08 May 2019
Review

รีวิว Oppo UDP-205 Universal Player !!? ไฮเอ็นด์จัดเต็มในยุค 4K HDR พร้อม DAC ที่ไม่ได้ให้มาเล่นๆ


  • ชานม
ที่สุดของ 4K Blu-ray Player ต้องยกให้ Oppo UDP-205

หลังจากปล่อย UDP-203 ซึ่งเป็น 4K HDR Blu-ray Universal Player เครื่องแรกที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และก็เป็นไปตามที่หลายๆ คนคาดไว้ เป้าหมายต่อไปของ Oppo คือ ออกเพลเยอร์อีกรุ่นหนึ่ง “ที่จัดเต็มยิ่งกว่า 203” ทั้งเรื่องของคุณภาพของภาพและเสียง ในนาม UDP-205

คลิปบรรยากาศงานเปิดตัว OPPO UDP-203 ครั้งแรกในไทย

นับแต่อดีต ตั้งแต่ที่เริ่มวางจำหน่าย BDP-93 และ BDP-105 เป็นต้นมา ทาง Oppo ก็ผลิตจำหน่ายเพลเยอร์ 2 รุ่น ที่ลงท้ายรหัส 3 และ 5 ในทุกๆ เจนเนอเรชั่น พอมาถึงยุค 4K HDR Blu-ray Player ปัจจุบันก็มี UDP-203 และ UDP-205 คู่กัน

หลายท่านคงสงสัยว่า UDP-203 กับ UDP-205 ต่างกันอย่างไร? กล่าวโดยสรุป 205 ได้รับการเพิ่มเติมและอัพเกรดฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวเนื่องกับภาพและเสียงหลายจุด อิงได้ตามตารางเปรียบเทียบด้านบน ซึ่งรายละเอียดในแต่ละจุดจะทยอยลงในช่วงถัดไปครับ แต่ตามธรรมเนียม มาเริ่มที่รูปลักษณ์ภายนอกกันก่อนครับ

Design – การออกแบบ

คลิกที่รูปเพื่อชมขนาดจริง

แฟนๆ Oppo หากจำ BDP-105D Full HD (4K Upscale) Blu-ray Universal Player ได้ จะพบว่า UDP-205 4K UHD Blu-ray Universal Player รุ่นใหม่ อิงพื้นฐานดีไซน์ภายนอกมาหลายจุด มองดูแล้วคล้ายกันมากแต่ก็ไม่เหมือนไปทั้งหมด จุดต่างชัดเจน คือ ตำแหน่งจอแสดงสถานะที่ย้านมาอยู่กึ่งกลางเหนือถาดรับแผ่นดิสก์ กับปุ่มควบคุมที่รุ่นใหม่เป็นแบบจิ้มกด ไม่ได้เป็นระบบสัมผัสเหมือนเดิม

คลิกที่รูปเพื่อชมขนาดจริง

เช่นเดียวกับภายในที่ยังคงจัดวางเลย์เอาต์ไว้คล้ายคลึงรุ่นก่อน แต่ขณะเดียวกันจะเห็นจุดต่าง อาทิ จำนวนและรูปแบบการจัดวางอุปกรณ์บางตัวบน PCB แต่ก็เป็นเพียงจุดเล็กๆ เท่านั้น จากรูปเดียวกันนี้จะเห็น Toroidal Power Supply ที่บริเวณมุมซ้ายล่าง โดยเป็นภาคจ่ายไฟสำหรับภาคเสียงอะนาล็อกโดยเฉพาะ มีเฉพาะในรุ่น 205/105D เท่านั้น (ไม่มีในรุ่น 203/103D)

จุดต่างจากเจนเนอเรชั่นก่อน อันดับแรก คือ OP8591 Quad-core Processor หน่วยประมวลผลใหม่ที่ทาง Oppo พัฒนาร่วมกับ MediaTek เพื่อสนองตอบความบันเทิงด้านภาพเสียงระดับ Hi-resolution 4K HDR ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ (จุดนี้เหมือนกับ 203)

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของ Universal Player รุ่นใหม่ของ Oppo คือ Disc Loader หรือภาคทรานสปอร์ตที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ นอกจากความหลากหลาย เล่นแผ่นได้แทบทุกฟอร์แม็ต ล่าสุดยังเพิ่มเติมรองรับ 4K UHD HDR Blu-ray Disc ฟอร์แม็ตภาพและเสียงที่ดีที่สุดในปัจจุบันด้วย อีกทั้งยังเสริมโครงสร้างรับแรงสั่นสะเทือนจากทั้งภายนอกและภายใน พร้อมไฟน์จูนหัวอ่านเลเซอร์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อเสถียรภาพสูงสุด (จุดนี้เหมือนกับ 203) 

ความยอดเยี่ยมของ 205 และเหนือกว่า 203 คือ คุณสมบัติฮาร์ดแวร์ด้านเสียงอันโดดเด่น หัวใจสำคัญ คือ ES9038PRO 32-bit HyperStream DAC จาก ESS Technology จำนวนถึง “2 ชุด” ด้วยกัน เพื่อแยกหน้าที่ในส่วนของ 2 แชนเนล และมัลติแชนเนลเอาต์พุต (ต่างจาก 203 ที่ใช้ชิพ AKM AK4458VN เพียงชุดเดียว และเป็นการอัพเกรดขึ้นจาก ESS ES9018 ของ 105D รุ่นก่อน)

อานิสงส์ของการติดตั้ง DAC chip ถึง 2 ชุด ซึ่งหนึ่งในนั้นทำหน้าที่เฉพาะสัญญาณเสียงแบบสเตริโอ 2 แชนเนล นัยว่าเน้นสำหรับซิสเต็มฟังเพลงโดยเฉพาะเลย ซึ่งช่องต่อสัญญาณอะนาล็อก 2 แชนเนล ของ 205 มีทั้ง RCA และ XLR

มี DAC ดีทั้งที ต้องดึงประสิทธิภาพออกมาใช้ให้คุ้ม ในรุ่น 205 จึงเพิ่มเติม Digital Audio Input สำหรับรับสัญญาณดิจิตอลออดิโอจากภายนอก และยังรวมถึง USB Audio ที่ฮิตกันในปัจจุบันสำหรับชาว Computer Audiophile ด้วย

คุณสมบัติพิเศษด้านเสียงที่เพิ่มเข้ามาเฉพาะกับรุ่น 205 ยังรวมถึงฟีเจอร์ที่เรียกว่า HDMI Audio Jitter Reduction เมื่อเชื่อมต่อสัญญาณเสียงร่วมกับชุดโฮมเธียเตอร์ผ่านทาง HDMI cable จะได้รับอานิสงส์ในแง่ปรับปรุงคุณภาพเสียงให้ดีขึ้นด้วย

ตัวถังของ 205 ยังได้รับการเสริมเพิ่มความมั่นคง ด้วยโครงสร้าง Double-layered Chassis เมื่อรวมน้ำหนักของอุปกรณ์ภายในที่มีมากกว่าแล้ว จึงมีน้ำหนักมากกว่า 203 อย่างชัดเจน (10 kg vs 4.3 kg)

ปุ่มควบคุมเปลี่ยนจากระบบสัมผัสในรุ่น 105D มาเป็นแบบ “จิ้มกด” จัดวางรวมกลุ่มอยู่ทางขวา วัสดุดูดีกว่าปุ่มที่ใช้ในรุ่น 203

ในส่วนของช่องต่อที่แผงหน้า จะมีเพียง USB (2.0) In 1 ช่อง เช่นเดียวกับ 203 แต่จะเพิ่ม Headphone Out (1/4″ TRS) เข้ามา เนื่องจาก 205 ติดตั้ง Headphone Amp มาด้วย

รีโมตคอนโทรลใช้รุ่นเดียวกันกับ 203 อิงดีไซน์เดิมของเจนฯ ก่อน แต่เปลี่ยนตำแหน่งปุ่มไปเล็กน้อย ไฟ Backlit สีขาว จะติดสว่างขึ้นเองโดยอัตโนมัติเมื่อรีโมตมีการเคลื่อนไหว (รุ่นก่อนต้องกดปุ่มที่รีโมตให้ไฟติด)