หลังจากที่ได้พาแฟนๆ และผู้อ่านไปทำความรู้จักกับแบรนด์ Klipsch ที่ถือว่าขึ้นชื่อในเรื่องของการใช้งานในด้านการรับชมภาพยนตร์ ซึ่งในรีวิวหลายๆ ตัวของ Klipsch ที่ผ่านมานั้นทางทีมงานเองก็ได้พาคุณผู้อ่านและแฟนๆ เว็บไซต์ได้ไปรับชมศักยภาพของมันไม่ว่าจะเป็นชุดลำโพง SoundBase รุ่น SB 120 ที่เป็นลำโพงแบบเอาทีวีมาวางทำบนตัวของลำโพงกันไปแล้ว มาในครั้งนี้กระผมเลยอาสาพาคุณผู้อ่านมาดูกันที่ชุดลำโพง SondBar ที่มาพร้อมกับ Subwoofer แบบแยกอยู่ภายนอกกันบ้าง
หากท่านที่เคยทดลองฟังหรือว่าใช้งานลำโพงจากแบรนด์นี้อยู่จะต้องติดใจคาแรคเตอร์เสียงของมันเวลาที่ใช้รับชมภาพยนตร์กันอย่างแน่นอน
Klipsch R-10B ตัวที่กระผมจะนำมารีวิวให้คุณผู้อ่านได้รับชมในครั้งนี้ถือว่าเป็นน้องเล็กของซีรีย์ R เลยก็ว่าได้ แต่ถ้าพูดถึงคุณภาพละก็ระดับ Klipsch ที่ขึ้นชื่อในด้านของลำโพงที่ใช้รับชมในโรงภาพยนตร์แล้วต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน มาดูที่จุดเด่นของเจ้า Klipsch R-10B กันสักเล็กน้อย โดยจุดเด่นของ SondBar ชุดนี้จะมาพร้อมกับลำโพงซับวูฟเฟอร์แบบ Active ที่แยกออกมาอยู่ภายนอกของตัว SondBar ที่เป็นลำโพงหลักอีกทีและที่สำคัญการเชื่อมต่อระหว่าง SondBar และตู้ Subwoofer นั้นจะเชื่อมต่อกันเองอัตโนมัติผ่านทางสัญญาณไร้สายทันทีเมื่อเราทำการเสียบปลั๊กลำโพงทั้งสองชิ้นเรียบร้อย
ส่วนของรูปแบบการรองรับการเชื่อมต่อบนตัว Klipsch R-10B จะรองรับการเชื่อมต่อจากภายนอกผ่านทางพอร์ต Optical Digital, RCA และสัญญาณไร้สายผ่านทาง Bluetooth ทำให้การนำไปใช้งานกับทีวีหรือเครื่องเล่นชนิดอื่นๆ นั้นสามารถรองรับการใช้งานได้อย่างครบครัน
ในส่วนสเปคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านของเทคนิคนั้นสามารถดูได้ที่ตารางด้านล่างนี้ได้เลย
Klipsch R-10B SPECIFICATIONS | |
SPEAKER SYSTEM | 2-way soundbar with 8” wireless subwoofer |
PEAK AMPLIFIER OUTPUT | 250 Watts peak system power |
FREQUENCY RESPONSE | 27Hz-20kHz |
TWEETER | Two .75” (19mm) textile dome tweeters mated to dual 90° x 90° Tractrix® Horns |
MIDRANGE | Two 3” (76mm) polypropylene drivers |
SUBWOOFER | One 8” (203mm) side-firing fiber composite cone/ported enclosure. MDF cabinet |
INPUTS | 1 Optical digital, 1 Stereo RCA, Bluetooth® with aptX® audio coding technology |
SOUNDBAR DIMENSIONS | 40” (1015.8mm)W x 2.8” (71mm)D x 4.1” (105.1mm)H |
SUBWOOFER DIMENSIONS | 8.3″ (210mm)W x 16″ (406.4mm)D x 13.2″ (336.4mm)H |
WEIGHT | Soundbar: 7 lbs. (3.2 kg) Subwoofer: 25.1 lbs. (11.4 kg) |
FINISH | Soundbar: Satin black Subwoofer: Brushed Black Vinyl Grille: Perforated Metal |
MOUNTING OPTIONS | Two built-in keyhole mounts for wall mounting, also includes removable rubber feet for tabletop positioning |
INCLUDED ACCESSORIES | One 1.5m optical cable, one pair of rubber feet, one wall mounting template, one remote control, power supply |
MAX LOAD WEIGHT | Packaged product 42.1 lbs (19.1kg) |
Design – การออกแบบ
หลังจากที่ได้พาคุณผู้อ่านได้ไปไล่ดูในส่วนของข้อมูลทางเทคนิคและจุดเด่นแบบคร่าวๆ กันไปแล้วทีนี้ก็มาดูที่ส่วนของดีไซน์กันบ้าง โดยตัวของเจ้า Klipsch R-10B ไม่ว่าจะเป็นบอดี้ของ SoundBar และ Subwoofer นั้นจะมาในคอนเซ็ปต์สีดำเข้มทั้งหมดทำให้ดูแล้วมีความกลมกลืนกันทั้งชุด นอกจากนี้ตัวของ SoundBar เองยังคงมีสิ่งอำนวยความสะดวก อย่างเช่น ปุ่มควบคุมฟังก์ชันต่างๆ มาให้ทางด้านหน้าอีกด้วย เอาเป็นว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปดูของจริงกันเลยดีกว่า
เมื่อแกะเจ้ากล่องสีน้ำตาลออกมาจะพบกับอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
1. สายไฟ AC จำนวน 2 เส้น
2. อะแดปเตอร์แปลงไฟ จำนวน 1 ชุด
3. สายสัญญาณ Optic Digital จำนวน 1 เส้น
4. ขายางสำหรับรอง SoundBar (Rubber Feet) จำนวน 1 คู่
5. รีโมทคอนโทรล จำนวน 1 ชิ้น
สำหรับปุ่มควบคุมนั้นจะเหมือนกับปุ่มต่างๆ ที่อยู่บนตัวรีโมทคอนโทรลแทบทั้งสิ้น
1. ไฟแสดงสถานะการเปิดใช้งานโหมดเสียง 3-D SURROUND
2. ปุ่มเลือกการเชื่อมต่อ Input จากภายนอก ได้แก่ เชื่อมต่อไร้สายผ่านสัญญาณบลูทูธ (BLUETOOTH), เชื่อมต่อผ่านทางพอร์ต RCA และเชื่อมต่อแบบดิจิตอลผ่านทางพอร์ต Optical Digital
3. ปุ่มสำหรับปิดเสียง (Mute)
4. ปุ่มสำหรับปรับลดระดับความดังของเสียง
5. ปุ่มสำหรับปรับเพิ่มระดับความดังของเสียง
6. ไฟแสดงสถานะว่ากำลังทำงานอยู่ในโหมดการเชื่อมต่อ Input แบบใด
ในด้านของการใช้งานนั้นเจ้า Klipsch R-10B จะรองรับการใช้งานกับอุปกรณ์พกพาจำพวกแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ผ่านทางสัญญาณบลูทูธบนเทคโนโลยี aptX® ที่จะทำให้ได้ความละเอียดในการรับฟังเทียบเท่ากับการรับฟังจากแผ่นซีดีเพลง นอกจากนี้ภายในชุดจะมาพร้อมกับลำโพง Subwoofer ไร้สายแบบ Active ที่รองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่านทางคลื่นความถี่ 2.4 GHz ทำให้การสตรีมมิ่งสัญญาณเสียงจาก SoundBar ไปยัง Subwoofer นั่นมีคุณภาพสูง
ถัดมาที่รายละเอียดของตัวไดร์เวอร์ที่ถูกติดตั้งมาบน SoundBar กันสักเล็กน้อย โดยทาง Klipsch ได้เลือกติดตั้งไดร์เวอร์ทวีตเตอร์โดมที่ทักทอจากผ้าและมาพร้อมกับเทคโนโลยี Dual 90° x 90° Tractrix® Horns ขนาด 0.75 นิ้ว และส่วนของไดร์เวอร์ที่จะมาช่วยในเรื่องของเสียงกลางที่ค่อนไปทางเสียงต่ำนั้นจะเป็นไดร์เวอร์แบบมิจเรนจ์ขนาด 3 นิ้ว (ขึ้นรูปจากโพลีโพรไพลีน) ทั้งนี้ตัวของ SoundBar นั้นจะเป็นแบบ 2-Way ที่ประกอบด้วยไดร์เวอร์ทั้ง 2 ชนิดดังที่ได้กล่าวเมื่อสักครู่นี้