10 Jan 2020
Review

รีวิว Spies in Disguise ยอดสปายสายพราง ประสบการณ์ใหม่การต่อสู้อย่างสันติ กับนกพิราบม่วง


  • lcdtvthailand

เรื่องย่อ

เรื่องราวของคู่หูคู่ฮาและการออกจารกรรมข้ามชาติ แลนซ์ สเตอร์ริ่ง (วิล สมิธ) สายลับที่เจ๋งที่สุดในโลก เขาเท่ มีเสน่ห์ มีฝีมือร้ายกาจ การช่วยโลกคืออาชีพของเขา ไม่มีใครจะทำได้ดีไปกว่าเขาอีกแล้ว และ วอลเทอร์ (ทอม ฮอลแลนด์) คนที่มีจิตใจดีและแทบจะตรงข้ามกับแลนซ์โดยสิ้นเชิง ซึ่งเขาอาจไม่ใช่คนที่พูดคุยได้เก่งนัก ถึงแม้ว่าเขาจะขาดความสามารถในการเข้าสังคม แต่ความสามารถเหล่านั้นก็ถูกทดแทนด้วยความฉลาดและช่างประดิษฐ์ วอลเทอร์เป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะผู้ประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ใช้ในภารกิจต่าง ๆ ของเขานั่นเอง แต่เมื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อทั้งสองต้องหันมาเชื่อมั่นในตัวกันและกันในแง่มุมใหม่ ๆ และนี่เองที่หากพวกเขาไม่เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันเป็นทีม โลกทั้งใบอาจตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง

บทวิจารณ์

เป็นอีกหนึ่งครั้ง ที่เรารู้สึกว่าหนังที่ไม่ค่อยจะโปรโมตทุ่มงบโฆษณากันแบบหมดหน้าตักบางเรื่อง ก็มีมนต์สเน่ห์ในตัวเอง และอาจจะมีเนื้อหาที่โดดเด่นมากกว่าภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ระดับตัวท๊อปได้เหมือนกัน อย่าง Spies in Disguise เอง ก็เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่น่าสนใจ โดยเราตกใจตั้งแต่เจอนกพิราบสีม่วง ที่เคยเป็นกระแสหนักๆ บน Facebook ที่คนไทยปั่นกระแสจนกราฟฟิกดีไซน์เนอร์สาวต้องพักงานยาว เมื่อปลายปีที่แล้วเธอเพิ่งให้สัมภาษณ์ว่าอีกไม่นานจะมีโปรเจ็คใหม่ และจะกลับมาทำงานอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าจากนักวาดสติ๊กเกอร์ จะได้มาออกแบบตัวการ์ตูนใน Spies in Disguise ซึ่งพิราบในเวอร์ชั่นใหม่นี้ มีมาสารพัดสีเลยทีเดียว แต่ด้วยลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เราสามารถจดจำผลงานของเธอได้

นอกจากนี้ ใน Spies in Disguise ยังเลือกทอม ฮอลแลนด์ ที่เคยรับบทเป็นสไปเดอร์แมน มาเป็นตัวแบบให้กับวอลเทอร์ ซึ่งตัวละครทั้งคู่มีความคล้ายคลึงกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดกว่าเด็กทั่วไป แถมยังมีจิตใจดี แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ต้องคิดว่าภาพยนตร์เรื่อง Spies in Disguise นั้นอาจจะมีปริศนาอะไรซ่อนอยู่ รอวันเปิดตัวเฉลยรึเปล่า ก็อยู่ที่การที่ตัวร้ายนั้นบุกโจมตีหนักในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี คล้ายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Spiderman Far from Home ของ Marvel แถมตัวละครยังพูดถึงการ์ตูนเรื่องสกูปี้ดูอยู่หลายครั้งอีกด้วย ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะมีอะไรใหม่ๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับ Spies in Disguise ออกมาให้เราชมจากภาพยนตร์เรื่องอื่นอีกก็เป็นได้

ในเรื่องของความสนุก ตอนแรกเราเองก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะสนุกอะไรมากมายนัก ประเด็นหนักๆ ที่ตัดสินใจมาดู คือ วิลล์ สมิธ เพราะเขามักจะแสดงภาพยนตร์ที่ดูแล้ว Feel good เราเลยคิดว่า Spies in Disguise อาจจะเป็นหนังในทำนองนั้น แต่ตอนต้นเรื่องยอมรับว่าลังเล เพราะทุกอย่างดูขลุกขลักไปหมด พอทนดูไปถึงกลางเรื่อง ปรากฎว่าเรื่องดูลงตัวมากขึ้น และในตอนจบตอนสุดท้าย ถึงแม้ว่ามันจะคลายปมแบบง่ายๆ แต่ก็ทำให้รู้สึกโล่งใจ ที่เรื่องจบแบบ Happy Ending ในรูปแบบที่ตัวร้ายได้รับความเมตตา และฝ่ายธรรมะเอง ก็เลือกที่จะคำนึงถึงจิตใจของอีกฝ่าย ต่างไปจากภาพยนตร์ทั่วไป ที่จะจบลงด้วยการฆ่าหรือทำลายฝ่ายตรงข้าม ทำให้ Spies in Disguise กลายเป็นหนัง Feel good ที่มีตอนจบแบบไม่ซ้ำใคร

สรุป

Spies in Disguise อาจจะไม่ได้สนุกมันหยดไปซะทุกตอน แต่บอกได้เลยว่า Spies in Disguise นั้นเป็นหนังที่ให้มากกว่าความบันเทิง เพราะบางทีเส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่วก็ไม่อาจจะเห็นได้ชัดเจน คนชั่วเองก็ใช่ว่าจะไม่มีหัวใจ พวกเขายังมีความรักและครอบครัวไม่ต่างจากฝ่ายธรรมะ บางทีวิธีการต่อต้านความชั่วร้าย อาจจะไม่ได้มีแค่การใช้ความรุนแรง การรบราฆ่าฟันอาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่จบปัญหาได้ แต่มันก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาใหม่ๆ ตามมาได้ เหมือนอย่างกรณ๊ของสงครามระหว่างอิหร่านและอเมริกาในตอนนี้ บางทีเราอาจจะกำลังต้องการคนที่มีมันสมองระดับเหนือชั้น ที่มีพร้อมกับความเมตตาอย่างสุดพลัง มาช่วยยับยั้งสงครามที่ใครหลายคนคาดการณ์ว่า อาจจะเป็นชนวนเหตุของสงครามโลกครั้งที่ 3 ไม่แน่นะ บางทีสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดในตอนนี้ อาจจะเป็นคนเพี้ยนๆ อย่างวอลเทอร์ก็เป็นได้

คะแนน
8.5/10