23 Mar 2022
Review

รีวิว Integra DRX-3.4 + Klipsch RP-8000F 5.1.2 Dolby Atmos Pack พลิกโฉมพรีเมียมโฮมเธียเตอร์ จัดเต็ม HDMI 2.1


  • ชานม

ครั้งแรกกับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของ “Integra” พรีเมียมแบรนด์ของ Onkyo ! เปิดตัวกันด้วย DRX-3.4 AV Receiver มาพร้อม HDMI 2.1 รองรับ 8K60p, 4K120p HDR ถอดรหัสเสียงรอบทิศทางครบครัน การันตีด้วยมาตรฐาน IMAX Enhanced… มาดูกันว่ารุ่นนี้จะตอบโจทย์การใช้งานร่วมกับ Reference Premiere ซีรีส์ลำโพงไฮเอ็นด์ของ Klipsch ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกันได้โดดเด่นเพียงใด !

Onkyo แบรนด์เก่าแก่สัญชาติญี่ปุ่น อายุอานามเกือบ 80 ปี แล้ว ซึ่งนักเล่นเครื่องเสียงชาวไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่กับ Integra คงมีคนรู้จักไม่มากนัก เพราะเมื่อก่อนมีจำหน่ายเฉพาะฝั่งอเมริกาเหนือและออสเตรเลียเท่านั้น โดยพื้นฐาน Integra AVR รุ่นล่าสุด ถึงแม้อิงสเปคเดียวกับ Onkyo หลายจุด แต่ก็มีจุดเด่นที่แตกต่าง นอกจากรูปลักษณ์แล้ว คุณสมบัติที่เอื้อกับระบบ Cutom Installation และ Home Automation ได้ถูกเพิ่มเติมเข้ามาสำหรับ Integra

ปัจจุบัน Onkyo/Integra เป็นส่วนหนึ่งของ Voxx International ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกับแบรนด์ลำโพงอเมริกันชื่อดังอย่าง Klipsch จึงมีส่วนให้เสียงของ Integra AVR ซีรีส์ใหม่ถูกปรับจูนให้เข้ากับลำโพง Klipsch ได้เหมาะเจาะมากยิ่งขึ้น เพิ่มเติมด้วยฟีเจอร์ปรับเซ็ตที่สามารถกำหนดค่าแบบเจาะจงรุ่นลำโพง Klipsch ได้ ซึ่งผมจะกล่าวถึงต่อไปในรีวิวนี้ครับ…

หมายเหตุ: สำหรับใครที่ต้องการทราบความเป็นมาของแบรนด์ Onkyo/Integra ทางตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย Sound Republic ได้รวบรวมไว้ อ่านได้ ที่นี่ >>https://sound-republic.com/articles/news/onkyocompany/

Design – การออกแบบ

ใครที่เคยใช้งาน Onkyo มานาน อาจจะคุ้นตากับดีไซน์แผงหน้าของ Integra DRX-3.4 เพราะดูละม้ายคล้ายรุ่นเก่า (เมื่อนานมาแล้ว) อยู่ไม่น้อย
จุดที่ดูแตกต่างจาก Onkyo นอกจากโลโก้ Integra ที่มุมซ้ายบนแล้ว ในส่วนของ ปุ่ม On/Standby และลูกบิด Volume จะเป็น “สีเงิน” ตัดกับแผงหน้าอะลูมิเนียมสีดำชัดเจน
แผงหลังใช้สีพื้นขาวดูสว่างตา มองเห็นช่องต่อและตัวอักษรกำกับต่าง ๆ ได้เด่นชัด, เสาอากาศคู่ที่ด้านบน รับสัญญาณ Wi-Fi/Bluetooth สามารถบิดพับได้ ขนาดเสาไม่ใหญ่นักแต่สามารถรับสัญญาณได้ครอบคลุม รองรับ Dual band (2.4/5 GHz 2×2 MIMO) Wi-Fi
รีโมทคอนโทรล (IR) ขนาดกลาง ๆ (ไม่เล็กแต่ก็ไม่ถือว่าใหญ่) รูปทรงคุ้นเคยกันดี เพราะเหมือนของ Onkyo/Pioneer จะต่างก็ตรงสีปุ่ม Power/Standby จะเป็นสีฟ้า (Onkyo ใช้สีเหลือง)
อุปกรณ์อื่นที่ให้มานอกจากรีโมทคอนโทรลพร้อมแบตเตอรี่ ได้แก่ เอกสาร Quick Start Guide*, เสาอากาศภายในรับวิทยุ AM/FM, Dirac/AccuEQ Calibration Microphone และ สายไฟ

*หมายเหตุ: คู่มือการใช้งานตัวเต็ม (PDF) ดาวน์โหลดที่ https://integrahometheater.com/product/drx-3-4-9-2-channel-network-a-v-receiver/

Connectivity – ช่องต่อ

AUX HDMI Input ด้านหน้า เพิ่มความสะดวกในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ อย่างไรก็ดี HDMI ช่องนี้ จะเป็นเวอร์ชั่น 2.0 ต่างจากช่องด้านหลังที่เป็น HDMI 2.1, ส่วน Headphones Output (6.35 mm) ก็เป็นอีกหนึ่งอรรถประโยชน์ของ AVR สามารถเชื่อมต่อหูฟังเวลาไม่ต้องการรบกวนผู้อื่นได้ โดยมีกำลังขับที่ 85mW (32-Ohm, 1kHz, 10% THD) รองรับหูฟังที่มีค่าความต้านทานตั้งแต่ 8 – 600 โอห์ม และ Integra AVR รุ่นนี้ยังเพิ่มทางเลือกเชื่อมต่อ “หูฟังไร้สาย” ผ่าน Bluetooth Transmitter Mode ด้วยนะครับ (จะกล่าวถึงต่อไป)
มีช่อง Analog Audio/Video AUX ให้ด้วย, ขวาสุดเป็นช่อง Calibration Microphone ใช้ร่วมกับระบบ Dirac Live และ AccuEQ
ด้านหลังให้ช่องต่อสัญญาณภาพ-เสียง มาครบครัน เด่นสุดไม่พ้น HDMI 2.1 Input 6 ช่อง และ Output 2 ช่อง รองรับ 8K ทุกช่อง ! ในส่วน HDMI Out (Main) รองรับ eARC จึงรับสัญญาณและถอดรหัสเสียงจากทีวีรุ่นที่รองรับ ได้ถึง Dolby Atmos/TrueHD และ DTS:X/HD-MA
หากสรุปสเปคความสามารถช่องต่อ HDMI Input/Output ทั้งหมดของ Integra DRX-3.4 จะเป็นดังตารางนี้ครับ (ข้อมูลจากคู่มือการใช้งาน) จะสังเกตได้ว่า HDMI In 1, 2, 3 เป็น HDMI 2.1 (40Gbps)
ช่องต่อรูปแบบอื่น ๆ อาทิ Digital Audio S/PDIF แบบ Optical และ Coaxial ให้มาอย่างละ 1 ช่อง ไม่เยอะ (เน้น HDMI ซึ่งใช้ประโยชน์ได้เต็มที่กว่า), Stereo Analog Audio Input 6 ช่อง พร้อม Phono (MM) Input อีก 1 ช่อง สำหรับเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นแผ่นเสียง, ส่วนช่องรับสัญญาณภาพ Analog Composite และ Component ก็ยังมีให้ ไม่ได้ตัดทิ้ง

USB Input เชื่อมต่อ Flash Drive เล่นไฟล์เพลง Hi-res ได้ (up to 24-bit/192kHz, DSD256), Ethernet (10/100) และ Wi-Fi 802.11ac (2×2 MIMO) สำหรับเชื่อมต่อเครือข่ายฟังเพลงจาก Music Server หรือ Online Streaming ผ่านอินเทอร์เน็ต

Bidirectional Bluetooth ทำหน้าที่ได้ทั้งตัวรับและส่งสัญญาณเสียง (Receiver/Transmitter) กล่าวคือ Receiver (Rx) Mode DRX-3.4 จะรับสัญญาณไร้สายจากอุปกรณ์ Bluetooth อย่าง Smartphones เพื่อนำเสียงผ่าน DAC และขยายออกลำโพงโฮมเธียเตอร์ คุณภาพเสียงจะถูกอัพเกรดขึ้น โดย Bluetooth Codec ที่รองรับสูงสุดสำหรับ Rx Mode คือ HD Audio: AAC
ส่วน Transmitter (Tx) Mode DRX-3.4 จะนำสัญญาณเสียงจาก Input ต่าง ๆ ของ AVR ไปแปลงเป็นสัญญาณไร้สายส่งออกไปยัง Bluetooth Speakers หรือ Bluetooth Headphones ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้เสียงออกที่อุปกรณ์ Bluetooth อย่างเดียว (ฟังแบบส่วนตัว) หรือให้ออกลำโพงโฮมเธียเตอร์ไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย ทางเลือกใช้งานจึงยืดหยุ่นดีมาก ทั้งนี้ Bluetooth Codec ที่รองรับสูงสุดสำหรับ Tx Mode คือ aptX HD
ขั้วลำโพง Binding Post 9 แชนเนล ตามจำนวนภาคขยายที่ติดตั้งอยู่ภายใน กรณีที่ต้องการอัพเกรดไปใช้ เพาเวอร์แอมป์ภายนอก สามารถทำได้ผ่าน Pre Out 9.2 แชนเนล (สลับใช้งานเป็น Zone 3 Pre/Line Out ได้ด้วย)