31 May 2020
Review

รีวิว Onkyo HT-S3910 ชุดโฮมเธียเตอร์ ระบบเสียง Dolby Atmos ในราคาไม่ถึง 2 หมื่นบาท !!!


  • TopZaKo

เชื่อว่าหลายคนที่ชื่นชอบการ ดูหนัง ฟังเพลง มักมีความฝันที่จะได้เป็นเจ้าของชุดเครื่องเสียง Home Theater กันสักชุดอย่างแน่นอน แต่ด้วยความยุ่งยากต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตัวเครื่อง AVR การเลือกลำโพง รวมถึงลำโพง Subwoofer ให้ทุกชิ้นเข้ากัน ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับมือใหม่สักเท่าไหร่

วันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับ Onkyo HT – S3910 ชุดเครื่องเสียง Home Theater In The Box ที่ได้รวมอุปกรณ์ทุกอย่างได้แก่ AVR, ชุดลำโพง, ลำโพง Subwoofer รวมถึงสายไฟต่างๆ มาให้แบบครบครันพร้อมใช้งานอยู่ในกล่องเดียว ในราคาไม่ถึง 2 หมื่นบาท จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ตามผมมาดูกันครับ

สเปคโดยย่อของ Onkyo HT – S3910

– รองรับระบบเสียง 3 มิติ Immersive ขั้นสูงสุดในยุคนี้อย่าง Dolby Atmos และ DTS:X
– รองรับการส่งผ่านสัญญาณภาพ Pass through แบบ 4K HDR 
– รองรับสัญญาณภาพ HDR แบบ HDR10, HLG และ HDR ขั้นสูงสุดอย่าง Dolby Vision
– สามารถ Set-Up ลำโพงได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ 5.1 Ch ปกติ และ 3.1.2 Ch

ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 19,900 บาท

Design – การออกแบบ

กล่องมีขนาดใหญ่พอสมควร ภายในจะมีอะไรบ้างมาดูกัน
นี่คืออุปกรณ์ทั้งหมดที่ให้มาในกล่องครับ

การออกแบบโดยรวมของ Onkyo HT – S3910 ชุดนี้มาในดีไซน์เรียบหรู ดูดีตามระดับราคา ตัวเครื่อง AV Receiver หรือ AVR ที่มาในชุดจะเป็นรุ่น HT-R398 ดีไซน์โดยรวมจะมาในสไตล์ AVR รุ่นใหม่จากทาง Onkyo ที่ดูดีสวยงาม เข้ากับยุคสมัย มีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ กว้าง 435 มม. X ยาว 328 มม. X สูง 160 มม. มีน้ำหนักอยู่ที่ 8.2 กก. ซึ่งถือว่ามีน้ำหนักในแบบที่พอดีสมน้ำสมเนื้อสำหรับ AVR รุ่นเริ่มต้น

ด้านหน้า ของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยส่วนต่างๆ ที่เรามักใช้งานบ่อย เช่น ปุ่ม เปิด/ปิด ตัวเครื่อง, ปุ่มเลือกช่องสัญญาณ Input ต่างๆ , Volume เพิ่ม/ลด ความดังเสียงแบบหมุน, ช่องต่อหูฟังแบบ 6.3 มม. , ช่อง Aux In 3.5 มม. , ปุ่มเลือกโหมดเสียงต่างๆ , ปุ่ม Music Optimizer และปุ่ม เพิ่ม/ลด เสียงแหลม เสียงกลาง กับ เสียงเบส

ด้านหน้าสวยงามดูดี
โลโก้ Onkyo โดดเด่นเป็นสง่า
ด้านบนตัวเครื่องมีโลโก้ระบบเสียงต่างๆ อย่าง Dolby Atmos กับ DTS:X กำกับไว้ด้วย
มีปุ่ม เพิ่ม/ลด เสียง เบส, กลาง, แหลม ที่หน้าตัวเครื่องกดใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย
ปุ่มตั้งค่า พร้อมปุ่มควบคุม 4 ทิศ ใช้งานบนตัวเครื่องได้ ไม่ต้องง้อรีโมท

ด้านหลัง ของตัวเครื่องก็จะประกอบไปด้วยช่องต่อต่างๆ ทั้งช่องต่อลำโพง, ช่องต่อ HDMI, ช่องต่อ Analog In และอื่นๆ เดี๋ยวผมจะมาไล่เรียงให้ดูกันอีกทีในส่วนของ “ช่องต่อ” ครับ

ด้านหลังของตัวเครื่อง

ดูที่ตัวเครื่องไปแล้วทีนี้มาดูในส่วนของลำโพงที่ให้มาในชุดกันบ้าง ลำโพงหลักที่ให้มาในชุด จะเป็นลำโพงขนาดเล็กกะทัดรัด หรือ ที่เรียกว่าลำโพงแบบ Satellite โดยจะมีทั้งหมด 5 ชิ้น ประกอบไปด้วย ลำโพงคู่หน้า 1 คู่, ลำโพง Surround หลัง 1 คู่ และลำโพง Center 1 ตัว

ลำโพง Satellite 5 ตัว ขนาดเล็กกะทัดรัด

ลำโพงคู่หน้า กับ ลำโพง Surround นั้นจะมาในขนาดที่เล็กกะทัดรัด ขนาดกว้าง 98.5 มม. X ยาว 106 มม. X สูง 140.5 มม. ส่วน ลำโพง Center จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อยในลักษณะแนวนอน มีขนาดกว้าง 244 มม. X 102 มม. X สูง 96 มม. พร้อมช่องสำหรับแขวนผนังอยู่ทางด้านหลัง

ลำโพงคู่หน้า หรือ Front
ลำโพงคู่หลัง หรือ Surround
ลำโพง Center
ช่องต่อสายลำโพงแบบสปริงหนีบ

ลำโพง Subwoofer ที่ให้มาในชุด จะเป็น แบบ Passive ไม่มีแอมป์หรือภาคขยายในตัว ต้องใช้สายลำโพงต่อเข้ากับ AVR เพื่อให้ AVR เป็นตัวขับเสียงให้ จึงทำให้ตัวตู้ลำโพงมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบา ขนาดของตัวตู้ถือว่ากำลังดีไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป สามารถติดตั้งได้ง่าย มีขนาดอยู่ที่ กว้าง 230 มม. X ยาว 331.5 มม. X สูง 389 มม. มี ดอกลำโพงขนาด 6.3 นิ้ว พร้อม ท่อคายเบสแบบ Bass reflexอยู่ทางด้านล่าง ให้ เสียง เบสยิงลงพื้น แผ่กระจายทั่วห้อง

ลำโพง Passive Subwoofer
ดอกลำโพงขนาด 6.3 นิ้ว พร้อมท่อคายเบสแบบ Bass reflex

รีโมท มาในขนาดกำลังดี ให้ปุ่มมาแบบครบครันต่อการใช้งาน เช่น ปุ่ม เปิด/ปิด เครื่อง, ปุ่มเลือกช่องสัญญาณ Input ต่างๆ, ปุ่มลูกศรควบคุม, ปุ่มตั้งค่า, ปุ่ม เพิ่ม/ลด ความดังเสียง, ปุ่มปรับแต่งเสียง และอื่นๆ

รีโมทสำหรับควบคุม AVR
ส่วนอื่นๆ ที่ให้มาในกล่องก็จะเป็นคู่มือการใช้งาน, เสาสัญญาณสำหรับการรับสัญญาณวิทยุ FM/AM และ สายลำโพงทั้ง 5.1 Ch
ยางสำหรับติดรองไว้ใต้ลำโพงเพื่อความั่นคงในการติดตั้ง

Connectivity – ช่องต่อ

ช่องต่อต่างๆ ด้านหลังตัวเครื่อง AVR

ถึงแม้ว่าจะเป็นชุด Home Theater In The Box แบบเริ่มต้น แต่ ช่องต่อ เรียกกว่าให้มาแบบจัดเต็มครบครันเป็นอย่างดี ทั้งด้านภาพและเสียง เลยทีเดียว โดยมีช่องต่างๆ ดังนี้

HDMI 5 ช่อง HDMI In 4 ช่อง และ HDMI Out (ARC) 1 ช่อง ทุกช่องรองรับการการส่งสัญญาณภาพแบบ 4K HDR ทั้ง HDR10, HLG รวมถึง HDR ขั้นสูงสุดอย่าง Dolby Vision

ช่องต่อ HDMI

– Digital Optical In 1 ช่อง
– Digital Coaxial In 1 ช่อง
– ช่องต่อเสาสัญญาณ FM/AM
– Analog RCA In 3 ช่อง

ช่องต่อ Optical, Coaxial, FM/AM และ RCA In

ช่องต่อลำโพง จำนวน 6 Ch โดยคู่หน้าจะเป็นแบบไบน์ดิ้งโพสต์ จำนวน 2Ch ส่วนที่เหลือจะเป็นแบบสปริงหนีบ

ช่องต่อสายลำโพง

Line Out 1 ช่อง
Pre Out สำหรับเชื่อมต่อลำโพง Subwoofer แบบ Active 2 ช่อง
– ช่องต่อ USB สำหรับเลี้ยงไฟให้กับอุปกรณ์เสริมต่างๆ
– การเชื่อมต่อไร้สายแบบ Bluetooth

Setup – การติดตั้ง

การติดตั้งลำโพงของเจ้า Onkyo HT-S3910 ชุดนี้รองรับการ Setup ได้ทั้ง 2 รูปแบบ ได้แก่ 5.1 Ch แบบปกติ และแบบ 3.1.2 Ch เพื่อใช้งานในรูปแบบของระบบ เสียง 3 มิติ Immersive ในยุคปัจจุบันอย่าง Dolby Atmos กับ DTS:X โดยจะมีความแตกต่างกันดังนี้

ข้างกล่องมีรูปยืนยันว่าสามารถใช้ลำโพงในชุดติดตั้ง Dolby Atmos แบบ Front Hight ได้

Set Up แบบ 5.1 Ch

การ Set Up ในรูปแบบนี้ถือเป็นรูปแบบมาตรฐานหลักของระบบเสียงแบบรอบทิศทางในปัจจุบัน ให้บรรยากาศเสียงรอบตัวเราได้ครอบคลุม 180 องศา ในแนวระนาบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สามารถใช้งานดูหนังในระบบเสียงแบบ 5.1 กับ 7.1 Ch ทั่วไปเช่น Dolby Digital จาก Netflix, DTS-HD จาก แผ่น Blu-ray หรือจะเป็นระบบเสียง Dolby Atmos ตัวเครื่อง AVR ก็สามารถ Downmix เสียงให้ออกมารับฟังกับลำโพงในรูปแบบ 5.1 Ch นี้ได้เช่นกัน เรียกว่า ครอบคลุมทุกระบบเสียง ได้เป็นอย่างดี

Set Up ในรูปแบบ 5.1 Ch

Set Up แบบ 3.1.2

การ Set Up รูปแบบนี้ จะเป็นการ นำลำโพง Surround ด้านหลัง ไปติด ตั้งในรูป แบบ Front Hight ตามตัวอย่างที่ข้างกล่อง หรือ จะติดแบบ Top Surround ที่บริเวณเพดานก็ได้เช่นกัน โดยจากคำแนะนำของผมถ้าหากไม่มีปัญหาในการติดตั้ง แนะนำ ให้ติดตั้งแบบ Top Surround จะให้ผลลัพธ์ของเสียงด้านบนได้ดีกว่า

การติดตั้งในรูปแบบนี้ แน่นอนหละว่าจะได้เสียงบรรยากาศด้านสูงเข้ามาเมื่อรับชมกับคอนเทนต์ในรูปแบบ Dolby Atmos หรือ DTS-X แต่ก็ต้องแลกกับบรรยากาศเสียงโอบล้อมทางด้านหลังที่จะหายไปแทน การติดตั้งแบบนี้จึง เหมาะกับห้องขนาดเล็ก เช่น คอนโด หรือห้องที่มีระยะการรับชมระหว่างตัวทีวีกับจุดนั่งฟังไม่ห่างกันมากเกินไป ถึงจะได้ผลลัพธ์ของเสียงออกมาดีครับ

Set Up ในรูปแบบ 3.1.2 Ch

ในการทดสอบผมได้ทำการ Set-Up ในรูปแบบ 5.1 Ch เนื่องจากห้องที่ทดสอบมีความกว้างในระดับหนึ่ง และการเชื่อมต่อแบบนี้ยังครอบคลุมการใช้งานกับระบบเสียงต่างๆ ได้ยืดหยุ่นกว่าตามเหตุผลที่บอกไปข้างต้นแล้วนั่นเองครับ