ภาพ
มาดูคุณสมบัติด้านภาพกันบ้าง BenQ W1500 เป็น DLP Projector แบบใช้ 6 Color Wheel RGBRGB ซึ่งจะช่วยลดอาการ Rainbow Effect หรือแสงรุ้ง รวมถึงให้สีสัดที่สดอิ่มกว่า Projector ทั่วไปที่ใช้แค่ 3 Color Wheel RGB, ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล สัดส่วน 16:9 ของแท้ มีความสว่างอยู่ที่ 2200 ANSI พร้อม Contrast Ratio สูงถึง 10000:1 สามารถฉายภาพขนาดใหญ่ได้ประมาณ 40″-300″ ได้ โดยระดับความสว่างของภาพที่ได้จะขึ้นอยู่กับระยะที่ฉายด้วยเช่นตั้งใกล้ก็จะสว่างหน่อย แต่หากตั้งไกลก็จะสว่างน้อยลงไปตามระยะทาง ตัวเครื่องมาพร้อม Keystone ที่ปรับชดเชยภาพในแนวตั้งได้ +/-10 องศา มี Vertical Lens Shift ตัวปรับยกเลนส์ในกรณีตั้ง Projector ไว้ต่ำแต่ก็ยังฉายกับจอที่แขวนสูงๆได้โดยสัดส่วนภาพไม่ผิดเพี้ยน มาทดสอบภาพกันเลยดีกว่าโดยหลักๆผมใช้จอขนาดใหญ่ 90″ และเน้นดูหนังจากเครื่องเล่น Blu-ray ซะส่วนใหญ่เพื่อทำการทดสอบอย่างเข้มข้นทั้งแบบต่อ HDMI โดยตรง และแบบไร้สายผ่าน Wireless HDMI Transmitter
โหมดภาพสำเร็จรูป
โหมดภาพสำเร็จรูปที่ให้มาได้แก่ Dynamic, Standard, User 1, 2 ,3 โดยโหมด User นี่แหละให้ค่าแสงสีได้ค่อนข้างแม่นยำมาก แทบไม่ต้องปรับภาพเลยก็สวยทั้งแบบถูกต้องและถูกใจแล้ว ระดับความสว่างก็กำลังดีกับห้องที่ปิดไฟมืดสนิท หรือหากเปิดไฟสลัวๆความสว่างระดับ 1700 ANSI ในโหมดภาพยนตร์ก็ยังได้อยู่ ส่วน Color Temperature จะถูกตั้งอัตโนมัติไว้ที่ Normal ในขณะที่โหมด Warm จะติดเหลืองไปซักนิด ก็ขอแนะนำโหมด User ให้กับทุกท่านทีใช้ตัว W1500 รับรองไม่ผิดหวัง
ผมใช้โหมด User 1 / เลือก Lamp Power เป็น Eco / เปิด Brilliant Color : On ซึ่งจะแสดงขอบเขตของสีตามมาตรฐาน Rec.709 อย่างแม่นยำ หลังจาก Calibrate ทั้ง White Balance (2 Points) และ Color Management System ค่าต่างๆอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม ที่สำคัญปรับภาพง่ายมาก ปรับ White Balance แค่ 2 Point (Low & High) แต่ก็ส่งผลทำให้ช่วงความสว่าง iRE ในช่วงอื่นให้สมดุลแสงขาวที่ถูกต้องไปโดยปริยาย
ส่วน Lamp Power เป็นการปรับระดับความสว่างมาก-น้อย คล้ายๆกับการปรับระดับ Backlight ของทีวีนี่แหละ มี 3 ระดับได้แก่ Normal / Eco / และ Smart Eco ซึ่งจะปรับระดับความสว่างของหลอดฉายให้สัมพันธ์กับฉากมืด-สว่างของหนัง รวมถึงโหมด Eco ที่แสดงระดับความสว่างที่กำลังพอดีไม่ได้เจิดจรัสจนเกินพอดี หากดูห้องมืดสนิทก็เหมาะสมอย่างยิ่ง ผมค่อนข้างแนะนำเพราะสีสันมันถูกต้องขึ้นอีกด้วย นอกจากช่วยประหยัดไฟได้แล้วยังช่วยยืดอายุการใช้งานของหลอดฉายได้อีกทาง จากโหมดปกติได้ประมาณ 3,000 ชั่วโมง หากใช้โหมด Eco ก็จะยืดอายุได้เป็น 6,000 ชั่วโมง
ทดสอบดูหนังเรื่องดังอย่าง The Avengers โหมด User (Calibrated) รายละเอียดและความคมชัดอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม หากท่านเคยชินกับการใช้พวกโปรเจกเตอร์ความละเอียด Non-Full HD อาทิเช่น 1280 x 800 ก็จะจับความต่างได้ไม่ยาก อย่างความมันวาวของชุดเกราะของสีแดง Iron Man และ เสื้อสูทสีน้ำเงินของ Captain America ก็สดเด้งดูมีมิติอย่างยิ่ง สีผิวของก็ดูสมจริงไม่ติดโทนใดเป็นพิเศษ ภาพมีความสะอาดสะอ้านดูแล้วระรื่นตา Motion การเคลื่อนไหวก็ทำได้ดีเยี่ยมไม่แพ้โปรเจกเตอร์ที่มีความละเอียดหน้าจอต่ำ (ที่ไม่ต้องประมวลผลเยอะ) ฉากต่อสู้ที่เหล่าฮีโร่รวมพลอัดผู้รุกรานจากต่างดาวนั่งรับชมจอ 90″ ระยะประมาณ 3.5 เมตร มีความลื่นไหลเป็นธรรมชาติ ให้ความต่อเนื่องสูง เหมือนแต่ละเฟรมได้เรียงร้อยเข้าด้วยกันได้อย่างแนบสนิท ไม่มีสะดุดหรือโกสท์วิ่งตาม (เฉกเช่น LCD TV ตัวเริ่มต้นทั้งหลาย) ส่วนรายละเอียดในที่มืดแสดงออกมาได้ดี ขับดีเทลเล็กๆออกมาได้อย่างหมดจด จนแทบไม่ต้องใช้ฉากประจำมานั่งทดสอบแบบจับผิด
จริงๆ BenQ W1500 มีฟีเจอร์ “แทรกเฟรมภาพ” หรือ “Frame Interpolation” (MEMC ย่อมาจาก Motion Estimation Motion Compesation) หลากหลายระดับทั้ง สูง กลาง ต่ำ และปิด ทดสอบแล้วให้ความลื่นไหลเพิ่มขึ้นได้ดี อาการวุ้นๆเรืองตามขอบวัตถุหรือ Soap Opera Effect แทบไม่มีเลย ความลื่นไหลยังได้กลิ่นอายของฟิล์มที่ไม่ได้ดูแข็งๆจนเกินไป แต่ข้อจำกัดที่จะเพิ่มขึ้นมาคือระดับความคมชัดของภาพที่จะลดทอนลงไปซักหน่อย ดังนี้หากให้ผมแนะนำแบบส่วนตัว คือปิดการใช้งาน “Frame Interpolation” ให้เป็น “Off” เพราะโดยส่วนตัวคิดว่าภาพเคลื่อนไหวแบบปกติที่ W1500 แสดงออกมาได้นั้น “ดีมาก” อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องไปปรุงแต่งเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ทดสอบกับหนังเรื่อง Life Of Pi ก็ยังให้ผลที่น่าประทับใจ ผมไปยืนสังเกตเส้นขนของเจ้าเสือ Richard Parker แสดงดีเทลเล็กๆน้อยๆได้ดี ความมันวาวของเส้นขนถูกแสดงออกมาได้พอเหมาะ ฉากที่เจ้าเสือเกาะขอบเรือแต่ขึ้นเรือไม่ได้ แสดงตาละห้อยพร้อมจ้องตาปริบๆกับพระเอกได้มิติภาพระหว่าง คน-เรือ-เสือ-ทะเล ที่สมจริง จนผมแอบอินอย่างจริงจังไปกับความรู้สึก “สงสาร” ที่เป็นสาส์นของหนังถ่ายทอดออกมาให้เราได้รับรู้ รวมถึงฉาก “ตะวันทอแสง” หรือพระอาทิตย์ขึ้นจากมืดสนิทจนสว่างสุด ผมว่าระดับความสว่างของมันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกแยงตาเลย ถึงแม้สไตล์ของภาพเป็นเป็นธรรมชาติแบบติดสดใสรุกเร้าเล็กน้อย ซึ่งเป็นจุดเด่นของ Projector ที่เอาไว้ดูหนังโดยเฉพาะจะให้ระดับความสว่างมาพอเหมาะกว่าพวก Projector พรีเซนเทชั่นที่เน้นความสว่างเข้าแลกเพียงอย่างเดียว ดังนี้ผู้ใช้งานมือใหม่หากเลือกโหมด User ก็จะได้สภาพแสงและสีที่ค่อนข้างเพอร์เฟกต์แต่ต้นอยู่แล้ว
ระดับความดำของภาพผมมาทดสอบกับหนังเรื่อง Three Musketeers 3 ทหารเสือเพราะเรื่องนี้สีสวยสดใสมีฉากคนใส่เสื้อสีเข้มๆเยอะประกบกับเป็นฟอร์แมท 21:9 จะได้ทดสอบความดำที่ Black Bar บนจอ 16:9 ไปในตัว ระดับความดำของ BenQ W1500 อยู่ในเกณฑ์ดี จริงๆระดับความดำของ Projector ส่วนใหญ่นั้นใช้ระดับราคาอ้างอิงคุณภาพได้ค่อนข้างแม่น กล่าวคือราคายิ่งแพง ก็ยิ่งแสดงสีดำได้ดี รวมถึงการไล่ระดับสีดำ-เทาเข้ม-เทาอ่อน ก็ดีไม่แพ้กัน อย่างพวกริ้วรอยของเสื้อผ้าทั้งหลาย สังเกตได้ง่ายไม่กลืนหายเป็นปื้น จึงส่งเสริมให้มิติระหว่างฉากหลังและมิติของวัตถุและตัวละครเองมันล้ำลึกขึ้นไปอีกขั้้นเพราะทุกรายละเอียดถูกเปิดเผยออกมาได้อย่างหมดจด