27 Mar 2017
Review

จบทุกไฟล์!! รีวิว Zappiti 4K HDR เครื่องเล่น 4K HD Player เครื่องแรกที่รองรับการเล่นไฟล์ HDR


  • Dear_Sir

ทุกวันนี้เครื่องเล่น Full HD Player กลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัยไปเสียแล้ว เพราะเครื่องเล่น 4K HD Player แทบจะกลายเป็นเครื่องเล่นมาตรฐานในปัจจุบันไปแล้ว แต่ท่ามกลางเครื่องเล่นความละเอียด 4K มากมาย จะมีอะไรที่ดีที่สุด เด่นที่สุด? ก่อนที่จะมาอ่านรีวิวนี้หลายคนคงมีคำตอบในใจไม่เหมือนกัน ทว่าหลังจากที่ได้อ่านรีวิว Zappiti 4K HDR Player เครื่องนี้แล้วล่ะก็เชื่อว่าจะสามารถแย่งที่นั่งอันดับหนึ่งในใจใครหลายคนได้แน่นอน แถมไม่ได้มาแค่เครื่องเดียว มากันเป็นครอบครัว!!!

สามศรีพี่น้อง!!
Zappiti 4K HDR Family
 Mini 4K HDROne 4K HDRDuo 4K HDR
ChipsetRealtek RTD1295Realtek RTD1295Realtek RTD1295
CPUQuad Core CoreTex CA53Quad Core CoreTex CA53Quad Core CoreTex CA53
GPUMali™-T820 MP3Mali™-T820 MP3Mali™-T820 MP3
RAMDDR4 2GBDDR4 2GBDDR4 2GB
Storage16GB16GB16GB
HDMI V.HDMI 2.0HDMI 2.0HDMI 2.0
HDRYesYesYes
HDD SlotNo12
Price6,500 บาท7,900 บาท9,900 บาท

Design – การออกแบบ

ครอบครัว Zappiti 4K HDR มาด้วยกันถึงสามรุ่น ซึ่งทั้งสามรุ่นจะมีความแตกต่างกันหลักๆ ในเรื่องของสเปค และการออกแบบของตัวเครื่อง ส่วนเฟิร์มแวร์ หรือระบบปฏิบัติการที่อยู่ภายในนั้นจะเหมือนกัน ว่าแล้วเราไปทำความรู้จักกับน้องเล็กกันก่อนคือ Zappiti mini 4K HDR

Zappiti mini 4K HDR ตัวเครื่องก็มีขนาดเล็กสมชื่อ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบให้มีเครื่องเล่นใหญ่ๆ วางเกะกะบนชั้นวาง แต่เห็นเครื่องเล็กๆ แบบนี้ ช่องต่อที่ให้มาจัดเต็มมาก ผมกล้าพูดได้เลยว่าเทียบกับเครื่องเล่น 4K HD Player ที่มีขนาดเท่ากัน ไม่มีเครื่องเล่นเครื่องไหนที่ให้ได้เยอะเท่ากับตัวนี้

ตัวเครื่องมีขนาดเล็กประมาณหนึ่งฝ่ามือ
ด้านข้างขวามีช่องใส่ External SATA พร้อมด้วย USB อีกสองช่อง
ด้านข้างซ้ายมีช่องใส่การ์ดและพอร์ต USB 3.0
ด้านหลังก็ยังอัดแน่นไปด้วยช่องต่อ
อุปกรณ์ที่แถมมากับตัวเครื่อง 4K Mini HDR

ช่องต่อทั้งหมดของ Zappiti mini 4K HDR
1. External SATA
2. USB 2.0 x 1, USB 3.0 x 1
3. HDMI 2.0 In x 1
4. HDMI 2.0 Out x 1
5. Ethernet (10/100/1000Mbps) x 1
6. Optical x 1
7. Ir In x 1
8. AV x 1

ถัดมาคือพี่รอง Zappiti One 4K HDR ซึ่งจะมีขนาดใหญ่กว่าน้องเล็กขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง มองดีไซน์ภายนอกก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันมากนัก โลโก้ Z ตรงกลางเด่นเป็นสง่า ตัวเครื่องานประกอบแน่นหนาเหมือนกัน ทว่าจุดที่เด่นที่สุดก็คงจะเป็นการที่สามารถใส่ HDD ขนาด 3.5″ ได้ 1 ลูกที่ด้านข้างของเครื่อง สล็อตเป็นแบบ Hot Swap ถอดเปลี่ยนได้ทันทีไม่ต้องใช้น็อต

พี่รองขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย หน้าตาเหมือนกัน
สามารถใส่ HDD ขนาด 3.5″ ได้ที่ด้านข้างเครื่อง
มีสล็อตสำหรับใส่การ์ด
ช่องต่อด้านหลัง
อุปกรณ์ที่แถมมาพร้อมกันในกล่อง

ช่องต่อทั้งหมดของ Zappiti One 4K HDR
1. SD/MMC Card Slot x 1
2. USB 2.0 x 3, USB 3.0 x 1
3. USB Type C x 1
4. AV Out x 1
5. Coaxial x 1
6. Ethernet WAN x 1, LAN x 1 (10/100/1000) Mbps
7. HDMI 2.0 in x 1
8. HDMI 2.0 Out x 1
9. Optical x 1
10. HDD Hot Swap Slot x 1

สุดท้ายคือพี่ใหญ่สุด Zappiti Duo 4K HDR เมื่อเป็นพี่ใหญ่ ตัวเครื่องก็จะมีขนาดใหญ่ที่สุดเช่นกัน ขนาดประมาณเครื่องเล่น Blu-ray Player ทั่วไป โดยที่ต้องทำตัวเครื่องใหญ่ขนาดนี้ก็เพราะว่าจะได้ใส่ HDD ขนาด 3.5″ สองลูกได้ โดยสล็อตที่ใส่จะอยู่ที่ด้านหน้าซ้าย/ขวา ข้างโลโก้ Z เป็นแบบ Hot Swap เช่นกัน นอกจากฮาร์ดแวร์และช่องต่อที่จัดเต็มที่สุดแล้ว สเปคเครื่องยังแรงมากที่สุดด้วย

พี่ใหญ่ตัวเครื่องมีขนาดพอๆ กับเครื่องเล่น Blu-ray Disc แต่ดูแกร่งกว่าเยอะ
สามารถใส่ HDD ขนาด 3.5″ ได้พร้อมกันถึงสองลูก
ด้านข้างซ้ายมีช่อง USB 2.0 กับ SD Card Slot
ช่องต่อส่วนใหญ่จัดวางกระจุกอยู่ที่ด้านหลังฝั่งขวาของตัวเครื่อง
อุปกรณ์ที่แถมมากับตัวเครื่อง

ช่องต่อทั้งหมดของ Duo 4K HDR
1. SD/MMC Card Slot x 1
2. USB 2.0 x 3, USB 3.0 x 1
3. USB Type C x 1
4. AV Out x 1
5. Coaxial x 1
6. Ethernet WAN x 1, LAN x 1 (10/100/1000) Mbps
7. HDMI 2.0 in x 1
8. HDMI 2.0 Out x 1
9. Optical x 1
10. HDD Hot Swap Slot x 2 (Upto 16TB) 

รีโมทแบบ Backlit ด้วยนะ

จากภาพด้านบนทุกคนคงเห็นแล้วว่าที่รีโมทมีปุ่มเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด ปุ่มแต่ละปุ่มเหล่านี้ต่างเป็นตัวแทนในการเข้าถึงเมนู และการปรับแต่งค่าต่างๆ ของตัวเครื่อง อย่างปุ่มที่ไม่คิดว่าจะมีก็มีให้เช่น 3D, Aspect Ratio เป็นต้น แตกต่างกับ HD Player ในตลาดทุกวันนี้ที่เหลือแต่เพียงตัวเข้าเมนูหลัก เมนูรอง ปุ่มปรับแต่งค่าอื่นๆ แทบจะไม่มี