัติรูปแบบของซาวด์บาร์เลย ด้วยการออกแบบให้แยกเป็น 3 ส่วน ช่วยในเรื่องพื้นที่การจัดวาง เพราะตัวซับวูฟเฟอร์ถูกออกแบบให้ติดตั้งด้วยการวางหลังทีวี แถมยังได้เวทีการฟังที่กว้าง มีมิติมากขึ้น จากคู่ลำโพงซ้าย-ขวา ที่สามารถติดตั้งประกบข้างทีวีได้ทุกขนาด ซึ่งเสียงการรับชมจริงๆ จะสู้ซาวด์บาร์แบบทั่วไปได้หรือไม่ คลิกอ่านหน้าถัดไป มีคำตอบแน่นอน!