โดยส่วนตัวแล้ว ชื่นชอบและประทับใจลำโพง Cerwin Vega มาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถม ในสมัยนั้นที่บ้านทำธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งระบบเครื่องเสียงภายในบ้าน / โรงแรม / ร้านอาหาร / ผับและคาราโอเกะ แล้วมีลูกค้ารายหนึ่งตัดสินใจเลือกลำโพง Cerwin Vega ใช้กับระบบคาราโอเกะทุกห้องของร้านแห่งใหญ่ที่เปิดใหม่ในจังหวัดสงขลา เมื่อติดตั้งเสร็จ ทดสอบระบบ เจ้าลำโพง Cerwin Vega ก็สร้างความประทับใจแบบไม่รู้ลืมมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะพลังเสียงที่คมชัดและหนักแน่นทรงพลังอย่างมาก รวมทั้ง feedback จากร้านคาราโอเกะแห่งนั้นที่ลูกค้าขาประจำต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ชอบมาร้องคาราโอเกะที่นี่เพราะเครื่องเสียงและลำโพงดีกว่าร้านอื่น (ที่ใช้ลำโพงยี่ห้อ BMB ของปลอม) ร้องเพลงได้สนุก ไพเราะเสียงดี เบสแน่นสะใจ
ต้นปี 2558 วันนี้ความตื่นเต้นเร้าใจกลับมาอีกครั้งเมื่อรู้ว่าได้ทดสอบชุดลำโพง Home Theater 5.1 Channel จาก Cerwin Vega โดยจับคู่กับ Sherwood R-607 AV Receiver รุ่นยอดนิยมจากอเมริกา ความประทับใจในวัยเด็กทำให้เกิดความคาดหวังไว้มากมาย ถึงบุคลิกแนวเสียงของ Cerwin Vega SL Series ชุดนี้ ว่ายังจะประทับใจไม่รู้ลืมเหมือนในอดีตหรือไม่
Design – การออกแบบ
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นจนนักเล่นเครื่องเสียงจดจำได้ดีที่สุดของลำโพง Cerwin Vega ก็คือ ขอบลำโพงสีแดง ตัดกับสีกรวยลำโพงและตัวตู้ลำโพงที่เป็นสีดำ เมื่อสีดำและแดงมาอยู่คู่กัน ให้ความรู้สึกถึงความร้อนแรง เปี่ยมด้วยพลัง ความเร็ว ความทะเยอทะยาน และความทันสมัย ในขณะที่ลำโพงส่วนใหญ่จะมีดีไซน์สะท้อนถึงความคลาสสิค สุขุม โดยจากภาพจะเห็นได้ว่า เมื่อเปิดหน้ากากให้เห็นขอบลำโพงสีแดงแบบเปลือย ๆ กับอีกแบบที่ปิดหน้ากากไว้ตามลักษณะการใช้งานปกติของคนทั่วไป ให้ความรู้สึกคนละอารมณ์กันเลย เหมือนนักแสดงหนุ่มวัยเบญจเพศที่สวมสูทผูกเนคไทด์ในวันทำงานก็ดูหล่อเนี๊ยบแบบลุคผู้บริหารคนรุ่นใหม่ไฟแรง ในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็แต่งกายในอีกลุคคล้ายนายแบบวัยรุ่นเน้นเสื้อผ้าสีแดงดำแบบเรียบง่าย อะไรประมาณนั้น เพราะฉะนั้นลูกค้าที่ซื้อลำโพงชุดนี้ไปใช้งาน ก็เหมือนกับได้ลำโพงสองบุคลิกเลยทีเดียว
มาดูรายละเอียดของลำโพง Cerwin Vega แต่ละรุ่นกัน เริ่มต้นที่ลำโพงคู่หน้าเป็นลำโพงวางพื้น รุ่น SL-8 ราคาคู่ละ 14,900 บาท เป็นลำโพง 2 ทาง มีวูฟเฟอร์ขนาด 8 นิ้วและทวีตเตอร์แบบใหม่ โดมสีแดงสดใส รองรับกำลังขับสูงสุดได้ 150 W ตอบสนองช่วงความถี่เสียง 32 – 26000 Hz ความไว 89 dB อิมพีแดนซ์ 8 Ohm น้ำหนักข้างละ 12.4 kg ตัวตู้ลำโพงผลิตด้วยไม้ MDF ตกแต่งผิวภายนอกด้วยไวนีลลายไม้สีดำ ทำความสะอาดได้ง่าย
ถัดมาเป็นลำโพง Center รุ่น SL-25C ที่มีไดรเวอร์ขนาด 5 1/4″ ขอบสีแดง 2 ตัว และทวีตเตอร์โดมแบบใหม่สีแดงสวยงาม รองรับกำลังขับสูงสุดได้ 150 W ตอบสนองช่วงความถี่เสียง 57 – 26000 Hz ความไว 89 dB อิมพีแดนซ์ 8 Ohm น้ำหนัก 5 kg ออกแบบเป็นลำโพงตู้ปิด ราคาอยู่ที่ 6,990 บาท
สำหรับลำโพงคู่หลังรุ่น SL-5M เป็นลำโพง 2 ทางวางหิ้งขนาดกะทัดรัด ที่มีไดรเวอร์ขนาด 5 1/4″ ขอบสีแดง ทวีตเตอร์โดมแบบใหม่สีแดงเช่นเดียวกับลำโพงคู่หน้าและลำโพงเซ็นเตอร์ รองรับกำลังขับสูงสุดได้ 125 W ตอบสนองช่วงความถี่เสียง 58 – 26000 Hz ความไว 85 dB อิมพีแดนซ์ 8 Ohm น้ำหนัก 3 kg ราคาอยู่ที่ 7,900 บาทต่อคู่ ขั้วต่อสายลำโพงเป็นแบบ Binding Post (Single-wire) ซึ่งมีลักษณะเหมือนลำโพงเซ็นเตอร์ตรงครอบขั้วลำโพงด้านนอกเป็นพลาสติกสีดำแดง มีท่อ Bass คู่ขนาดเล็ก ยิงออกด้านหลัง
สุดท้ายเป็นลำโพงแอ็คทีฟซับวูฟเฟอร์รุ่น SL-10S ที่มีไดรเวอร์ขนาด 10 นิ้วขอบสีแดง ภาคขยายภายในตู้ให้กำลังขับสูงสุดได้ 212 W ตอบสนองช่วงความถี่ต่ำ 28 – 150 Hz ปรับเฟส 0º-180º ได้ (แบบสับสวิทช์) ปรับ LPF Crossover ต่อเนื่องได้ตั้งแต่ 50 – 150Hz