23 Apr 2016
Review

รีวิว Harman Kardon: Esquire 2 Bluetooth Speaker เสียงดี งานเนียบ มาพร้อมกับลูกเล่นเกินตัว


  • raweepon
Harman Kardon รุ่น Esquire 2
ราคา  8,990 บาท

สวัสดีแฟนๆ เว็บไซต์ HOME THEATER THAILAND กลับมาพบกับ “นาย OatState” เฉกเช่นเคย ซึ่งช่วงหลังมานี้กระผมเองก็ห่างหายจากการรีวิวสินค้าในกลุ่มของ Audio และ Home Theater ไปนานพอสมควร กลับมาครั้งนี้กระผมเองก็มีลำโพงตัวเล็กขนาดพกพาและน่าใช้งาน มาแนะนำให้ใครหลายๆ คนที่อาจจะกำลังมองหาและอยากได้ลำโพงขนาดเล็กที่มาพร้อมกับคุณภาพเสียงที่ดีไว้ติดกระเป๋าสักตัว หรือถ้าใครอยากดูไว้เป็นแนวทางก็ได้ด้วยเช่นกัน

ำหรับลำโพงที่กระผมจะพกติดตัวมารีวิวให้คุณผู้อ่านได้รับชมกันในคราวนี้ก็เป็นแบรนด์ดังอย่าง “Harman Kardon” ที่ใครหลายคนอาจจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว โดยลำโพงขนาดพกพาแบบไร้สายตัวนี้มีชื่อรุ่นว่า “Esquire 2” จะเรียกว่าเป็นรุ่นต่อจากเจ้า Esquire ที่คุณ Boomerangได้เคยรีวิวไปแล้วก่อนหน้านี้แล้วก็ไม่เชิงนะ แต่จากที่ดูคร่าวๆ ลำโพงตัวนี้อาจจะลูกเล่นน้อยกว่านิดนึงเสียด้วยซ้ำ ถ้าในเรื่องขนาดจากที่ดูด้วยตาแล้วจะใหญ่ (กว้าง) กว่าเล็กน้อย

สเปคคร่าวๆ ของ Harman Kardon รุ่น Esquire 2 จะประกอบด้วย
– Bluetooth version: 4.1
– Support: A2DP v1.3; AVRCP v1.5; HFP v1.6; HSP v1.2
– Transducer: 4 x 32mm
– Rated power: 2 x 8W
– Frequency response: 75Hz ~20kHz
– Signal-to-noise ratio: >80dB
– USB charge out: Maximum 5V 1A
– Battery type: Lithium polymer (3.7V 3200mAH)
– Music playtime: up to 8 hours (varies by volume level and audio content)
– Battery charge time: 3.5 to 5.5 hours (varies by charging current, maximum 5V 2A)
– Dimensions (W x D x H): 190 x 34 x 130mm
– Weight: 599g

Design – การออกแบบ

หลังจากที่ได้เกริ่นถึงรายละเอียดและฟังก์ชันของเจ้า Harman Kardon รุ่น Esquire 2 กันไปแล้ว สำหรับลำโพงที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากอเมริกาอย่างตัวนี้ก็ย่อมต้องไม่ทิ้งชื่อเสียงด้านงานดีไซน์อย่างแน่นอน ซึ่งกระผมเองแอบได้ข่าวมาเหมือนกันว่า Esquire 2 ตัวนี้นี้ได้คว้ารางวัล iF DESIGN AWARD 2015 และ red dot award 2015 winner มาด้วยนะ

เห็นได้รางวัลใหญ่มาขนาดนี้กระผมชักเริ่มจะอยากสัมผัสตัวเป็นๆ เสียแล้วสิ เพราะฉะนั้นเรามาลองไล่ดูกันที่งานประกอบกันดีกว่าว่าจะเนียบเหมือนกับลำโพงตัวอื่นๆ ที่ทาง Harman Kardon ได้เคยทำออกมาหรือไม่? ถ้าหากคุณผู้อ่านพร้อมแล้วไปรับชมกันได้เลยจ้า

เปิดกล่องออกมาจะพบกับอุปกรณ์ทั้งหมด แต่แอบเสียดายนิดๆ ตรงที่ตัวนี้จะไม่ได้แถมซองสำหรับใส่ตัวลำโพงมาให้เหมือนกับรุ่น “Esquire” ที่คุณ Boomerang ได้รีวิวไปแล้วก่อนหน้านี้

โดยตัวอุปกรณ์และของแถมที่ใส่มาให้ภายในกล่องจะประกอบด้วย
1. ตัวของลำโพง Esquire 2 จำนวน 1 ตัว
2. สาย USB to Micro-USB จำนวน 1 เส้น
3. คู่มือการใช้งาน จำนวน 1 ชุด

หน้าตาโดยรวมที่ด้านหน้านั้นจะเป็นลายฉลุคล้ายกับตะแกรงสีดำ และปิดตรงกลางด้วยคำว่า “harman/kardon” ส่วนบริเวณกรอบรอบลำโพงจะเป็นอลูมิเนียมทั้งหมด ดูแล้วเรียบๆ ดีนะแต่ก็ยังคงมีกลิ่นไอของความ “หรูหรา” อยู่เช่นเคย

มาซูมดูที่ด้านหน้าของลำโพงกันแบบระยะประชิดโดยตัวของไดร์เวอร์จะซ่อนอยู่ใต้หน้ากากสีดำนี้เอง ซึ่งส่วนของหน้ากากจะเป็นพลาสติกที่มีการฉลุลายไว้ให้เสียงออกมาได้อย่างเรียบเนียนที่สุด แต่ถ้ามองลึกเข้าไปอีกจะเห็นว่ามีแผ่นคล้ายลวดตะแกรงช่วยป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าไปถึงข้างในอีกชั้นหนึ่ง

ซึ่งที่ด้านหลังของหน้ากากจะเป็นที่อยู่ของไดร์เวอร์ชั้นดีจาก Harman Kardon ที่สามารถให้กำลังขับได้สูงถึง 2 x 8 วัตต์ และแน่นอนว่าเป็นลำโพงที่ให้ระบบเสียงในรูปแบบสเตอริโอ ทั้งนี้บริเวณส่วนที่ใช้ตั้งกับพื้นยังได้ถูกติดตั้งแผ่นยางเล็กๆ ไว้เพื่อป้องกันการลื่นและลดการสั่นสะเทือนเวลาที่นำไปใช้งาน

ในส่วนของด้านข้างทางซ้ายจะมีไฟเล็กๆ ที่เอาไว้บอกสถานะของแบตเตอรี่ว่าตอนนี้แบตเตอรี่ของเราเหลือเท่าไหร่แล้ว

สำหรับตัวของไฟแสดงสถานะของแบตเตอรี่หากคิดง่ายๆ เลยไฟมีอยู่ 5 ดวงก็ตีไปซะว่าดวงละประมาณ 20% ก็แล้วกันเนอะ โดยแบตเตอรีที่ถูกติดตั้งมาให้ภายในนั้นจะมีความจุอยู่ที่ 3,200 mAh (ในสเปคบอกว่าสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 8 ชั่วโมง) ส่วนการใช้งานจริงจะใช้งานได้นานเท่าใดเดี๋ยวกระผมจะทดสอบให้เห็นกัน

ก่อนที่จะสลับไปดูที่ด้านข้างอีกด้านว่ามีอะไรบ้างต้องขอคั่นด้วยส่วนของด้านหลังกันสักเล็กน้อย

ซึ่งที่ด้านหลังของเจ้า Esquire 2 จะถูกหุ้มด้วยวัสดุที่เป็นหนังสีดำปิดปกคลุมบริเวณนี้เกือบทั้งหมด ตัวผิวของหนังที่มีลายขรุขระเมื่อได้ลองสัมผัสแล้วถือว่ากระชับและหนึบหนับมือมากๆ ขณะเดียวกันก็ยังคงซ่อนส่วนที่เป็นขาตั้งของลำโพงเอาไว้อีกด้วย สำหรับตัวของขาตั้งนั้นเพียงแค่ใช้นิ้วกดที่บริเวณด้านบนขาก็จะเด้งกางออกมาทันที

ที่อีกด้านหนึ่งของลำโพงจะเป็นจุดรวมช่องต่อต่างๆ และมีการสกรีนคำว่า “QUAS – MIC CONFERENCING” แปะไว้อีกด้วย

โดยช่องต่อที่ใส่มาให้บนตัวของ Esquire 2 จะมีพอร์ต USB, AUX 3.5mm และ Micro-USB นอกจากนี้ที่ด้านหน้าของลำโพงก็ยังได้รับการติดตั้งไมโครโฟนทั้ง 4 มุม นั่นก็หมายความว่าลำโพงตัวนี้มีไมโครโฟนมาให้ทั้งหมด 4 ตัวนั่นเอง

ถัดมาดูที่ปุ่มควบคุมการใช้งานของลำโพงตัวนี้กันต่อเลย ตรงส่วนด้านบน (ตามภาพ) จะมีไฟแสดงสถานะการเชื่อมต่ออยู่หนึ่งดวง ซึ่งซ่อนอยู่บริเวณด้านบนใกล้ๆ กับตัวของไดร์เวอร์

ในส่วนของปุ่มกดที่อยู่ด้านบนนั้นจะแบ่งเป็นปุ่มต่างๆ ได้ดังนี้ (จากซ้ายไปขวา)
1. ปุ่ม Power สำหรับ ปิด/เปิด เครื่อง
2. ปุ่มสำหรับกดซิงค์สัญญาณ Bluetooth
3. ปุ่มสำหรับกดรับสายโทรศัพ หรือใช้กดเพื่อ Play/Pause เพลง
4. ปุ่มสำหรับ Mute เสียงไมโครโฟน

ขยับมาทางด้านขวาจะเป็นปุ่มวอลุ่มที่ใช้สำหรับ เพิ่ม-ลด ระดับความดังของเสียง ซึ่งจะสังเกตเห็นว่ามีการทำรอยบั้งๆ เอาไว้เพื่อช่วยให้เวลาเราเอานิ้วไปกดจะได้ไม่ลื่น รวมทั้งยังช่วยให้เราสามารถคลำหาปุ่มได้ง่ายในกรณีที่นำไปใช้งานในที่ๆ มีแสงสว่างน้อย