จุดเด่นที่เพิ่มเติมเข้ามาในรุ่น EX2780Q ซึ่งเอื้อต่อการเล่นเกมมากๆ ไม่ได้มีแค่โหมดภาพ Gamer 3 โหมดที่เพิ่มเข้ามา แต่การเลือกใช้จอภาพคุณภาพสูงที่ให้ Refresh Rate สูงถึง 144Hz หากใช้งานกับคอมพิวเตอร์ PC สเป็กเหมาะสม จะแสดงภาพเคลื่อนไหวต่อเนื่องลื่นไหลกว่าจอ 60Hz มาก คุณสมบัติดังกล่าวยังส่งผลเกี่ยวเนื่องไปถึง Response Time ที่ต่ำ การแสดงรายละเอียดภาพเคลื่อนไหวจะมีความคมชัด แม้วัตถุผ่านหน้าจอไปอย่างรวดเร็วก็แยกแยะรายละเอียดได้ง่ายกว่าจอ 60Hz
และถ้าใช้งาน EX2780Q ร่วมกับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ AMD Graphic card รุ่นที่รองรับ หรือ เครื่องเกมคอนโซลอย่าง Xbox One S/X จะสามารถเปิดใช้งานอีกหนึ่งคุณสมบัติที่เหมาะกับการเล่นเกมมากๆ คือ Variable Refresh Rate (VRR) หรือ “FreeSync” โดยจะรองรับ Refresh Rate สูงสุดที่ 144Hz (PC) ให้ภาพเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เฟรมไม่ขาด ภาพไม่เป็นริ้วๆ ให้เสียอรรถรส
และถ้าใช้งาน EX2780Q ร่วมกับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ AMD Graphic card รุ่นที่รองรับ หรือ เครื่องเกมคอนโซลอย่าง Xbox One S/X จะสามารถเปิดใช้งานอีกหนึ่งคุณสมบัติที่เหมาะกับการเล่นเกมมากๆ คือ Variable Refresh Rate (VRR) หรือ “FreeSync” โดยจะรองรับ Refresh Rate สูงสุดที่ 144Hz (PC) ให้ภาพเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เฟรมไม่ขาด ภาพไม่เป็นริ้วๆ ให้เสียอรรถรส
EX2780Q รองรับการแสดงผลยุคใหม่อย่าง HDR หรือ High Dynamic Range โดยมีโหมดภาพพิเศษเรียกว่า HDRi ซึ่งบางโหมดจะปรับแต่งสีสันและระดับคอนทราสต์ของ HDR ให้ดูมีความเด่นชัดสดใสขึ้น สามารถเลือกใช้งานได้ตามแต่สถานการณ์และรสนิยม
HDRi มี 2 รูปแบบ คือ Cinema HDRi และ Game HDRi ในขณะที่ Display HDR จะเป็นโหมดภาพที่ไว้ใช้อ้างอิง ภาพออกแนว Flat การแสดงผลเป็นแบบตรงไปตรงมาไม่ปรุงแต่งสีสันหรือปรับเปลี่ยนระดับคอนทราสต์ของสัญญาณต้นทาง ผมสรุปแนวทางการใช้งานไว้ดังนี้ครับ
จุดต่างที่เห็นได้ชัด คือ Cinema HDRi มีสีสันที่สดจัดเตะตากว่าโหมดอื่น โหมดนี้จะให้ผลลัพธ์ด้านการถ่ายทอดระดับความเปรียบต่างของแสงได้โดดเด่นเมื่อเชื่อมต่อสัญญาณภาพ HDR กับคอมพิวเตอร์โดยตรง (RGB PC Range 0-255) ทว่าหากใช้โหมดนี้กับเพลเยอร์ทั่วไป (อิงสัญญาณภาพแบบ YCbCr Video Range 16-235) อาจจะดูว่าดำจมไปบ้าง
Display HDR แม้มองเผินๆ สีสันดูไม่ฉูดฉาดเตะตามากนักเมื่อเทียบกับโหมดอื่น แต่ดุลสี (White Balance) ใกล้เคียงมาตรฐานอ้างอิงมากกว่าโหมดอื่น หากเชื่อมต่อสัญญาณจากเพลเยอร์ทั่วไป (เช่น 4K HDR Blu-ray Player, 4K HDR Android Box หรือ 4K HDR Game Console ที่อิงสัญญาณภาพ HDR แบบ YCbCr Video Range 16-235 การถ่ายทอดรายละเอียดในที่มืดจะครบถ้วนกว่า Cinema HDRi ภาพโดยรวมจะดูสว่างกว่า ในขณะที่ให้คอนทราสต์ดีกว่า Game HDRi
Game HDRi จะบูสต์ในส่วนของ Shadow Details ให้ดูสว่างเห็นชัดเจนขึ้น ทว่าต้องแลกกับการสูญเสียระดับคอนทราสต์ไปบ้าง เพราะ Black Level จะไม่ดำลึกและ Peak Brightness ไม่สว่างเท่าโหมดอื่น แต่น่าจะช่วยสำหรับการเล่นเกมที่ต้องเพ่งมองภาพบนจอเป็นเวลานาน สายตาจะไม่ล้าเท่า 2 โหมดข้างต้น…
คำแนะนำเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเลือกโหมดภาพ HDR แบบใด ให้ลองปรับลด Sharpness ลง หากรู้สึกว่าภาพดูหยาบครับ ดีเทลจะดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ขอบวัตถุหรือรายละเอียด Texture ไม่ถูกเร่งจนขึ้นขอบชัดเกิน
ในแง่ความเที่ยงตรงสมดุลสีของโหมด HDR อาจย่อหย่อนจากโหมดภาพ SDR บ้าง อีกทั้งไม่สามารถปรับชดเชย White Balance ได้ แต่ผลลัพธ์ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ที่น่าทึ่ง คือ ขอบเขตสีทำได้กว้างถึง 95.5/97.1% ของมาตรฐาน DCI-P3 (xy/uv) หรือเท่ากับ 69.9/74.5% Rec.2020 (xy/uv) ในขณะที่ HDR Peak Brightness 452 nits ก็นับว่าสว่างโดดเด่นสำหรับมาตรฐานมอนิเตอร์ ในจุดนี้สามารถท้าชน 4K HDR TV หลายรุ่นได้เลย
เสียง
เช่นเดียวกับรุ่น EW3280U คือ EX2870Q ถอดแบบลำโพงระบบ 2.1 คุณภาพเสียงไม่ธรรมดามาเหมือนกัน โดยติดตั้งตัวขับเสียงแบบ Stereo Full-range กำลังขับ 2W x 2 ที่ด้านหน้าบริเวณส่วนล่างของจอภาพ และติดตั้ง Woofer สำหรับถ่ายทอดเสียงย่านต่ำ กำลังขับ 5W x 1 ที่ด้านหลัง สามารถถ่ายทอดย่านเสียงได้อย่างครอบคลุมโดดเด่นกว่ามาตรฐานมอนิเตอร์ในท้องตลาดทั่วไปและอาจจะดีกว่าทีวีบางรุ่นด้วยซ้ำ ถึงแม้ระดับเสียงสุงสุดจะไม่ถึงกับดังมากมายและเบสไม่ได้ลงลึกแบบสะท้านทรวง ทว่าโดยปกติการใช้งานมอนิเตอร์เราจะนั่งอยู่ไม่ห่างจากจอภาพมากนัก เสียงที่ได้ยินจะยังมีน้ำหนักไม่แห้งบาง รายละเอียดเสียงชัดไม่คลุมเครือ
EX2780Q จะมีตัวเลือก Audio Scenario สำหรับปรับบาลานซ์น้ำเสียงกับปริมาณเบสเพื่อชดเชยสภาพตั้งวาง (ระยะห่างจากผนัง) หรืออิงตามแต่รสนิยมของผู้ฟังได้ ปกติ Live/Pop จะให้ดุลเสียงลงตัวในสภาพแวดล้อมทั่วไป แต่ถ้าต้องการเบสเพิ่ม Cinema จะให้ปริมาณเบสเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ตรงกันข้ามถ้ารู้สึกว่าเบสบวม ให้เลือก Dialog/Vocal ก็จะช่วยได้ ซึ่งถ้าจัดการในส่วนนี้อย่างเหมาะสม คุณภาพเสียงที่ได้จาก EX2780Q จะใช้ดูหนังเล่นเกมก็ได้หรือจะฟังเพลงก็ดี
สรุป
จะเรียก BenQ EX2870Q ว่าเป็น Multimedia Gaming Monitor ที่ครบเครื่องเรื่องเล่นเกม ดูหนัง และทำงานในเครื่องเดียวก็คงไม่ผิดนัก สีสันในโหมด Rec.709 แม้ไม่เที่ยงตรงเท่ารุ่นพี่ EW3280U แต่ก็ยังคงใช้อ้างอิงทำงานได้ ส่วนระบบ HDR ก็ให้ความสว่างกับขอบเขตสีกว้างถึงระดับ DCI-P3 ให้รายละเอียดของภาพยนตร์ยุคใหม่ได้ดี มีลำโพงแบบ 2.1 ช่วยเสริมอรรถรส และโดดเด่นเป็นพิเศษกับคุณสมบัติที่เอื้อกับการเล่นเกมโดยเฉพาะ อย่าง 144Hz FreeSync และ Input Lag ยอดเยี่ยมไม่แพ้ Gaming Monitor นับเป็นมอนิเตอร์อีกรุ่นที่น่าซื้อหามาใช้งานในปี 2020 นี้
ข้อดีของ BenQ EX2780Q
– IPS Panel 27 นิ้ว ความละเอียด 1440p ขนาดพอเหมาะสำหรับตั้งวางบนโต๊ะ ดีไซน์ล้ำสมัย พร้อมฐานตั้งออกแบบใช้จัดระเบียบสายเชื่อมต่อด้านหลังได้
– โหมดภาพ Rec.709 (SDR) ให้ความเที่ยงตรงของสีสันดี แค่ปรับความสว่างเพิ่มก็ใช้อ้างอิงได้
– บางโหมดภาพรวมถึง HDR ให้ขอบเขตสีกว้างระดับ 95% DCI-P3, HDR Peak Brightness 452 nits สว่างชัดเจนดี
– ถนอมสายตา ด้วยการผสมผสานจอภาพแบบ Flicker-free และ Low Blue Light พ่วงด้วย B.I. ปรับระดับความสว่างอัตโนมัติอิงตามสภาพแวดล้อมด้วยเซ็นเซอร์วัดแสง
– ติดตั้งลำโพงแบบ 2.1 ดุลเสียงดี ใช้งานเพื่อความบันเทิงได้ครอบคลุม
– 144Hz พร้อม VRR (FreeSync) และ Input Lag ที่ต่ำ เป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นแบบ Gaming monitor
ข้อเสียของ BenQ EX2780Q
– ฐานตั้งปรับก้มเงยได้อย่างเดียว, หากตั้งจอชิดผนัง การเชื่อมต่อสายที่ส่วนล่างของจอจะดำเนินการลำบากอยู่บ้าง
– ไม่มีตัวเลือกปรับชดเชย White Balance ในโหมด HDR
– ระดับเสียงของลำโพงจะดังดีหากใช้งานในห้องที่ไม่ใหญ่ หรือนั่งฟังในระยะที่ไม่ห่างจากจอมอนิเตอร์มากจนเกินไป
