14 Mar 2016
Review

รีวิวลำโพง Mission VX Series ลำโพงอังกฤษมาดโมเดิร์น กับสุ้มเสียงที่แตกต่าง


  • boom

Mission แบรนด์ลำโพงสุดคลาสสิคจากประเทศอังกฤษ ที่มีสินค้าสร้างชื่ออย่างลำโพงเรือธงซีรี่ย์ SX ที่งดงามทั้งในเรื่องงานดีไซน์และคุณภาพเสียง แต่นั่นก็แลกมาด้วยค่าตัวที่ค่อนข้างสูง จนอาจจะเป็นอุปสรรคให้กับนักเล่นหน้าใหม่ไปเสียหน่อย

ล่าสุดทาง Mission ได้เปิดตัวลำโพงซีรี่ย์ใหม่ VX ที่ทำราคาลงมาได้น่าคบหาและสามารถเอื้อมถึงได้ไม่ยาก แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์จากซีรี่ย์ SX โดยประกอบไปด้วยลำโพงเซอร์ราวด์รุ่น VX-S, ลำโพงวางหิ้งรุ่น VX-1 กับ VX-2,​ ลำโพงตั้งพื้นรุ่น VX-3 กับ VX-4 และสุดท้ายลำโพงเซ็นเตอร์ VX-C

สำหรับเซ็ตที่ทางทีมงานกำลังจะทดสอบนั้น มาในระบบ 5.1 แชนแนล ที่ทาง HiFi Tower ผู้นำเข้ารายใหม่ได้จัดมาให้ โดยประกอบไปด้วย VX-1, VX-3 และ VX-C ที่นำมาเข้าชุดกับแอ็คทีฟซับวูฟเฟอร์ MS-200 เป็นชุดโฮมมาตรฐานในราคากลางๆ ที่คนเล่นเครื่องเสียงเอื้อมถึงได้ไม่ยาก

สรุปราคา Mission VX Series + MS-200

VX-1 Bookshelf Speaker ราคาพิเศษ 6,000 บาท
VX-3 Floorstand Speaker ราคาพิเศษ 13,500 บาท
VX-C Center Speaker ราคาพิเศษ 5,000 บาท
MS-200 Active Sub-Woofer ราคาพิเศษ 8,900 บาท

Design – การออกแบบ

เริ่มดูจากตัวลำโพงวางหิ้งกันก่อน VX-1 ใช้ไม้ MDF ทำสีดำ เป็นวัสดุสำหรับตัวตู้ ซึ่งทางผู้ผลิตก็ได้ทำการเก็บงานมาค่อนข้างเรียบร้อย ไม่มีคราบกาวให้พบเห็นให้สะดุดตา ตู้ลำโพงสูงประมาณ 25 ซม.​ กว้าง 16 ซม. ใช้ไดร์เวอร์วูฟเฟอร์ขนาด 4.5 นิ้ว มีค่าความต้านทานอยู่ที่ 4 โอห์ม และทวิตเตอร์โดมผ้าขนาด 1 นิ้ว

ด้านหลังใช้ขั้วต่อสายลำโพงไบน์ดิ้งโพสต์ แบบซิงเกิ้ลไวร์ พร้อมท่อเบสรีเฟล็กซ์ด้านหลังตัวตู้

ต่อด้วย VX-3 เป็นลำโพงวางพื้นรุ่นรองท็อปในซีรี่ย์​ VX ที่ใช้วัสดุเดียวกันกับลำโพงวางหิ้ง ไดร์เวอร์มีทั้งหมด 4 ตัวด้วยกัน ประกอบด้วยวูฟเฟอร์ Black Pulp Fibre แบบแอ็คทีฟ 1 ดอก แบบพาสซีฟ 3 ดอก ใช้ทวิตเตอร์โดมผ้าแบบเดียวกับ VX-1 ด้านหลังขั้วต่อสายลำโพงแบบไบไวร์ พร้อมบริดจ์สีทองสวยงาม

ด้าน VX-C ลำโพงเซ็นเตอร์ประกอบด้วยเบสไดร์เวอร์ขนาด 4.5 นิ้ว 2 ดอก พร้อมทวิตเตอร์บริเวณกึ่งกลางตามธรรมเนียมลำโพงเซ็นเตอร์ทั่วไป ตัวตู้มีขนาดกว้างประมาณ 40 ซม. ขนาดกำลังกระทัดรัด

ใช้ขั้วต่อสายลำโพงไบน์ดิ้งโพสต์แบบซิงเกิ้ลไวร์เหมือนกัน

สุดท้ายในเซ็ตนี้ก็คือ MS-200 แอ็คทีฟซับวูฟเฟอร์ตู้ปิดแบบช่วงชักยาว กำลังขับ 250 วัตต์​ มีอัตราตอบสนองความถี่ในช่วง 35 – 150 Hz พร้อมไดร์เวอร์ความถี่ต่ำขนาด 10 นิ้ว น้ำหนักกำลังดีที่ 13 กิโลกรัม

ด้านหลังเป็นช่องเสียบสายสัญญาณ, ตัวปรับความดัง,​ ปรับเฟส,​ ปรับอัตราการตอบสนองความถี่
สวิตช์เปิดปิด และช่องเสียบสายไฟแบบ IEC ไว้ให้อัพเกรดความแรงเล็กน้อย
ส่วนขาเป็นยางแบบปลายทู่ ไม่ใช่สไปค์แหลมแต่อย่างใด

งานดีไซน์โดยรวมก็ค่อนข้างเรียบร้อยสมราคาครับ อาจจะมีเรื่องความสวยงามของลายไม้บริเวณตัวบอดี้ที่ดูแล้วออกจะธรรมดา หากเทียบกับ Wharfedale Diamond 200 ที่คุณชานมเพิ่งจะรีวิวไปเมื่อไม่นานมานี้

ความจริงหากพิจารณาภาพรวมจะเห็นว่าสองเซ็ตนี้หน้าตาคล้ายคลึงกันมาก สาเหตุนั่นก็เพราะว่าทั้ง Mission และ Wharfedale นั้นเป็นผลิตภัณฑ์ต่างแบรนด์ภายใต้บริษัทผลิตเครื่องเสียงยักษ์ใหญ่นามว่า IAG Group นั่นเองครับ ประจวบเหมาะว่าทางผู้นำเข้าในไทยก็เป็นเจ้าเดียวกัน ผมเลยอาจจะมีเสริมในเรื่องของการเปรียบเทียบแนวเสียงของสองเซ็ตนี้เล็กน้อย เผื่อว่าจะได้ช่วยให้ทุกท่านตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ