หากเราพูดถึงแบรนด์ที่กำลังมาแรงในวงการทีวีในตอนนี้ หนึ่งยี่ห้อที่เป็นที่พูดถึงที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น Hisense แบรนด์ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน ในปีนี้ Hisense ก็เตรียมที่จะบุกตลาดของบ้านเราแบบเต็มสูบอีกครั้งหนึ่งด้วยการส่งทีวีหลากหลายรุ่นมาวางจำหน่าย
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Hisense 65B8000 ULED TV (ชื่อเต็ม 65B8000UW) ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่บอกได้คำเดียวว่า จัดเต็มมาก ทั้งความละเอียดภาพแบบ 4K Ultra HD รองรับการแสดงผลแบบ Dolby Vision, ระบบเสียง Dolby Atmos รวมไปถึงฟีเจอร์และความสามารถอื่นๆที่น่าสนใจอีกเพียบ เท่านั้นยังไม่พอราคาค่าตัวยังอยู่ในระดับที่สบายกระเป๋ามากๆอีกด้วย สำหรับรีวิวนี้ทีมงาน LCDTVTHAILAND จะมาเจาะลึกว่าทีวีรุ่นนี้จะมีจุดเด่น/ข้อจำกัดอะไรกันบ้าง ? น่าใช้งานแค่ไหน ? มาติดตามกันในรีวิวนี้ได้เลย!!!
Hisense รุ่่น B8000
– ขนาด 65″
– ความละเอียดภาพ 4K (3840 x 2160)
– Edge LED with Local Dimming
– Hi-View Engine
– รองรับ HDR
– Dolby Vision
– Dolby Atmos
– Smart TV VIDAA U 3.0
– Netflix, YouTube รองรับการ Cast
– HDMI x 4
– USB x 2
– ลำโพงขนาด 10 Watt x 2
– Wireless LAN / Ethernet LAN
ราคาเปิดตัว
– 65″ 31,990 บาท
– 55″ 21,990 บาท
– ราคาโปรโมชั่นพิเศษ โปรดสอบถามร้าน
เมื่อต้นปี 2019 ที่ผ่านมาทางทีมงาน LCDTVTHAILAND ได้บินลัดฟ้าไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตทีวี และศูนย์วิจัยและพัฒนาของทาง Hisense ถึงเมืองซิงเต่า ประเทศจีน เราจึงขอฝากคลิปวีดีโอพาทัวร์อาณาจักรของแบรนด์นี้ให้กับทุกท่านได้รับชมกัน อลังเว่อร์วังมากเลยนะขอบอก ^ ^
ดีไซน์
ดีไซน์ของ Hisense มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวชัดเจนมาก แค่มองผ่านๆยังรู้เลย เพราะในตอนแรกที่ทีมงานได้ลองถ่ายรูปเจ้า B8000 ตัวนี้ไปโพสต์ถามบน Facebook Fanpage ให้แฟนเว็บลองทายกันดูเล่นๆว่าทีวีในภาพเป็นแบรนด์อะไร ? ประมาณ 90% สามารถตอบถูกได้ว่าเป็น Hisense !!!
B8000 ยังคงใช้โลหะสีเงินเป็นหลักทั้งตัวกรอบทีวีและขาตั้ง ซึ่งเจ้าขาตั้งทรงกิ่งไม้คู่นี้แหละมีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ แฉกซ้าย-ขวาถ่างออกไป ช่วยยกระดับให้ตัวทีวีสูงขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้สอดลำโพงซาวด์บาร์ไว้ข้างใต้ (ตรงนี้น่าจะเป็นจุดที่แฟนๆจำกันได้ดี) ด้านความบางของตัวเครื่องก็แอบใกล้เคียงกับรุ่น U7A ในปีที่ผ่านมา สำหรับการตั้งวาง ก็ยังแอบกินพื้นที่นิดๆเหมือนเดิม ท่านไหนจะตั้งบนโต๊ะหรือชั้นวาง ก็อย่าลืมวัดขนาดกันให้พอดีเด้อ ดูขนาดความกว้างได้ตามนี้…
ความกว้าง 65″ = 1.45 เมตร | 55″ = 1.23 เมตร
ช่องต่อ
Hisense ก็ยังคงแบ่งกลุ่มของช่องต่อไว้ 2 กลุ่มเช่นเดิม โดยช่องต่อหลักที่เรามีโอกาสถอด-เสียบสายสัญญาณกันเป็นประจำอย่าง HDMI, USB นั้นจะถูกจัดให้อยู่บริเวณ “ด้านข้าง” จะได้เอี้ยวตัวไปถอดเสียบสายได้อย่างสะดวก ส่วนช่องต่อ “ด้านหลัง” จะเหลือเพียง LAN, AV In และ HDMI อีกช่องเท่านั้น
ช่องต่อ
1. HDMI x 4 (Support 4K)
2. Optical Digital
3. Ethernet
4. AV In
5. Antenna
6. USB 2.0 x 2
*HDMI ARC จะอยู่ที่ช่อง HDMI 1