09 Dec 2019
Review

รีวิวหนัง Ford v Ferrari – ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์


  • lcdtvthailand

ในปี1966 บริษัทฟอร์ดกำลังประสบปัญหาเรื่องยอดขายรถที่แพ้คู่แข่งอย่างเฟอร์รารี่ พวกเขาจึงคิดจะเอาชนะเฟอร์รารี่ให้ได้ในสนามแข่งเพื่อพิสูจน์ความขลังของแบรนด์ โดยหัวหอกในการแข่งครั้งนี้คือสองนักแข่งผู้เต็มไปด้วยความฝันและความปรารถนาที่จะสร้างรถแข่งที่เร็วและแรงที่สุดที่เคยมีมา

ชื่อผกก.James Mangold ที่สร้างชื่อมากับLogan (2017) ก็พอสร้างความน่าดูและความเชื่อมั่นที่คนดูมีต่อตัวหนังได้มากอยู่แล้ว และหนังก็ทำออกมาดีได้ตามที่คนดูคาดหวัง แต่แม้ว่าหนังจะชื่อFord v Ferrariก็ตาม แต่โฟกัสหลักของมันไม่ใช่การแข่งขันของบริษัทสองบริษัทนี้ หรือการแข่งรถ แต่เป็นการลุยเพื่อความฝันและความทะเยอทะยานของหนึ่งอดีตนักแข่งรถ “เชลบี้” (Matt Damon) และนักแข่งไฟแรงจอมอวดดีชาวอังกฤษอย่างเคน ไมลส์ (Christian Bale) ที่ต้องสู้กับการควบคุมของบริษัทที่มองแต่แง่การตลาดและมาร์เก็ตติ้ง เพื่อที่จะผลักดันผลงานชิ้นโบว์แดงของพวกเขา คือรถแข่งที่แรงที่สุด และทำตามความฝันของพวกเขา นั่นก็คือการได้ลงแข่งในสนามอีกสักครั้งหนึ่ง

ธีมหลักของหนังเลยเป็นการปะทะกันระหว่างPassion กับการควบคุมของระบบทุนนิยม เชลบี้และไมลส์นั้นมีทั้งฝีมือและใจที่เต็มร้อยในการลงแข่ง แต่ก็ถูกต้านเอาไว้ด้วยระบบของบริษัทฟอร์ดที่เน้นภาพลักษณ์มาก่อนทุกอย่าง จนพวกเขาต้องสู้และพิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มความสามารถเพื่อให้ได้ลงแข่งให้ได้ ตรงนี่เราจะเห็นเลยว่าสิ่งที่ทำให้ฟอร์ดเป็นรองไม่ใช่เพราะเทคโนโลยีการผลิตไม่ดีหรืออะไรทั้งนั้น แต่เป็นอีโก้ของพวกเขานั่นแหละที่ทำให้พวกเขามองข้ามคนเก่งมีความสามารถไป ไมลส์เป็นอัจฉริยะด้านเครื่องยนต์ แต่กลับถูกบริษัทกันไม่ให้ลงแข่งเป็นตัวแทนเพราะเขามีภาพลักษณ์ที่ไม่ตอบโจทย์ของคนใหญ่คนโตของบริษัท

ตรงนี้ถือว่าทำออกมาสะท้อนความจริงได้ชวนจุกเหมือนกัน เพราะมีหลายกรณีเหมือนกัน (โดยเฉพาะหนัง หรือเพลง)ที่คนมีฝีมือไม่ได้โชว์ฝีมืออย่างเต็มที่เพราะบริษัทต้นสังกัดไม่เชื่อมือพวกเขา หรือฝีมือพวกเขาไม่ตรงใจผู้บริหารบริษัท แถมตัวละครทั้งสองอย่างเชลบี้และไมลส์ก็น่าเอาใจช่วยในความทุ่มเทของพวกเขามากๆด้วย โดยเฉพาะไมลส์ที่คนใหญ่คนโตของฟอร์ดไม่เชื่อใจเขาเลยทั้งๆที่มีพร้อมทั้งฝีมือและใจ (การแสดงที่ยอดเยี่มและกวนประสาทของคริสเตียน เบล ก็ทำให้ตัวละครนี้โดดเด่นแย่งซีนได้ทุกวินาทีที่เขาอยู่บนจอ)

ฉากการแข่งรถในหนังนั้นแม้ว่าจะไม่เยอะ แต่ก็ทำออกมาได้มันส์ รวดเร็ว แรงและหวาดเสียวราวกับเราไปอยู่หลังพวงมาลัยจริงๆ ทั้งเสียงและภาพที่นำเสนอความเร็วและความแรงของเครื่องยนต์ได้อย่างถึงใจ รวมทั้งการแสดงที่เต็มไปด้วยพลังของคริสเตียน เบล และแมตต์ เดมอนที่ช่วยเสริมความมันส์สุดขั้วให้กับฉากแข่งรถเหล่านั้นได้มาก โดยเฉพาะการแข่งท้ายเรื่องที่ดุเดือดด้วยทั้งการแข่งรถและการงัดกับเบื้องบนของบริษัทจนกลายเป็นฉากแอ็คชั่นที่ลุ้นระทึกในอารมณ์มากที่สุดฉากหนึ่งของปีเลยทีเดียว เพราะด้านหนึ่งนอกจากจะรับมือกับคู่แข่งในสนามแล้ว ทีมของเชลบี้และไมลส์ยังต้องรับมือกับผู้สนับสนุนของตัวเองด้วย

Ford v Ferrari ถือว่าเป็นหนังชีวประวัติที่มันส์และบันเทิงมากทีเดียว นอกจากการแข่งรถที่ลุ้นระทึกและการจิกกัดระบบทุนนิยมของบริษัทยักษ์ใหญ่แล้ว มันก็ทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการทำสิ่งใหญ่ให้สำเร็จได้นั้น ก็คือสปิริตและความพยายามนั่นแหละ

คะแนน 9/10