โดยพอร์ต HDMI Input มีทั้งหมด 5 พอร์ต Output อีก 1 พอร์ต โดย Input ที่รองรับสัญญาณภาพ 4K / 60p full-rate pass-through ก็คือพอร์ตที่ 4 และ 5 เท่านั้น ช่องต่อ Subwoofer Pre-Out มี 2 ช่อง ต่อลำโพง Active Subwoofer ได้ 2 ตัว แต่จะไม่สามารถอ้างอิงการตั้งค่าซับวูฟเฟอร์แยกอิสระจากกันได้ (ไม่เหมือนรุ่นใหญ่)ใกล้กันจะเห็นว่าขั้วต่อสายลำโพงเป็นแบบสปริงหนีบที่ไม่รองรับสายทองแดงขนาดใหญ่ ต้องเลือกสายที่มีทองแดงขนาดเล็กจึงจะสอดเข้าไปในช่องได้
Setup – การติดตั้ง
การตั้งค่าการใช้งานในครั้งแรกได้ง่ายด้วยฟังก์ชั่น Auto Room EQ (Speaker Calibration) โดยใช้ไมโครโฟนที่แถมมากับ AVR-X510BT วางในระดับความสูงเท่ากับหูขณะนั่งฟัง ในตำแหน่งที่นั่งฟัง ซึ่งก็คือจุดกึ่งกลางของโซฟานั่นเอง ถ้ามี Tripod หรือขาตั้งกล้อง ก็สามารถนำมาใช้วางไมโครโฟนนี้ได้เลย สายที่ให้มายาวเหลือเฟือ ต่อเข้ากับช่องต่อไมโครโฟนด้านหน้าตัวเครื่อง แล้วกดรีโมทคอนโทรล เพื่อเข้าสู่เมนูการตั้งค่า
AV Receiver ก็จะปล่อยเสียงในแต่ละความถี่ ให้กับลำโพงทีละตัว หมุนเวียนจนครบ วัดเสียงเพื่อปรับสภาพอะคูสติกของห้อง นำไปคำนวณหาระยะห่างของจุดนั่งฟังไปถึงลำโพงแต่ละตัว ช่วยให้การตั้งค่าเป็นเรื่องง่ายสำหรับมือใหม่ ไม่ต้องวัดระยะ ป้อนค่าระยะห่าง และปรับบาลานซ์ระดับเสียงลำโพงเอง ซึ่งความแม่นยำของระบบ Auto Room EQ ใน AVR-X510BT ก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว ความแม่นยำของระยะลำโพงนั้นมีผลต่อมิติเสียงอย่างมาก
เมื่อดำเนินขั้นตอน Auto Room EQหน้าจอตัวเครื่องจะแสดงคำว่า Speaker Calibration โดยขณะที่ระบบวัดเสียง ภายในห้องจะต้องไม่มีเสียงรบกวน เพื่อความแม่นยำ รอจนกระทั่งเสร็จสิ้นกระบวนการ ใช้เวลาไม่กี่นาที
ในการปรับตั้งค่าลำโพงจะมีให้เลือกว่าลำโพงที่เราใช้ในชุด Home Theater มีขนาดเล็กหรือใหญ่ ซึ่งมีผลต่อการถ่ายทอดเสียงย่านความถี่ต่ำ ถ้าลำโพงใหญ่ ตอบสนองความถี่ย่านต่ำได้ครอบคลุม สามารถกำหนดเป็น Large ได้ แต่ถ้าลำโพงเล็ก การตอบสนองย่านต่ำจำกัด ต้องเลือกเป็น Small เพื่อให้เสียงเบสต่ำลึกที่ลำโพงเล็กให้ไม่ได้ ถูกโยกส่งไปเป็นหน้าที่ของ Subwoofer แทน
หน้าที่ของ Auto Room EQ ของ AVR-X510BTนอกจากเป็นตัวช่วยตั้งค่าลำโพงพื้นฐาน (Speaker Calibration) แล้ว สามารถ ชดเชยดุลเสียงของลำโพงจากปัญหาทางอะคูสติกได้ หากไม่ต้องการใช้ระบบปรับแก้ดุลเสียงของลำโพง สามารถ Off ได้ที่หัวข้อ Audio → Room EQ
