17 Dec 2019
Review

รีวิว Pioneer UDP-LX800 เครื่องเล่น 4K Universal Blu-ray Player รุ่นท็อปของท็อปที่สุด


  • ชานม

Pioneer UDP-LX800 4K/UHD HDR Universal Blu-ray Player

4K/UHD Universal Blu-ray Player
รุ่นท็อปของท็อปที่สุด !?

ใครที่ถือคติว่า จะซื้อทั้งทีขอดีที่สุด เชื่อว่าจะถูกใจ 4K Universal Blu-ray รุ่นเรือธงของ Pioneer เครื่องนี้แน่นอน เพราะปัจจุบันจะหาเครื่องอื่นที่จัดเต็มเท่านี้ไม่ได้แล้ว…

Pioneer ไม่ใช่ชื่อใหม่ในวงการเครื่องเล่นแผ่นระดับไฮเอ็นด์ ที่ผ่านมาเคยผลิต CD, DVD, SACD, Full HD Blu-ray Player มาแล้ว เมื่อมาถึงยุค 4K/UHD Blu-ray Player ก็ดูจะทำได้โดดเด่นกว่าใคร และในรุ่นรุ่นเรือธงนี้ หลายจุดทำได้เหนือกว่าตำนานอย่าง Oppo 205 ที่หยุดผลิตไปแล้วด้วย

ดีไซน์

หลายท่านคงผ่านตากับรุ่น LX500 มาแล้ว รุ่น LX800 นี้ ดูเผินๆ ก็ไม่ต่างกันเพราะใช้บอดี้เดียวกันเลย แต่ถ้าได้ลองยกดูก็จะสามารถแยกแยะได้ไม่ยาก เพราะรุ่นท็อปหนักกว่าชัดเจน
เดิมในรุ่น LX500 ก็มีโครงสร้างที่แน่นหนามั่นคงกว่าเพลเยอร์อื่นใดในท้องตลาด โดยสะท้อนออกมาด้วยตัวเลขน้ำหนักที่มากถึง 10.3 กก. ซึ่ง “หนัก” กว่า Oppo 205 อยู่เล็กน้อยด้วยซ้ำ เมื่อถึงคราวของรุ่นท็อปอย่าง LX800 ก็แน่นอนว่า ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่เพิ่มเข้ามา น้ำหนักจะมากขึ้นอีก 3 กก. รวมเป็น 13.8 กก. !! หนักที่สุดในบรรดา 4K Universal Blu-ray Player เลยทีเดียว ว่าแต่มีดีอะไร ถึงได้หนักขนาดนี้…

ทั้ง LX500 และ LX800 อิงโครงสร้างที่เรีกยว่า Ultra-Rigid Construction โดยตัวถัง (Chassis) จะเป็นแบบ 2 ชั้น ด้านข้างมีการประกบซ้อนแผ่นอะลูมิเนียม และด้านล่างเสริมด้วยแผ่นเหล็กหนาถึง 3 มม. ดูแข็งแกร่งบึกบึน ต้านทานแรงสะเทือนจากภายนอกได้อย่างดียิ่ง

โครงสร้างที่เพิ่มเข้ามาในรุ่น LX800 คือ คานเสริมคู่คาดขวางด้านใน และในส่วนของวงจรภาคจ่ายไฟจะมีชีลด์โลหะเคลือบทองแดงครอบทับอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันการแพร่กระจายรบกวนทางคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

สีดำที่เห็นไม่ใช่เพื่อความสวยงามเป็นหลัก แต่เป็นสีพิเศษแบบ Anti-vibration Paint ทำหน้าที่สลายคลื่นสั่นค้างที่อาจจะเกิดขึ้นภายใน

ภาคจ่ายไฟของรุ่น LX800 นอกจากรูปแบบ Switching สำหรับจ่ายกระแสให้วงจรดิจิตอลและภาคขับเคลื่อนแผ่นดิสก์ ยังเพิ่มเติมภาคจ่ายไฟแบบ Linear (ใช้หม้อแปลง) เพื่อใช้จ่ายพลังงานให้กับวงจรอะนาล็อกโดยเฉพาะ เพื่อผลด้านความเสถียรและการรบกวนที่ลดน้อยลงนั่นเอง

เดิมที Pioneer ก็เชี่ยวชาญด้านการผลิต Disc Drive อยู่แล้ว เมื่อทำเพลเยอร์ระดับไฮเอ็นด์ก็เลยจัดเต็ม ในส่วนของฝาครอบที่เป็นแบบรังผึ้งนั้นทำเพื่อสลาย Resonance ที่เกิดจากกลไกขับเคลื่อนภายใน ถาดรับแผ่นเสริม Damper Spring เพื่อให้เสียงเงียบ ทั้งหมดติดตั้งอยู่บนโครงสร้างแบบแขวนลอย (Floating structure) ด้วยการรองสปริงและยางชนิดพิเศษ แม้จะขับเคลื่อนด้วยความเร็วรอบหมุนสูงก็จะมีความมั่นคง โอกาสจะเกิดการกระทบกระเทือนจนทำให้อ่านข้อมูลผิดพลาดก็ย่อมจะน้อยลง
หากเปรียบเทียบกับรุ่น LX500 ขนาดแผงวงจรอะนาล็อกของรุ่น LX800 ใหญ่ขึ้นเป็น 2 เท่า ! นั่นเป็นเพราะ Pioneer พยายามนำประสบการณ์ที่เคยออกแบบ Hi-End SACD Player รุ่น PD-70AE มาใช้กับรุ่นนี้ โดยเพิ่มวงจรแบบ Full-balanced แยกฝั่งทางเดินสัญญาณแชนเนลซ้ายและขวาออกจากกัน และติดตั้ง ES9026PRO 768kHz/32-bit DAC chip จาก ESS Technology จำนวนถึง 2 ตัว (แยกแชนเนลละตัว) พร้อม Custom Electrolytic Capacitors แบบออดิโอเกรด และใช้แท่งทองแดง Bus Bar เพื่อจูนระบบกราวด์ให้มีความเสถียรมากยิ่งขึ้น จึงไม่แปลกใจหากรุ่นนี้จะให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า 4K Blu-ray Player อื่นใด
นอกเหนือจาก Pure Audio Direct Mode ที่ให้ความสมบูรณ์กับการเชื่อมต่อสัญญาณแบบอะนาล็อก รุ่น LX800 ยังเพิ่มความโดดเด่นให้กับรูปแบบการเชื่อมต่อสัญญาณภาพและเสียงแบบดิจิตอล ด้วย Transport Mode (Pure Digital) โดยหลักการระบบฯ จะทำการปิดวงจรที่ไม่เกี่ยวข้องกับสัญญาณดิจิตอลลง เพื่อลดทอนสัญญาณรบกวนภายใน เป็นแนวทางที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเชื่อมต่อสัญญาณภาพและเสียงดิจิตอลความละเอียดสูง
สามารถเปิดใช้งานได้ Transport Mode และ Pure Audio Direct Mode โดยกดปุ่ม Direct/Transport ที่หน้าเครื่อง หรือกดปุ่ม Direct ที่รีโมตคอนโทรลก็ได้
รีโมตคอนโทรลใช้รุ่นเดียวกับ LX500 อิงดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ของ Pioneer มีไฟส่องสว่างสีส้มเมื่อกดปุ่มสัญลักษณ์หลอดไฟที่มุมขวาล่าง