AV Surround Receiver
Denon AVR-X1400H & X2400H
การเลือกซื้อ AV Receiver สักเครื่องสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นชุดโฮมเธียเตอร์ หรือผู้ที่มีงบประมาณจำกัด อาจเป็นเรื่องยากพอสมควรที่จะได้ AV Receiver ที่มีความสามารถครบครัน รองรับการใช้งานหลากหลาย ในระดับราคารุ่นเริ่มต้น แน่นอนว่ารุ่นเริ่มต้นราคาเบา ก็มักจะตัดฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลายๆ อย่างออกไป จนเกิดความรู้สึกไม่คุ้มค่า หรือไม่เพียงพอในภายหลัง ต้องขยับรุ่นที่ใหญ่ขึ้นมาอีก
ซึ่งรีวิวครั้งนี้ เป็นรีวิว AV Receiver ควบ 2 รุ่นเริ่มต้นของซีรีส์ใหม่ล่าสุดจาก Denon นั่นคือซีรีส์ 400H เป็นซีรีส์ประจำปี 2017-2018 ได้แก่ AVR-X1400H กับ AVR-X2400H จุดสังเกตจะอยู่ที่เลขรหัสท้ายรุ่น 3 ตัวหลัง จะลงท้ายด้วย 400H และจุดสังเกตอีกอย่างอยู่ที่ตัวอักษร H ต่างจากซีรีส์ 300 ที่ลงท้ายด้วย Wโดยที่มาของ H นั้นย่อมาจากคำว่า HEOS ฟีเจอร์ไฮไลต์ที่ในซีรีส์ก่อน จะอยู่ในรุ่นกลางขึ้นไป มาในปีนี้ ถูกบรรจุไว้ในรุ่นเริ่มต้นแล้ว!
Design – การออกแบบ
ก่อนอื่นมายลโฉมและชมรูปลักษณ์ของแต่ละรุ่นกันดีกว่า เริ่มต้นที่รุ่น X1400H รุ่นเล็กสุดของซีรีส์ 400H เป็น AV Receiver 7.2 Ch รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ที่ 5.1.2 Ch กำลังขับสูงสุดอยู่ที่ 80W(8โอห์ม) ตัวเครื่องมีหน้ากว้างประมาณ 17 นิ้ว ส่วนสูง 6 นิ้ว และความยาวประมาณ 13 นิ้ว น้ำหนักอยู่ที่ 8.5 กก. รวมๆ แล้วเรียกได้ว่าเล็กกะทัดรัด เข้ากับชั้นวางทั่วไปได้ง่าย ดีไซน์ของซีรีส์นี้ยังคงอิงจากรุ่นก่อนๆ หน้าตาจึงไม่หนีกันเท่าไรนัก
ด้านหน้าจะมีจอแสดงผลขนาดใหญ่ มองเห็นได้ชัดเจน ประกบด้วยปุ่มบิดปรับเลือกอินพุต(ซ้าย) และระดับเสียง(ขวา) ปุ่มปิด/เปิดเครื่องจะอยู่ทางมุมด้านซ้าย ช่องต่อด้านหน้าจะมีดังนี้ ช่องต่อหูฟัง, อินพุต HDMI, USB และช่องต่อไมโครโฟนรับเสียง Audyssey ช่องต่อนี้ใช้สำหรับการคาลิเบรตเสียงเท่านั้น
ขยับมาทางด้านหลัง ให้ช่องต่อมาเยอะเกินคำว่ารุ่นเริ่มต้นเลยทีเดียว โดยเฉพาะช่องต่อ HDMI ที่ให้มาแบบเหลือๆ โดยอินพุตมีทั้งหมด 6 ช่อง (ด้านหลัง 5 ช่อง + ด้านหน้า 1 ช่อง) และเอ๊าท์พุต 1 ช่อง ทั้งหมดรองรับ HDCP 2.2 สามารถส่งผ่านสัญญาณภาพ 4K HDR BT.2020 ได้ทุกช่อง ช่องต่อ Optical มีให้ 2 ช่อง ยังมีช่องต่อ Ethernet, Antenna และช่องต่ออะนาล็อก ซึ่งช่องต่อสายลำโพงนี้ สามารถเสียบแบบหัวกล้วยได้ด้วย
มาดูทางฝั่ง X2400H กันบ้าง ขนาดตัวเครื่องจะต่างจาก X1400H ตรงที่ส่วนสูงที่มากกว่าเกือบครึ่งนิ้ว มีน้ำหนักประมาณ 9.3 กก. แม้จะใหญ่ข้นมาเล็กน้อย แต่ขนาดโดยรวมยังเป็นมิตรต่อชั้นวางหลายรูปแบบ การรองรับภาคขยายจะเท่ากันที่ 7.2 Ch รองรับระบบเสียง Dolby Atmos 5.1.2 Ch กำลังขับสูงสุด 95W (8โอห์ม) ส่วนช่องต่อและปุ่มอื่นๆ ทางด้านหน้าจะเหมือนกับ X1400H
ช่องต่อต่างๆ ทางด้านหลังให้มามากกว่ารุ่นเล็กสุดพอสมควร ซึ่งช่องต่อสำคัญที่ X1400H ไม่มีเลยคือ ช่องต่อ Component ถูกเพิ่มในรุ่น X2400H นี้ ด้านช่องต่อสัญญาณภาพอื่นๆ อย่างช่องต่ออินพุต HDMI ก็มากกว่า รวมช่องต่อด้านหน้าแล้วมีถึง 8 ช่อง ส่วนเอ๊าท์พุตมี 2 ช่อง (เป็น HDMI ARC จำนวน 1 ช่อง) ทั้งหมดรองรับ HDCP 2.2 / 4K HDR BT.2020 Pass-through เช่นกัน
Features – ลูกเล่น
ฟีเจอร์ลูกเล่นของ 2 รุ่นเริ่มต้นนี้ ต้องบอกเลยว่าพิเศษมากๆ กว่าทุกซีรีส์ที่ผ่านมา เพราะทั้ง 2 รุ่น อัดลูกเล่นระดับสูงมาแน่นจนเกินคาด ซึ่งส่วนใหญ่มักจะพบเจอในรุ่นกลางขึ้นไป เริ่มที่ฟีเจอร์ด้านภาพ พร้อมส่งผ่านสัญญาณภาพสูงสุดในปัจจุบันอย่าง Dolby Vision ได้ทันที ไม่ต้องรออัพเดท เพิ่มการรองรับสัญญาณภาพ 4K HDR และ Dolby Vision มาตั้งแต่โรงงาน เร็วๆ นี้ก็จะมีเฟิร์มแวร์รองรับ HLG (Hybrid Log Gamma) ให้ผู้ใช้งานได้อัพเดทอีกด้วย
ด้านเสียงก็ชวนให้คุ้มไม่แพ้กัน รองรับระบบเสียงเซอร์ราวด์ด้านสูง Dolby Atmos และ DTS:X สามารถติดตั้งลำโพงได้ในรูปแบบ 5.1.2 Ch ด้วยฟีเจอร์การเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth และ Wi-Fi ทั้ง 2 รุ่นจึงได้เพิ่มทางเลือกในการฟังเพลงมากขึ้นด้วยฟีเจอร์ HEOS อันเป็นที่มาของตัวอักษร H ด้านหลังเลขรหัสรุ่นนั่นเอง ความสามารถของเจ้า HEOS นั้นอยู่่ที่การใช้งานสตรีมมิ่งผ่านแอพฯ HEOS บนสมาร์ทโฟน (รองรับทั้ง iOSและ Android) เรียกได้ว่ามาตามสัญญา กลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่ต้องมีใน AVR ทุกรุ่นของ Denon
แอพฯ HEOS นี้รองรับบริการสตรีิมมิ่งยอดนิยมไว้เพียบ ไม่ว่าจะเป็น Pandora, TuneIn, Napster, SiriusXM, Deezer, Spotify, Tidal และ Amazon Music ซึ่งตัวแอพฯ ยังช่วยให้เชื่อมต่อกับลำโพงหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับ HEOS ในรูปแบบ Multi-room แบ่งการใช้งานเป็นโซนได้ เชื่อมต่อผ่านเครือข่าย Wi-Fi ภายในบ้าน
ซึ่งแอพฯ สำหรับ AVR ยังไม่หมด ยังมี Denon AVR Remote ย้ายการควบคุมด้วยรีโมทมาไว้ที่สมาร์ทโฟน หน้า UI เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน มือใหม่ก็ใช้งานได้ เพราะมีตัวช่วยอธิบายการใช้ให้ในแอพฯ สามารถปรับแต่งเบื้องต้นจวบจนขั้นสูง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เพิ่มความสะดวกรวดเร็วสำหรับผู้ใช้งานทุกประเภท
ทางเลือกการฟังเพลงอีกหนึ่งอย่างที่ให้มา คือการรับฟังด้วยไฟล์เพลงความละเอียดสูง ผ่านช่องต่อ USB ด้านหน้าเครื่อง สามารถเล่นไฟล์เพลงหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น MP3, WMA, AAC, FLAC (192kHz,24Bit), ALAC (96kHz,24Bit), WAV (192kHz,24Bit) และ DSD (2.8/5.6MHz) หรือท่านใดที่มีคลัง Media Server ภายในบ้าน ก็สามารถสตรีมไฟล์เพลงเหล่านี้ได้โดยตรงอีกด้วย
แต่แน่นอนว่า X2400H เป็นรุ่นที่สูงกว่า X1400H ย่อมมีบางสิ่งที่เหนือกว่า โดยสิ่งที่ว่านั้นเป็นความสามารถด้านภาพ X2400H ได้รับการรับรองมาตรฐานภาพจากองค์กร ISF สามารถอัพสเกล ยกระดับความละเอียดภาพจาก Full HD 1080p ขยับมาเป็น 4K 2160p 30/25/24Hz และยังได้รับมาตรฐานการปรับแต่งภาพ ISF Certified อีกด้วย