Sound Speaker Bar
Pioneer SBX-D201
ลำโพงซาวด์บาร์กลายเป็นกระแสยอดนิยมไปทั่วโลก ถูกยอมรับในด้านเสียงที่พัฒนามาไกลมาก หากเทียบกับซาวด์บาร์รุ่นปีแรกๆ ทั้งยังประหยัดพื้นที่ติดตั้ง และใช้งานได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านเครื่องเสียง หรือไม่ต้องการความยุ่งยากในการติดตั้ง ซึ่งลำโพงที่จะมารีวิวครั้งนี้ จะเรียกซาวด์บาร์ก็เรียกได้ไม่เต็มปาก หรือเรียกชุดลำโพงมันก็ยังไงอยู่ เพราะ Pioneer SBX-D201 ลำโพงรุ่นที่จะรีวิวกันนั้น ได้ฉีกรูปแบบเดิมๆ ของลำโพงโฮมออดิโอขนาดกะทัดรัดอย่างสิ้นเชิง
ต้องบอกเลยว่า ครั้งแรกที่ได้เห็นรูปลักษณ์ของ Pioneer SBX-D201 ก็เกิดความฉงนในทันใด ด้วยรูปลักษณ์ที่คล้ายกับซาวด์บาร์ทั่วไป มีลักษณะเป็นทรงกระบอกยาว แต่แยกออกเป็น 3 ส่วน ชวนสงสัยว่ามันจะใช้งานอย่างไร รีวิวนี้จะมาทำการทดสอบให้รู้ไปเลย ว่าเจ้าลำโพงดีไซน์แปลกมีลูกเล่นทีเด็ดอะไรบ้าง และจะมาปฏิวัตินิยามของคำว่าซาวด์บาร์หรือไม่ มาร่วมชมไปพร้อมๆ กันเลย….
Design – การออกแบบ
อย่างที่เห็นๆ กันเลย ตัวลำโพงจะแบ่งออกเป็น 3 ชิ้น ทั้งหมดมีรูปร่างเป็นทรงกระบอก โดยลำโพงส่วนที่ยาวที่สุดนั้น จากตอนแรกที่เดาไว้ว่าเป็นตัวลำโพงแบบซาวด์บาร์ทั่วไป อีก 2 ส่วนที่สั้นกว่าเป็นลำโพงเซอร์ราวด์ กลับไม่ใช่อย่างที่คิด แต่มันคือซับวูฟเฟอร์…! ใช่ครับ อ่านไม่ผิด นี่คือซับวูฟเฟอร์ทรงกระบอกเหมือนซาวด์บาร์นั่นเอง และลำโพงอีก 2 ชิ้นที่เหลือเป็นคู่ลำโพงซ้าย-ขวา ไว้ประกบข้างกับซับวูฟเฟอร์แบบ 2.1 แชนแนล
Pioneer SBX-D201 ใช้วัสดุเป็นพลาสติกสีดำมันวาวสไตล์ Glossy มาเริ่มดูกันที่ซับวูฟเฟอร์ทรงกระบอกยาว 66 ซม. สูงเกือบ 10 ซม. มีขนาดกะทัดรัดเหมือนซาวด์บาร์ แต่ต่างตรงที่ถูกออกแบบมาเพื่อติดตั้งด้านหลังทีวี ตรงจุดนี้ก็ทำให้รู้สึกประหลาดใจอีกแล้ว ในคู่มือได้เขียนแนะนำแบบนี้จริงๆ ตัวซับวูฟเฟอร์รับบทเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อและควบคุมการใช้งาน
ปลายเครื่องของซับวูฟเฟอร์เป็นตะแกรงอะลูมิเนียม ภายในบรรจุดอกลำโพงขนาด 75 มม. ทั้ง 2 ฝั่งซ้าย-ขวา กำลังขับอยู่ที่ 40W ตัวเครื่องมีน้ำหนักประมาณ 3 กก. ด้านล่างตัวเครื่องจะมีฐานรองเป็นยาง วางตั้งได้อย่างมั่นคง ด้านหน้าราบเรียบ ไม่มีจอแสดงผลใดๆ ส่วนด้านบนจะมีปุ่มปิด-เปิดเครื่อง หากเปิดอยุ่จะมี LEDสีแดงแสดงขึ้นมา และมีไฟไว้แสดงสถานะการเชื่อมต่อ Bluetooth และการใช้โหมดเสียงเซอร์ราวด์
ต่อกันที่ด้านหลังตัวเครื่อง บริเวณตรงกลางจะมีช่องคายเสียงเบส ด้านล่างจะเป็นส่วนของช่องต่อต่างๆ ได้แก่ ช่องต่อสายไฟ, ช่องต่อสาย AUX, ช่องต่อสาย IRเพื่อรับสัญญาณจากรีโมท (หากไม่เชื่อมต่อ จะไม่สามารถใช้รีโมทได้), ช่องต่อสายลำโพงแบบหนีบ, ช่องต่ออินพุต HDMI และช่องต่อ HDMI ARC
มาดูคู่ลำโพงซ้าย-ขวาที่แยกออกมากันบ้าง เป็นทรงกระบอกเช่นกัน แต่จะมีระแนงยื่นออกมาเป็นฐาน หน้ากว้างอยู่ที่ 15 ซม. ตรงส่วนของระแนงนั้น มองเข้าไปจะเห็นเป็นช่องขับเสียงของลำโพง ภายในลำโพงแต่ละฝั่งบรรจุดอกลำโพงขนาด 33 มม. และ 55 มม. ให้กำลังขับ 20W ด้านหลังจะมีสายลำโพงความยาวประมาณ 1 ม. สำหรับเชื่อมต่อเข้ากับซับวูฟเฟอร์
รีโมทของ Pioneer SBX-D201 มีขนาดเล็กกะทัดรัดเหมือนซาวด์บาร์ทั่วไป ต้องขอย้ำอีกครั้งว่า หากไม่ต่อสาย IR จะไม่สามารถใช้งานรีโมทได้ ปุ่มคำสั่งต่างๆ จะมีดังนี้ ปุ่มปิด-เปิดเครื่อง (สองปุ่มนี้จะแยกกัน), ปุ่ม Bluetooth, ปุ่มปิดเสียง, ปุ่มโหมดเสียงต่างๆ (Music/Clear Voice/Cinema), ปุ่มช่องต่อ (AUX/อินพุต HDMI/HDMI TV) และเพิ่ม-ลดระดับเสียง
Features – ลูกเล่น
ลูกเล่นของ Pioneer SBX-D201 มีให้ครบถ้วนเฉกเช่นกับซาวด์บาร์ในระดับราคาเดียวกัน อย่างการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth สำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ หรือช่องต่อที่มีให้ทั้ง AUX และ HDMI ARC เชื่อมต่อจากทีวีด้วยสายเส้นเดียว แต่ไม่มี Optical เพราะ HDMI ARC เป็นทางเลือกที่ดีกว่าอยู่แล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีช่องต่ออินพุต HDMI มาให้ด้วย แต่ไม่รองรับ 4K Passtrough สามารถถอดรหัสเสียง Dolby Digital
ซึ่งลูกเล่นอันเป็นไฮไลต์ของ Pioneer SBX-D201 แท้จริงแล้วไม่ใช่อะไรอื่นไกล แต่เป็นดีไซน์รูปทรง เรียกได้ว่าปฏิวัติรูปแบบของซาวด์บาร์เลย ด้วยการออกแบบให้แยกเป็น 3 ส่วน ช่วยในเรื่องพื้นที่การจัดวาง เพราะตัวซับวูฟเฟอร์ถูกออกแบบให้ติดตั้งด้วยการวางหลังทีวี แถมยังได้เวทีการฟังที่กว้าง มีมิติมากขึ้น จากคู่ลำโพงซ้าย-ขวา ที่สามารถติดตั้งประกบข้างทีวีได้ทุกขนาด ซึ่งเสียงการรับชมจริงๆ จะสู้ซาวด์บาร์แบบทั่วไปได้หรือไม่ คลิกอ่านหน้าถัดไป มีคำตอบแน่นอน!