22 Jul 2019
Review

รีวิว Hisense 65B8000 4K Dolby Vision TV ภาพสวยเสียงแจ๋ว ราคาสบายกระเป๋า


  • tormoo

เสียง

ต่อด้วยการทดสอบคุณภาพเสียง B8000 มีโครงสร้างลำโพงแบบสเตอริโอซ้าย-ขวา ยิงเสียงลงไปด้านล่างหรือ Down Firing กำลังขับ 10 Watts x 2 เสริมด้วย Passive Radiator ทางด้านหลังที่จะช่วยขับเสียงย่านต่ำมาเพิ่มความนุ่มนวลของเสียงอีกด้วย โดยรวมโทนเสียงของทีวีรุ่นนี้จะมีความใหญ่+นุ่มนวลชวนฟัง ย่านแหลมและกลางก็ถือว่าไม่น้อยหน้าจัดว่าอยู่เกณฑ์ดีกลมกล่อม ส่วนความดังของเสียงถือว่าถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น คือไม่ได้เน้นดังสนั่นลั่นทุ่งแบบ U7A ในปีที่ผ่านมา ทว่าถูกปรับลดความเจี๊ยวจ๊าวลงให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะกับห้องภายในบ้านทั่วไป

อีกจุดเด่นคือความสามารถในการส่งผ่านระบบเสียง Dolby Atmos กลับไปยัง AV Receiver หรือลำโพง Soundbar ที่รองรับระบบเสียงรอบทิศทางขั้นท็อปมาตรฐานนี้ผ่านช่อง HDMI ARC

*โหมดเสียงที่แนะนำก็คือ Standard จะให้สมดุลเสียงที่ดีที่สุดในทุกๆ ย่านเสียง

Passive Radiator ตัวช่วยสำคัญที่ช่วยเพิ่มพลังเสียงย่านต่ำ
Dolby Atmos มาแล้ว!!! *ตัวเลือกนี้ไม่มีผลถ้าไม่ได้เชื่อมต่อ Soundbar/AVR ที่รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ผ่านช่อง HDMI ARC
นี่ไงทั้ง Dolby Vision และ Dolby Atmos มาครบ ! อย่างในรูปนี้ทีมงานทดสอบร่วมกับ Soundbar ที่รองรับ Dolby Atmos ผ่านช่อง HDMI ARC
ฉากที่อสูรกายบุกถล่มห้างในเรื่อง Stranger Things เสียงมีน้ำมีนวล อิ่มแน่น แผ่กว้าง สร้างบรรยากาศให้ชวนสะพรึงดี

*** หากอยากอัพเกรดพลังเสียง ขอแนะนำให้ใช้ลำโพง Soundbar ที่มี Dolby Atmos ไปเลย จะได้ใช้ทุกฟีเจอร์เด่นของ B8000 ได้อย่างคุ้มค่าหน่อย   

เพิ่มเติม

สำหรับ B8000 ก็จะยังคงมากับระบบปฏิบัติการ VIDAA U 3.0 ของ Hisense เองเหมือนเคย โดยแอปพลิเคชั่นหลักๆ อย่าง Netflix และ Youtube นั้นก็ยังมีประจำการให้เลือกใช้งานเช่นเคย ร่วมด้วยหน้าตาของ UI (User Infterface) ที่ใช้งานง่าย ลองใช้งานเพียงแปบเดียวก็คล่องแล้ว

ซึ่งนอกจากแอปหลักๆ แล้ว VIDAA ก็ยังมีแอปพลิเคชั่นอื่นๆให้เลือกกันด้วย อย่าง PLEX ที่เป็นแอปพลิเคชั่น Media Sever ภายในบ้านก็มีให้ดาวน์โหลดเช่นกัน แม้ว่าแอปพลิเคชั่นโดยรวมแล้วจะมีน้อยกว่าระบบปฏิบัติการอื่นๆไปหน่อย แต่เอาเข้าจริงเท่านี้ก็เหลือเฟือต่อการใช้งานดูวีดีโอและหนังออนไลน์แบบผู้ใช้งานทั่วไป

ยังมีจุดสังเกตของ VIDAA อีกนิดหน่อยก็คือการตอบสนองกับรีโมทจะมีการตอบสนองที่อาจจะไม่เร็วปุ๊บปั๊บแต่ก็ถือว่าไม่ช้าจนน่าอึดอัด และยังไม่รองรับการสั่งงานทีวีด้วยคำสั่งเสียง

หน้าตา UI สวยงามดูดีใช้งานได้ง่ายมาก
Youtube ดู 4K ได้ไม่ต้องห่วง รองรับการ Cast จากมือถือด้วย
มีแอปเกมส์ด้วย แต่กรากฟิกอาจจะไม่ได้สวยเว่อร์วังนะ
แอปก็มีให้มาให้พอสมควร อาจจะไม่มากมาย แต่ก็เพียงพอกับการใช้งานพื้นฐาน
Netflix ถึงขั้นรองรับ Dolby Vision และ Dolby Atmos จ้า
และถ้าใครที่มีไฟล์หนังก็สามารถเสียบ Flashdrive หรือ External HDD ดูได้เลย ซับไตเติ้ลหรือเสียงก็เลือกได้หมด