ภาพ
BenQ เป็นแบรนด์แรกที่นำเสนอ DLP Projector มาพร้อมกับเทคโนโลยีการแสดงผลแบบ 4K XPR (พ่วงด้วย THX Certified) ในรุ่น W11000 (อ่านรีวิวได้ >>ที่นี่<<) ซึ่งข้อดีของ DLP 4K XPR (Single DMD chip) คือ รายละเอียดความคมชัดของภาพจากการที่ไม่มีปัญหาสีเหลื่อม หรือ Misconvergence รบกวนโดยสิ้นเชิง (หากโฟกัสได้เป๊ะ) และไม่มีความจำเป็นต้องทำ Panel Alignment ซึ่งเป็นขั้นตอนก่อนใช้งานที่ค่อนข้างยุ่งยาก
หลักการของ 4K XPR ในรุ่น W11000 จะอาศัย Single DMD (Digital Micromirror Device) Chip จาก Texas Instrument ขนาด 0.66 นิ้ว ที่มี micromirrors หรือกระจกขนาดเล็กจำนวนทั้งสิ้น 2716 x 1528 = 4.15 ล้านชิ้น เป็นตัวหักเหแสงเพื่อสร้างภาพในแต่ละพิกเซล แสงที่สะท้อนจาก micromirrors ดังกล่าวจะถูกนำมาผ่าน “Optical Actuator” ที่ทำงานรวดเร็วมากจนสามารถสร้างเป็นภาพนิ่ง (frame) ที่มีรายละเอียดจำนวนพิกเซลเพิ่มขึ้น 2 เท่า รวมกันทั้งสิ้นจะได้ความละเอียดเท่ากับ 8.3 ล้านพิกเซล ตรงตามมาตรฐาน 4K (UHD) จากการรับรองของ Consumer Technology Association หรือ CTA
สำหรับ W1700 (และรุ่นต่ำกว่าอย่าง TK800) ก็อิงเทคโนโลยี 4K XPR เหมือนเช่น W11000 แต่ต่างกันตรง Single DMD chip ที่ใช้ จะมีขนาดเล็กกว่าที่ 0.47 นิ้ว และมีจำนวน micromirrors ทั้งสิ้น 1920 x 1080 = 2 ล้านชิ้น กระบวนการนำแสงสะท้อนผ่าน Optical Actuator จึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการเพิ่มรายละเอียดจำนวนพิกเซลขึ้น 4 เท่า! เป็น 8.3 ล้านพิกเซล
จุดที่ W1700 แตกต่างจาก W11000 อีกประการ คือ คุณภาพเลนส์ฉายที่ลดทอนลง (จากข้อจำกัดเรื่องของขนาดเลนส์ที่ต้องไม่ใหญ่จนเกินบอดี้เครื่องฉายขนาดเล็ก) จึงพบอาการฟุ้งนิดๆ แต่จะสามารถสังเกตเห็นได้ต้องเพ่งมองในระยะใกล้เท่านั้น ระยะรับชมทั่วไปมิได้มีนัยนัก เพราะสังเกตความแตกต่างได้ยากครับ แนะนำโฟกัสให้เป๊ะ ความฟุ้งจะน้อยลงมาก ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้หากอิงราคาค่าตัวของ W1700 ที่ต่ำกว่า 4 เท่า!! (เมื่อเทียบกับราคาเปิดตัว W11000) ก็นับว่าคุ้มค่ามาก
W1700 ให้โหมดภาพสำเร็จรูปพื้นฐานเมื่อรับชม SDR Content มาทั้งสิ้น 6 ตัวเลือก (นับ User 1 และ 2 รวมกัน) ซึ่งเป็นจำนวนเท่ากับรุ่น TK800 แต่หากสามารถเปิดใช้งาน ISFccc Mode ได้ (ต้องมี ISF Calibrator Password) จะมีโหมดภาพเพิ่มขึ้นมาอีก 2 โหมด คือ ISF Day และ ISF Night
โหมดภาพสำเร็จรูปพื้นฐาน ที่ให้ความเที่ยงตรงเหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์ในห้องโฮมเธียเตอร์ (คุมแสงได้) คือ Cinema โหมดนี้ถึงแม้ให้ระดับความสว่างต่ำกว่าโหมดอื่นราว 17% (เทียบกับโหมด Vivid TV โดยอ้างอิงที่ Lamp Mode – Normal เหมือนกัน) แต่จะให้สมดุลสีใกล้เคียงมาตรฐานอุตสาหกรรมภาพยนตร์ (ค่าอุณหภูมิสีใกล้เคียง D65 มากกว่าโหมดอื่นๆ) เบื้องต้นหากทำการปรับลดระดับ Contrast ลงมาที่ราวๆ 37-38 เพื่อแก้ปัญหาอาการภาพโพลนช่วง Highlight details และชดเชย Gamma อีกเล็กน้อย พร้อมปรับลด Sharpness ลงอีกหน่อย จะได้ไดนามิกเรนจ์และรายละเอียดที่ครบถ้วนจาก SDR Content ดียิ่งขึ้นจนเป็นที่พอใจมากครับ