24 Dec 2018
Review

รีวิว Onkyo TX-NR686 AVR รุ่นคุ้มค่า ฟีเจอร์ครบครัน พร้อมรองรับมาตรฐาน THX


  • TopZaKo

Onkyo AVR TX-NR686 ราคา 32,900 บาท

หากพูดถึงเครื่องเสียง Home Theater สักหนึ่งชุด อุปกรณ์ที่นับว่าเป็นหัวใจหลักของระบบเลยนั่นก็คือ AV Receiver หรือที่เราเรียกกันว่า AVR เป็นอุปกรณ์ที่เปรียบเสมือนเป็นศูนย์กลางการควบคุมสัญญาณภาพและเสียงจากอุปกรณ์ต่างๆ โดยรับเข้ามา และส่งออกไปยัง TV Projector รวมถึงลำโพงต่อไป ซึ่ง AVR ในอดีตนั้น หากอยากได้รุ่นที่ฟังก์ชั่นหรือกำลังขับสูงๆ ก็มักจะมีราคาที่สูงมากตามขึ้นไปด้วย แต่ในปัจจุบันนี้ราคาของ AVR นั้นถือว่าลดลงมาพอสมควร ในวันนี้ผมจึงจะพาทุกคนไปรู้จักกับ AVR รุ่นระดับกลาง ที่ราคาค่าตัวนั้นเรียกได้ว่าเอื้อมถึงกันได้ไม่ยากกับ AV Receiver จาก Onkyo รุ่น TX-NR686 นั่นเอง

Onkyo TX-NR686 เป็น AVR ขนาด 7.2-Ch ที่ถือว่าเป็นรุ่นอัพเกรดพัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง TX-NR676 โดยความแตกต่างที่เพิ่มเข้ามานั้นได้แก่การรับรองจากมาตรฐาน THX โดยจะมีการเพิ่มค่ามาตรฐานสำหรับ THX เป็นค่าแนะนำให้สามารถเลือกใช้ได้ ซึ่งตรงนี้เป็นจุดยืนยันได้ดีเลยว่า ภาพและเสียงของ AVR เครื่องนี้ต้องมีคุณภาพที่ดีอย่างแน่นอน แถมยังเพิ่มกำลังขับสูงสุด หรือที่เรียกว่า Peak มาให้มากกว่ารุ่นก่อนหน้าจาก 700 W เป็น 800 W แถมยังทำการพัฒนาระบบ Auto Calibrate อย่าง AccuEQ Room Acoustic Calibration ให้มีความแม่นยำถูกต้องและดีขึ้นกว่าเดิม

ส่วนอื่นๆ นั้นก็เรียกว่ามีจุดเด่นที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการถอดรหัสเสียงแบบ Immersive Sound หรือ ระบบเสียง 3 มิติ ยอดฮิตในยุคนี้อย่าง Dolby Atmos และ DTS:X รวมถึงมีฟีเจอร์การฟังเพลงผ่านระบบสตรีมมิ่งไร้สาย ต่างๆ เช่น Google Chromecast, แอปสตรีมมิ่งอย่าง Spotify, DTS Play-Fi หรือ AirPlay เป็นต้น แถมยังสามารถใช้ Smart Phone ของคุณเป็นรีโมทอัจฉริยะด้วยแอป Onkyo Controller ได้อีกด้วย เกริ่นมาขนาดนี้แล้ว ผมเชื่อว่าทุกคนคงจะอยากทำความรู้จักกับเจ้า TX-NR686 เครื่องนี้กันมากขึ้นแล้วใช่ไหมครับ !? ตามไปอ่านในรีวิวกันได้เลย…!!!

Design – การออกแบบ

บริเวณด้านหน้าของตัวเครื่อง Onkyo TX-NR686

การออกแบบโดยรวมของ TX-NR686 เรียกว่าถอดแบบมาจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง TX-NR676 เลยก็ไม่ผิดนัก จุดที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือชื่อรุ่นบริเวณด้านขวาล่างของตัวเครื่อง กับโล้โก้ Certified by THX ที่เพิ่มขึ้นมาเป็นเครื่องหมายที่ยืนยันถึงเรื่องคุณภาพของภาพและเสียงของ AVR ตัวนี้ได้เป็นอย่างดี

ขนาดของตัวเครื่องนั้นจะอยู่ที่ ความกว้าง 435 มม. x ความยาว 379.5 มม. x ความสูง 173.5 มม. มีน้ำหนัก 10 กิโลกรัม โดยรวมมีขนาดและน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ในระดับพอดีตามปกติของ AVR ระดับกลาง

ส่วนของปุ่ม เปิด/ปิด เครื่อง และปุ่มต่างๆ บริเวณด้านหน้าซ้ายมือของตัวเครื่อง
ปุ่มเลือกช่องสัญญาณ Input ต่างๆ บริเวณหน้าตัวเครื่อง
ช่องเสียบ Set Up Mic, Aux Input และ HDMI Input บริเวณด้านหน้าขวาของตัวเครื่อง

มาต่อที่บริเวณ ด้านหน้า ของตัวเครื่อง ซึ่งเมื่อมองมาสิ่งที่จะเห็นเป็นอย่างแรกเลยก็คือหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ที่มีไว้บอกสถานะต่างๆ ของตัวเครื่อง เช่น แสดงชื่อช่องสัญญาณที่เลือกใช้อยู่, แสดง Volume ความดังของเสียง, แสดงข้อมูลชื่อเพลง เป็นต้น โดยด้านหน้าของตัวเครื่องนี้ยังมีปุ่ม เปิด/ปิด เครื่อง, ปุ่ม Pure Audio, ปุ่ม Listening Mode กับ Tone ที่มาพร้อมกับที่หมุน, ปุ่มช่องสัญญาณ Input, ปุ่ม Zone 2, ปุ่มเลือกระดับความสว่างของหน้าจอแสดงผล, ปุ่มการตั้งค่าต่างๆ, ปุ่มลูกศรควบคุมทิศทาง, ช่องต่อหูฟังแบบ 6.35 มม., ช่องต่อ Setup MIC, ช่อง AUX Input และท้ายสุดคือช่อง HDMI Input

รีโมทที่มาพร้อมกับ TX-NR686 เครื่องนี้มาในขนาดพอดีมือใช้งานง่าย

สำหรับ รีโมท ที่มาด้วยกันนั้นมีขนาดกำลังพอดีมือ ปุ่มกดก็ให้มาแบบครบครันเพียงพอต่อการใช้งาน เช่น ปุ่ม เปิด/ปิด เครื่อง, ปุ่มเลือกช่องสัญญาณ Input ต่างๆ , ปุ่มเข้าสู่การตั้งค่า, ปุ่ม Quick Menu, ปุ่มลูกศรควบคุมการใช้งาน, ปุ่ม Info, ปุ่ม Mute, ปุ่ม Volume, ปุ่มเลือกโหมดเสียง และ ปุ่มควบคุมการเล่นเพลงต่างๆ

Connectivity – ช่องต่อ

ช่องต่อต่างๆ บริเวณด้านหลังของตัวเครื่อง

แม้ TX-NR686 จะเป็น AVR ระดับกลาง แต่ช่องต่อก็เรียกว่าให้มาแบบจัดเต็มเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อเราหันมาดูที่ ด้านหลัง ของตัวเครื่อง สิ่งที่ดูโดดเด่นที่สุดก็จะเป็น เสารับสัญญาณ Bluetooth กับ Wi-Fi ที่รองรับคลื่นได้ทั้งแบบ 2.4Ghz และ 5Ghz จำนวน 2 เสา บริเวณด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง ส่วนช่องการเชื่อมต่อต่างๆ ก็ได้แก่ช่องการเชื่อมต่อแบบ ETHERNET, ช่องต่อ HDMI Input ที่ให้มาทั้งหมด 6 ช่อง (ด้านหน้าอีก 1 ช่อง รวมเป็นทั้งหมด 7 ช่อง) กับ HDMI OutPut 2 ช่อง (รองรับ ARC ที่ช่อง Main) ทุกช่องรองรับสัญญาณภาพแบบ 4K HDR ทั้งหมด

มี OutPut ช่องสัญญาณ LFE สำหรับ Subwoofer 2 ช่อง, มี Input แบบ Analog ทั้งภาพและเสียง, มีช่องต่อ Phono In สำหรับเครื่องเล่นแผ่นเสียงไว้ให้สายวิทเทจโดยเฉพาะ และส่วนสุดท้ายจะเป็นช่องต่อ Input แบบ Digital อย่าง Coaxial กับ Optical ก็มีมาให้เช่นเดียวกัน

ในส่วนของ ช่องต่อลำโพง นั้นรองรับสูงสุดอยู่ที่ 7.2 CH โดยจะมี Zone 2 แยกมาไว้ให้อีก 2 CH สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ลำโพงฟังเพลงอีกหนึ่งชุดแยกต่างหาก ซึ่งในการใช้งานเราสามารถเลือกการต่อรูปแบบลำโพงได้แบบ 7.1 CH หรือ 5.1.2 CH สำหรับผู้ที่ต้องการเสียงแบบ Immersive Sound ก็ทำได้ ถือว่าครบครันให้ความยืดหยุ่นสะดวกต่อผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี