07 May 2021
Review

รีวิว Denon D-T1 Mini Compo ใช้งานง่าย เล่น CD ได้ มี Bluetooth พร้อม Optical ต่อกับ TV ได้ด้วย


  • TopZaKo

ราคาของ Denon D-T1 อยู่ที่ 11,900 บาท

แม้ว่าในยุคนี้คนส่วนใหญ่จะนิยมฟังเพลงผ่านแอปสตรีมมิ่งเป็นหลัก แต่อีกหนึ่งช่องทางที่ยังคงครองใจนักฟังเพลงหลายคนก็คือแผ่น Audio CD ซึ่งนอกจากจะได้คุณภาพของเสียงที่ดีแล้ว ยังเปรียบเสมือนของสะสมจากศิลปินที่เราชื่นชอบอีกด้วย

วันนี้ผมมี Mini Compo รุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ Denon รุ่น D-T1 ที่เน้นการใช้งานที่เรียบง่าย ออกแบบมาเพื่อคนรักการฟังเพลงผ่าน CD โดยเฉพาะ รองรับการเล่นแผ่น Audio CD, ไฟล์เพลงแบบ Mp3 WMA, รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ฟังเพลงจากมือถือ, มีช่องต่อ Optical เชื่อมต่อจากทีวีใช้ดูหนัง ฟังเพลง ดูรายการต่างๆ ได้ และรองรับการฟังวิทยุจาก FM / AM อีกด้วย จะเป็นอย่างไรมาดูกันครับ

Spec And Design – สเปค และ การออกแบบ

Denon D-T1 รุ่นนี้มีด้วยกันทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ (Black) และ สีเทาเงิน (Premium Silver / Grey)

ดีไซน์ ของ D-T1 เครื่องนี้ต้องบอกว่าดูสวยงามเรียบหรูในระดับหนึ่งเลย ด้านหน้าของตัวเครื่องจะเป็นโลหะแบบผิวด้าน ส่วน Volume ปรับระดับเสียง กับปุ่มต่างๆ จะเป็นผิวแบบมันเงา เข้ากันเป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังมีจอแสดงผลข้อมูลต่างๆ เช่น ช่องสัญญาณ Input ที่เลือกอยู่, เวลาของเพลงที่กำลังเล่น และ เมนูการตั้งค่าต่างๆ ของตัวเครื่อง โดยเราสามารถปรับระดับ เพิ่ม/ลด ความสว่างของหน้าจอได้ที่ปุ่ม Dimmer บนรีโมทอีกด้วย

ปุ่มควบคุม ที่อยู่บริเวณหน้าตัวเครื่องก็ถือว่าค่อนข้างครบครัน ได้แก่ Volume เพิ่ม/ลด ระดับความดังเสียงแบบหมุน, ปุ่ม เปิด/ปิด ตัวเครื่อง, ปุ่ม Bluetooth, ปุ่ม Source เลือกสัญญาณ Input, ปุ่มควบคุมการเล่นเพลง, ปุ่ม Eject กดแผ่นออก และช่อง 3.5 สำหรับเชื่อมต่อกับหูฟัง

ตัวเครื่อง ให้กำลังขับสูงสุดอยู่ที่ 30W ตอบสนองความถี่ได้ตั้งแต่ 20 Hz – 20 kHz ขนาดของตัวเครื่องโดยประมาณจะอยู่ที่ กว้าง 21 x ยาว 29.5 x สูง 10.5 เซนติเมตร น้ำหนัก 2.8 กิโลกรัม ซึ่งถือว่ามีน้ำหนักที่กำลังดีสำหรับเครื่องเสียง Mini Compo

เทียบให้ดูตัวเครื่องของทั้ง 2 สีแบบชัดๆ สวยไม่แพ้กันเลยทีเดียว

บริเวณที่ใส่แผ่นของตัวเครื่องจะเป็นแบบ CD Slot in สอดแผ่นเข้าไปเพื่อใช้งาน

ตู้ลำโพง (สเปคที่ระบุ ต่อตู้ลำโพง 1 ข้าง) ทำมาจากไม้อัดคุณภาพดี ด้านหน้าจะเป็นหน้ากากผ้าสีเดียวกับตัวเครื่องครอบคลุมดอกลำโพงภายในไว้ โดยหน้ากากจะไม่สามารถแกะออกได้ ตัวตู้จะมีขนาดอยู่ที่ กว้าง 15.2 x ยาว 25.5 x สูง 24.2 เซนติเมตร มีน้ำหนักอยู่ที่ 3.4 กิโลกรัม

ภายในตู้จะประกอบไปด้วย ลำโพงวูฟเฟอร์ขนาด 12 เซนติเมตร (4.8 นิ้ว) จำนวน 1ดอก และ ลำโพงทวิตเตอร์แบบโดม ขนาด 2.5 เซนติเมตร (1 นิ้ว) จำนวน 1 ดอก ตอบสนองความถี่ได้ตั้งแต่ 50Hz จนถึง 20 kHz ให้กำลังขับสูงสุด 15W (6 Ω/ohms, 1 kHz, T.H.D. 10 %) เมื่อรวมกันทั้ง 2 ข้างจะให้กำลังขับสูงสุดอยู่ที่ 30W หากดูที่ตัวเลขอาจดูไม่สูงมากแต่จากการทดสอบบอกเลยว่าคุณภาพเสียงเกินตัวจริงๆ

รีโมท เรียกว่าให้ปุ่มมาแบบครบครันทุกฟังก์ชันการใช้งาน โดยมีปุ่มควบคุมต่างๆ เช่น ปุ่ม เปิด/ปิด เครื่อง, ปุ่ม เพิ่ม/ลด ความดังเสียง, ปุ่มเลือกสัญญาณ Input ต่างๆ , ปุ่มลูกศรควบคุม 4 ทิศทาง และมีปุ่ม Tone ไว้สำหรับปรับแต่งเสียงเล็กๆ น้อยๆ เดี๋ยวจะกล่าวถึงในภายหลังครับ แต่มีจุดสังเกตอีกหนึ่งอย่างว่าที่รีโมทนี้จะไม่มีปุ่ม Eject สำหรับกดเพื่อนำแผ่นออกจากตัวเครื่องมาให้จะต้องไปกดที่ตัวเครื่องเท่านั้น

อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง ก็จะประกอบไปด้วย สายไฟ, เสารับสัญญาณ FM / AM, รีโมท, ถ่าน AAA 2 ก้อน, คู่มือการใช้งาน และสายลำโพง ซึ่งสายลำโพงที่ให้มาถือว่าดีในระดับหนึ่งเลยตัวสายมีความหนากว่าสายแถมของเครื่องเสียงหลายๆ รุ่นที่เคยทดสอบมาเลยครับ

Connectivity – ช่องต่อ

ช่องต่อ ให้มาครบครันเพียงพอต่อการใช้งานในยุคสมัยนี้ได้เป็นอย่างดี ประกอบไปด้วย ช่องเสียบสายไฟ AC สามารถถอดเปลี่ยนสายไฟได้, ช่องต่อเสาอากาศ FM / AM, ช่องต่อ Analog แบบ RCA In, ช่องต่อ Optical In และช่องเสียบสายลำโพงแบบสปริงหนีบ

ด้านหลังตู้ลำโพงจะเป็นแบบสปริงหนีบ