ไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทยได้เดินทางมาถึงยุคที่พวกเราต้องเฝ้าระวังปัญหาฝุ่น PM 2.5 กันทุกฤดูหนาวแล้ว แน่นอนว่าการแก้ปัญหาในภาครัฐก็ต้องรณรงค์และดำเนินการตามขั้นตอนไป ส่วนทางภาคครัวเรือนสิ่งที่ดูจะเป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่ค่อนข้างตอบโจทย์คือการหาซื้อเครื่องฟอกอากาศที่มีความสามารถในการกรองฝุ่นระดับ PM 2.5 มาช่วยปรับสภาพอากาศในบ้านพักอาศัยหรือห้องนอนให้ปราศจากฝุ่นพิษจากภายนอก
ถ้ามองหาตามท้องตลาดเราก็จะเจอกับแบรนด์ชื่อดังมากมายทั้งจากญี่ปุ่น อังกฤษ และจีนเป็นต้น แต่สำหรับสินค้าที่เรากำลังจะมาพูดถึงในวันนี้จะเป็นของทางฝั่งประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ในบ้านเรานามว่า Cuckoo (อ่านว่า คุ๊กคู 쿠쿠 ตามเสียงภาษาเกาหลี)
Cuckoo D2410FW คือเครื่องฟอกอากาศที่จะเขียนถึงในบทความนี้ เรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปตารางจากบรรดาเพื่อน ๆ ของมันทั้งหมด ด้วยคุณสมบัติการฟอกอากาศที่สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า 84.7 ตารางเมตร พร้อมไส้กรองแบบ HEPA H14* ที่สามารถดักจับฝุ่นได้ละเอียดยิบถึงขั้น PM1.0 พร้อมฟีเจอร์ตรวจจับวิเคราะห์สภาพอากาศในห้องอัตโนมัติ เพื่อนำมาแสดงผ่านไฟแสดงคุณภาพอากาศบริเวณด้านบนตัวเครื่อง
สเปคเครื่องโดยสังเขป
- รองรับการใช้งานในพื้นที่สูงสุด 84.7 ตร.ม.
- ฟิลเตอร์ HEPA H14 กรองฝุ่น PM2.5 ได้สูงสุด 99.975% และกรองได้ละเอียดได้ถึงระดับ PM1.0 พร้อมกับชั้นกรอง Activated Carbon ช่วยขจัดกลิ่นภายในห้อง
- ฟีเจอร์ Plasma Ionizer ช่วยขจัดเชื้อโรคในอากาศ
- ค่า CADR** อยู่ที่ 660 ลบ.ม. ต่อชั่วโมง
- มีเซ็นเซอร์ตรวจจับสภาพฝุ่นภายในห้องพร้อมปรับระดับความแรงของพัดลมอัตโนมัติ รวมไปถึงควบคุมการทำงานของหน้าจอให้เป็นโหมดประหยัดพลังงานในตอนกลางคืน เพื่อลดค่าใช้จ่าย
- หน้าจอแสดงปริมาณฝุ่น 3 ระดับ PM10, PM2.5 และ PM1.0 ทำงานคู่กับไฟแสดงคุณภาพอากาศ 6 สี สามารถเลือกเปิด-ปิดได้
ราคาจำหน่าย 33,900 บาท
ด้วยความที่ตัวเครื่องครอบคลุมพื้นที่ขนาด 84.7 ตร.ม. ตัวเครื่องจึงมีขนาดค่อนข้างใหญ่ โดยจะมีความสูงประมาณ 80 ซม. รูปร่างหน้าตาภายนอกจะเหมือนหุ่นยนต์ R2D2 จากภาพยนตร์สตาร์วอร์ส
ด้านบนตัวเครื่องจะเป็นช่องลมออกคล้ายกับตะแกรงหน้าของพัดลม เมื่อเปิดใช้งานบริเวณนี้จะมีไฟแสดงคุณภาพอากาศเป็นสีสันบอก 6 สีด้วยกัน พร้อมกับหน้าจอแสดงสถานการทำงานและแผงควบคุมตัวเครื่องระบบสัมผัส ซึ่งตรงนี้จะมีลำโพงซ่อนอยู่ เพราะตัวเครื่องมี audio guide คอยบอกสถานะการใช้งานปัจจุบันให้ทราบ เวลาที่เรากดเปลี่ยนค่าต่าง ๆ บนเมนู
 ไฟสีสัน แสดงสถานะของคุณภาพอากาศภายในพื้นที่
บริเวณตัวเครื่องจะมีลักษณะเป็นรูพรุนรอบตัวเพราะว่าเป็นจุดดูดลมเข้าไป ตรงนี้เราสามารถแกะฝาครอบตัวเครื่องออกได้ เพื่อนำฟิลเตอร์ชั้นนอกมาทำความสะอาดได้
ฝาหน้า-หลัง สามารถถอดออกได้ง่าย ๆ เพียงค่อย ๆ ง้างมันออกมาจากแม่เหล็กที่ดูดให้ติดกันไว้อยู่
สภาพเมื่อถอดฝาออกเรียบร้อย พร้อมสำหรับการทำความสะอาด
แผ่นกรองชั้นนอกจะถูกแปะติดกันด้วยตีนตุ๊กแก สามารถแกะออกไปล้างน้ำทำความสะอาดได้
โดยมีข้อแม้ว่าต้องผึ่งลมให้แห้งเสียก่อนจะนำมาใช้งาน
ไส้กรอง HEPA ต้องค่อย ๆ ขยับแล้วดึงออกมาทีละนิด
ตรงนี้ถ้าสีของไส้กรองยังดูขาวสะอาด ก็สามารถนำไปเป่าฝุ่นออกเพียงอย่างเดียวก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวใหม่
เมื่อเราแกะฝาเครื่องด้านหลังออกมา เราก็จะเจอกับเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่น ซึ่งเมื่อใช้งานไปสักระยะ
เราอาจจะต้องทำความสะอาดด้วยการปัดฝุ่นกันเล็กน้อย เพื่อให้อุปกรณ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม
ด้านล่างบริเวณฐานจะเป็นล้อสำหรับลากเคลื่อนย้ายได้กรณีที่อยากจะขยับทำความสะอาดหรือย้ายตัวเครื่องไปฟอกอากาศยังที่ต่าง ๆ ก็เรียกว่าเป็นการออกแบบที่ค่อนข้างฉลาดและใช้งานได้จริงเลยทีเดียว
ล้อเลื่อนที่ช่วยให้เราสามารถลากตัวเครื่องขยับเปลี่ยนพื้นที่ได้ง่าย
* H14 เป็นตัวบ่งบอกว่าไส้กรอง HEPA ที่ใช้จะมีความสามารถในการดักฝุ่นจากอากาศที่ดูดเข้าไปให้ได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งระดับ H14 นั้นระบุไว้ว่าได้มากถึง 99.975%
** CADR = Clean Air Delivery Rate เป็นอัตราการพ่นลมสะอาดออกจากตัวเครื่อง เป็นตัวเลขที่บ่งบอกได้ว่าเครื่องฟอกอากาศตัวนั้นมีกำลังในการฟอกอากาศในห้องได้รวดเร็วเพียงใด
|